สรุปเหตุชุลมุนหน้า สน.ประชาชื่น

กทม. 31 ต.ค.-มวลชนปักหลักชุมนุมหน้า สน.ประชาชื่น จนถึงเกือบรุ่งสาง หลัง “เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์” ถูกอายัดตัวมาทำบันทึกจับกุมจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวาย ถึงขั้นต้องหามแกนนำส่งโรงพยาบาล

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) ศาลอาญายกคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน”, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง”, นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ “หมอลำแบงค์” เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทำให้ทั้งหมดได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีมวลชนมาคอยให้กำลังใจ


อย่างไรก็ตาม ได้มีรถสายตรวจติดตราสัญลักษณ์กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ รถควบคุมผู้ต้องหา สน.ประชาชื่น เข้ามายังเรือนจำฯ เพื่อเข้าอายัดตัวผู้ต้องหาทั้งหมด โดยมีการปล่อยตัว “หมอลำแบงค์” ออกจากเรือนจำฯ

ต่อมาในเวลา 20.40 น. นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แจ้งว่า สน.ประชาชื่น ได้เข้าอายัดตัวเพราะตำรวจที่นนทบุรี, อยุธยา และอุบลฯ ประสานมา แต่มีปัญหาข้อกฎหมายว่า กรณีที่มีหมายจับและตำรวจสอบปากคำ/พิมพ์ลายนิ้วมือไปแล้ว หมายจับนั้นย่อมหมดไป จึงตั้งคำถามถึงการอายัดตัวทั้ง 3 คนว่า ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?


อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นมีรายงานว่า “ไมค์ ระยอง” กับ “เพนกวิน” ยืนยันว่าจะอารยะขัดขืนโดยไม่ขึ้นรถ เพราะเป็นการจับกุมโดยมิชอบ หลังจากนั้นสถานการณ์เริ่มตึงเครียด เนื่องจากทั้งทนายความ และนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย ได้เข้าไปสอบถามว่าใช้หมายจับจากศาลใด ขณะที่เหล่ามวลชนได้กดดันเจ้าหน้าที่ซึ่งเตรียมนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไป สน.ประชาชื่น

กระทั่งเวลา 21.05 น. รถควบคุมผู้ต้องขัง สน.ประชาชื่น ได้นำตัว “ไมค์ ระยอง” และ “เพนกวิน” ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปอีกประตู โดยหลีกเลี่ยงกลุ่มมวลชนและสื่อมวลชนที่มาปักหลักหน้าเรือนจำฯ โดยมีรายงานว่าทั้ง 2 คนตะโกนออกมาจากรถคุมขังว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!!!”

อย่างไรก็ตาม ก่อนถึง สน.ประชาชื่น ปรากฏว่ามีมวลชนจำนวนหนึ่งได้ขวางทางรถควบคุมผู้ต้องหา โดยมีบางส่วนได้ใช้ของแข็งคล้ายท่อนไม้ทุบตีบริเวณท้ายรถอย่างรุนแรง จนทำให้ไฟท้ายแตก เมื่อถึง สน.ประชาชื่น ได้เกิดความชุลมุนวุ่นวายอีกครั้งเมื่อมวลชนที่ปักหลักหน้า สน.ประชาชื่น ได้เข้าล้อมรถควบคุมผู้ต้องหาตะโกนคำว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พบเห็น “ไมค์ ระยอง” เป็นลมหมดสติอยู่ในรถควบคุมผู้ต้องหา ยิ่งทำให้กลุ่มมวลชนเดือดขึ้นไปอีก ส่วนสภาพรถควบคุมผู้ต้องหาอยู่ในสภาพพังยับเยินเพราะกระจกหน้าและหลังแตก ขณะที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่แพทย์ฯ เข้าไปปฐมพยาบาล “ไมค์ ระยอง”


ขณะที่ “เพนกวิน” มีอาการคล้ายกับ “ไมค์ ระยอง” คือ ใกล้จะเป็นลมหมดสติ ต้องนำตัวออกมาจากรถ พร้อมกับนำยาดมและระดมกำลังพัดวีให้ดีอาการดีขึ้น จน “เพนกวิน” ต้องถอดเสื้อ ใช้น้ำราดศีรษะและลำตัว พร้อมกับทาแป้งเย็นเพื่อเพิ่มเติมความสดชื่นให้กับร่างกาย ส่วนเจ้าหน้าที่ได้นำ “ไมค์ ระยอง” ขึ้นเปลสนาม ก่อนลำเลียงไปส่ง รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น ขณะที่ “รุ้ง” ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวเข้าไปภายใน สน.ประชาชื่น เพื่อทำบันทึกการจับกุม

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา “เพนกวิน” นำไมโครโฟนมาพูดปราศรัยที่หน้า สน.ประชาชื่น ท่ามกลางมวลชนที่มาให้กำลังใจ พร้อมประกาศจุดยืนว่า ตำรวจไม่มีอำนาจควบคุมตัว จึงจะอารยะขัดขืน และนั่งหน้า สน.ประชาชื่น จนกว่าตำรวจจะยอมรับว่าไม่มีอำนาจการจับกุม และหากยืนยันว่าจะควบคุมไปดำเนินคดีต่อ เตรียมแจ้งความเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ท่ามกลางมวลชนที่มาให้กำลังใจ โดยมีทั้ง แอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์, น้องมายด์ รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ เข้าร่วม ก่อนที่ “รุ้ง” จะเดินลงมาจาก สน.ประชาชื่น และนั่งลงร่วมปราศรัย

หลังจากนั้นเวลา 03.00 น. ขณะมวลชนกำลังนั่งปราศรัยด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย ปรากฏว่า พันตำรวจเอกเอกราช อุ่นเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประกาศต่อหน้ามวลชนว่า จะขอนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเข้าทำการสอบสวนที่ชั้น 2 ของ สน.ประชาชื่น โดยอ้างเหตุแห่งคดีที่เคยเกิดขึ้นในท้องที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา โดย “เพนกวิน” ได้สอบถามตำรวจว่า หากยินดีกระทำตามแล้วจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ แต่ตำรวจไม่รับปาก โดยยืนยันแต่เพียงว่าจะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายทุกประการ ใช้เวลาต่อรอง 10 นาทีทั้งคู่จึงยอมเดินขึ้นชั้น 2

ทั้งนี้ กลุ่มมวลชนได้ตะโกนโห่ร้องท่ามกลางความโมโหที่ตำรวจนำตัวแกนนำขึ้นไปสอบสวนทั้งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าทั้ง 2 คนจะถูกอายัดตัวดำเนินคดีหรือไม่

ต่อมาในเวลา 04.35 น. นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เดินออกมาจาก สน.ประชาชื่น เพื่อแจ้งแก่กลุ่มมวลชนที่ยังปักหลักรอที่บริเวณด้านหน้า ว่า ขณะนี้การสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว และจะพาตัวทั้ง 2 คนไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 ซึ่งทั้ง 2 คนมีอาการอ่อนเพลีย โดยเฉพาะ “เพนกวิน” มีอาการบาดเจ็บจากเศษกระจกต้องพักฟื้น 2-3 วัน ส่วน “ไมค์ ระยอง” รู้สึกตัวแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาตัว

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้ง 2 คนขึ้นรถพยาบาลของ รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น โดยมีนายแพทย์ทศพร รวมถึงนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าขึ้นรถติดตามไปด้วย ส่วนมวลชนได้ยุติการชุมนุม ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าหลังตำรวจสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว จะส่งสำนวนคำให้การส่งศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยไม่นำตัว 2 แกนนำไปส่งศาลแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืน พาญาติช่วยเจรจามอบตัว

สุรินทร์ 15 ส.ค.- เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืนกลางดึก หลบอยู่ในบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ประสานญาติช่วยเจรจามอบตัว เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปกครองและตำรวจ นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามตัวพลทหารก่อเหตุรัวยิงปืนกลางดึก ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ผกก.สภ.กาบเชิง ลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมตำรวจและทหาร ก่อนเดินทางไปติดตามอาการผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล เบื้องต้นคนเจ็บให้การว่า นั่งดื่มสุรา 5-6 คน ก่อนจะแยกย้ายกันเหลือนั่งอยู่ 2 คน จากนั้นไม่นานพลทหารนายดังกล่าวก็ออกมายืนกราดยิงห่างประมาณ 50 เมตร วัยรุ่น 2 คนจึงรีบหมอบหลบได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ด้านนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ ขณะนี้พบตัวทหารผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างประสานไปยังครอบครัวให้เดินทางเข้าพื้นที่ช่วยเจรจามอบตัว -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]