สรุปเหตุชุลมุนหน้า สน.ประชาชื่น

กทม. 31 ต.ค.-มวลชนปักหลักชุมนุมหน้า สน.ประชาชื่น จนถึงเกือบรุ่งสาง หลัง “เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์” ถูกอายัดตัวมาทำบันทึกจับกุมจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวาย ถึงขั้นต้องหามแกนนำส่งโรงพยาบาล

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) ศาลอาญายกคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน”, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง”, นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ “หมอลำแบงค์” เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทำให้ทั้งหมดได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีมวลชนมาคอยให้กำลังใจ


อย่างไรก็ตาม ได้มีรถสายตรวจติดตราสัญลักษณ์กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ รถควบคุมผู้ต้องหา สน.ประชาชื่น เข้ามายังเรือนจำฯ เพื่อเข้าอายัดตัวผู้ต้องหาทั้งหมด โดยมีการปล่อยตัว “หมอลำแบงค์” ออกจากเรือนจำฯ

ต่อมาในเวลา 20.40 น. นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แจ้งว่า สน.ประชาชื่น ได้เข้าอายัดตัวเพราะตำรวจที่นนทบุรี, อยุธยา และอุบลฯ ประสานมา แต่มีปัญหาข้อกฎหมายว่า กรณีที่มีหมายจับและตำรวจสอบปากคำ/พิมพ์ลายนิ้วมือไปแล้ว หมายจับนั้นย่อมหมดไป จึงตั้งคำถามถึงการอายัดตัวทั้ง 3 คนว่า ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?


อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นมีรายงานว่า “ไมค์ ระยอง” กับ “เพนกวิน” ยืนยันว่าจะอารยะขัดขืนโดยไม่ขึ้นรถ เพราะเป็นการจับกุมโดยมิชอบ หลังจากนั้นสถานการณ์เริ่มตึงเครียด เนื่องจากทั้งทนายความ และนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย ได้เข้าไปสอบถามว่าใช้หมายจับจากศาลใด ขณะที่เหล่ามวลชนได้กดดันเจ้าหน้าที่ซึ่งเตรียมนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไป สน.ประชาชื่น

กระทั่งเวลา 21.05 น. รถควบคุมผู้ต้องขัง สน.ประชาชื่น ได้นำตัว “ไมค์ ระยอง” และ “เพนกวิน” ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปอีกประตู โดยหลีกเลี่ยงกลุ่มมวลชนและสื่อมวลชนที่มาปักหลักหน้าเรือนจำฯ โดยมีรายงานว่าทั้ง 2 คนตะโกนออกมาจากรถคุมขังว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!!!”

อย่างไรก็ตาม ก่อนถึง สน.ประชาชื่น ปรากฏว่ามีมวลชนจำนวนหนึ่งได้ขวางทางรถควบคุมผู้ต้องหา โดยมีบางส่วนได้ใช้ของแข็งคล้ายท่อนไม้ทุบตีบริเวณท้ายรถอย่างรุนแรง จนทำให้ไฟท้ายแตก เมื่อถึง สน.ประชาชื่น ได้เกิดความชุลมุนวุ่นวายอีกครั้งเมื่อมวลชนที่ปักหลักหน้า สน.ประชาชื่น ได้เข้าล้อมรถควบคุมผู้ต้องหาตะโกนคำว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พบเห็น “ไมค์ ระยอง” เป็นลมหมดสติอยู่ในรถควบคุมผู้ต้องหา ยิ่งทำให้กลุ่มมวลชนเดือดขึ้นไปอีก ส่วนสภาพรถควบคุมผู้ต้องหาอยู่ในสภาพพังยับเยินเพราะกระจกหน้าและหลังแตก ขณะที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่แพทย์ฯ เข้าไปปฐมพยาบาล “ไมค์ ระยอง”


ขณะที่ “เพนกวิน” มีอาการคล้ายกับ “ไมค์ ระยอง” คือ ใกล้จะเป็นลมหมดสติ ต้องนำตัวออกมาจากรถ พร้อมกับนำยาดมและระดมกำลังพัดวีให้ดีอาการดีขึ้น จน “เพนกวิน” ต้องถอดเสื้อ ใช้น้ำราดศีรษะและลำตัว พร้อมกับทาแป้งเย็นเพื่อเพิ่มเติมความสดชื่นให้กับร่างกาย ส่วนเจ้าหน้าที่ได้นำ “ไมค์ ระยอง” ขึ้นเปลสนาม ก่อนลำเลียงไปส่ง รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น ขณะที่ “รุ้ง” ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวเข้าไปภายใน สน.ประชาชื่น เพื่อทำบันทึกการจับกุม

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา “เพนกวิน” นำไมโครโฟนมาพูดปราศรัยที่หน้า สน.ประชาชื่น ท่ามกลางมวลชนที่มาให้กำลังใจ พร้อมประกาศจุดยืนว่า ตำรวจไม่มีอำนาจควบคุมตัว จึงจะอารยะขัดขืน และนั่งหน้า สน.ประชาชื่น จนกว่าตำรวจจะยอมรับว่าไม่มีอำนาจการจับกุม และหากยืนยันว่าจะควบคุมไปดำเนินคดีต่อ เตรียมแจ้งความเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ท่ามกลางมวลชนที่มาให้กำลังใจ โดยมีทั้ง แอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์, น้องมายด์ รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ เข้าร่วม ก่อนที่ “รุ้ง” จะเดินลงมาจาก สน.ประชาชื่น และนั่งลงร่วมปราศรัย

หลังจากนั้นเวลา 03.00 น. ขณะมวลชนกำลังนั่งปราศรัยด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย ปรากฏว่า พันตำรวจเอกเอกราช อุ่นเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประกาศต่อหน้ามวลชนว่า จะขอนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเข้าทำการสอบสวนที่ชั้น 2 ของ สน.ประชาชื่น โดยอ้างเหตุแห่งคดีที่เคยเกิดขึ้นในท้องที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา โดย “เพนกวิน” ได้สอบถามตำรวจว่า หากยินดีกระทำตามแล้วจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ แต่ตำรวจไม่รับปาก โดยยืนยันแต่เพียงว่าจะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายทุกประการ ใช้เวลาต่อรอง 10 นาทีทั้งคู่จึงยอมเดินขึ้นชั้น 2

ทั้งนี้ กลุ่มมวลชนได้ตะโกนโห่ร้องท่ามกลางความโมโหที่ตำรวจนำตัวแกนนำขึ้นไปสอบสวนทั้งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าทั้ง 2 คนจะถูกอายัดตัวดำเนินคดีหรือไม่

ต่อมาในเวลา 04.35 น. นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เดินออกมาจาก สน.ประชาชื่น เพื่อแจ้งแก่กลุ่มมวลชนที่ยังปักหลักรอที่บริเวณด้านหน้า ว่า ขณะนี้การสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว และจะพาตัวทั้ง 2 คนไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 ซึ่งทั้ง 2 คนมีอาการอ่อนเพลีย โดยเฉพาะ “เพนกวิน” มีอาการบาดเจ็บจากเศษกระจกต้องพักฟื้น 2-3 วัน ส่วน “ไมค์ ระยอง” รู้สึกตัวแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาตัว

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้ง 2 คนขึ้นรถพยาบาลของ รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น โดยมีนายแพทย์ทศพร รวมถึงนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าขึ้นรถติดตามไปด้วย ส่วนมวลชนได้ยุติการชุมนุม ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าหลังตำรวจสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว จะส่งสำนวนคำให้การส่งศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยไม่นำตัว 2 แกนนำไปส่งศาลแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เจรจาล่ม ตัวแทนจีนไม่พอใจลุกกลางวงเจรจา ยันไม่ติดเงินใคร

เจรจาล่ม ตัวแทนจีนไม่พอใจ ลุกกลางวงเจรจา ยันไม่ติดเงินใคร ด้านบริษัท 9PK นำเอกสารชี้แจง พร้อมขอให้บริษัทจีนช่วยอนุมัติเงินมาจ่ายให้กลุ่มผู้รับเหมาก่อน

จับแล้วโจรบุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่

จับแล้วโจรมาเลย์บุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่ จนมุมสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เผยมาหาลูกชายที่ จ.นนทบุรี แต่ลูกไม่ให้เข้าบ้าน

ปิดล้อมจับชายวัย 43 ยิงเพื่อนบ้าน-ตร.เจ็บ 4

ตำรวจปิดล้อมนานถึง 11 ชั่วโมง จับชายวัย 43 ปี ใช้ปืนยิงเพื่อนบ้านและตำรวจที่เข้าระงับเหตุ บาดเจ็บรวม 4 ราย หลังโมโหเพื่อนบ้านติดกล้องวงจรปิดหันส่องไปทางบ้านผู้ก่อเหตุ ยิงแก๊สน้ำตา-ญาติเกลี้ยกล่อม ยังไม่เป็นผล

แผ่นดินไหวขนาด 5.8 ในไต้หวัน-ไม่มีรายงานความเสียหาย

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไต้หวันรายงานวันนี้ว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดด 5.8 ที่เทศมณฑลอี้หลาน (Yilan) ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลทางตจะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

ข่าวแนะนำ

สงกรานต์ภูเก็ตสุดคึกคัก นักท่องเที่ยวแห่เล่นน้ำฉ่ำ

สงกรานต์ภูเก็ตปีนี้คึกคัก หาดป่าตองเล่นสงกรานต์กันยันสว่าง ขณะที่ช่วงเช้ามีการทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ และรำวงแบบไทย ภายใต้อุโมงค์น้ำริมชายหาด บรรยากาศครึกครื้น

สีสันปี๋ใหม่เมือง สงกรานต์ล้านนา

เริ่มแล้ว ประเพณีปี๋ใหม่เมือง หรือสงกรานต์ล้านนา ที่เชียงใหม่ ตระการตาสีสันวัฒนธรรมล้านนา พร้อมชมความงามของแม่หญิงขี่รถถีบกางจ้อง หนึ่งเดียวในไทย ขณะที่รอบคูเมืองเชียงใหม่-ลานประตูท่าแพ เล่นน้ำสงกรานต์คึกคัก

“ชัชชาติ” เผยไม่เจอสัญญาณชีพจุดพบแสงไฟ คาดกระจกสะท้อน

“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” เผยไม่พบสัญญาณชีพจุดพบแสงไฟ คาดเป็นกระจกสะท้อน เร่งขุดโซนบนลดลงมาแล้วกว่า 3 เมตร ภาพรวมการรื้อซากกว่า 40%