คะแนนนิยม

โตเกียว 6 ต.ค. – ผลสำรวจความเห็นจากสื่อของญี่ปุ่นหลายแห่งชี้ว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นที่เพิ่งได้รับเลือกให้ดำรงแหน่งผู้นำประเทศเมื่อสองวันก่อน มีคะแนนนิยมต่ำกว่าในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีก่อน หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน ของญี่ปุ่นรายงานว่า นายกรัฐมนตรีคิชิดะมีคะแนนนิยมเพียงร้อยละ 45 ส่วนหนังสือพิมพ์ไมนิจิ ระบุว่าเขามีคะแนนนิยมเพียงร้อยละ 49 ขณะที่หนังสือพิมพ์โยมิอูริที่เป็นสายอนุรักษ์นิยมรายงานว่ามีประชาชนร้อยละ 56 ที่สนับสนุนรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ และหนังสือพิมพ์นิกเคอิระบุว่าร้อยละ 59 ของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อย่างไรก็ดี ผลคะแนนนิยมในภาพรวมพบว่า รัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีคิชิดะมีคะแนนนิยมต่ำกว่ารัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีซูงะที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีก่อน โดยที่หนังสือพิมพ์อาซาฮีระบุว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีคิชิดะได้รับความนิยมน้อยกว่าถึงร้อยละ 20 ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีคิชิดะกล่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่า เขาทราบผลคะแนนนิยมแล้ว แต่คิดว่ามีช่องว่างที่ห่างกันค่อนข้างมากของผลสำรวจของแต่ละสำนัก อย่างไรก็ดี เขาน้อมรับผลคะแนนนิยมที่ได้ไปปรับปรุงการทำงาน ซึ่งรวมถึงผลคะแนนนิยมที่ต่ำด้วย และจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักก่อนถึงการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาแล้ว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีคิชิดะยังระบุว่า เขาจะประกาศยุบสภาในวันที่ 14 ตุลาคม และจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 31 ตุลาคม โดยให้ความสำคัญกับนโยบายรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย

นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะของญี่ปุ่นมีคะแนนนิยมต่ำเป็นประวัติการณ์ ขณะที่จะถูกท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาลในอีกไม่ถึง 1 เดือน

จาการ์ตา 26 ส.ค.- ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันพุธพบว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซียมีคะแนนนิยมร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เพราะประชาชนไม่พอใจผลงานการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาดระลอก 2 สำนักสำรวจอินดิกาตอร์โพลิติกอินโดนีเซียสอบถามชาวอินโดนีเซีย 1,220 คน ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม-4 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โรคโควิด-19 กำลังระบาดถึงจุดสูงสุด ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลและขาดแคลนออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยหนัก ผู้ตอบร้อยละ 59 พอใจผลงานของประธานาธิบดีวิโดโด เป็นคะแนนต่ำที่สุดนับจากเดือนมีนาคม 2549 และถึงแม้ผู้ตอบร้อยละ 54.3 ยังคงเชื่อใจประธานาธิบดีว่ารับมือกับวิกฤตด้านสุขภาพได้อย่างเหมาะสม แต่ส่วนใหญ่มองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศย่ำแย่ที่สุดนับจากปี 2547 ผู้ตอบส่วนใหญ่ไม่พอใจมาตรการจำกัดการระบาดที่ใช้มาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม และเพิ่งผ่อนคลายเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ชาวอินโดนีเซียกว่าครึ่งทำงานในเศรษฐกิจนอกระบบ มาตรการจำกัดจึงกระทบวิถีชีวิตของผู้คนอย่างหนัก ผู้ตอบร้อยละ 79.2 เผยว่า รายได้ลดลงมาก ร้อยละ 53.3 บอกว่า ฐานะครอบครัวแย่ลงหรือแย่ลงกว่าเดิมมาก ด้านนักวิเคราะห์ของคอนคอร์ดคอนซัลติงระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ประธานาธิบดีวิโดโดมีคะแนนนิยมลดลงคือ โรคโควิด-19 และการที่รัฐบาลดำเนินนโยบายรับมือที่สร้างความสับสนและไม่สอดคล้องกัน นอกจากนี้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลอินโดนีเซียมักลดลงอยู่เสมอ หากคนมองว่าเศรษฐกิจเติบโตน้อยกว่าที่ควร และมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 […]

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ มีคะแนนนิยมเหลือเพียงร้อยละ 46 ในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนอเมริกันล่าสุด ลดลงจากร้อยละ 53 ในการสำรวจครั้งก่อน และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ

ลอนดอน 14 ต.ค.- ผลสำรวจของอังกฤษพบว่า โจ ไบเดน พรรคเดโมแครตมีคะแนนนิยมนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกันมากเป็นประวัติการณ์ถึง 17 จุด ขณะที่การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มเข้าสู่การแข่งขันช่วงสุดท้ายแล้ว หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนเผยแพร่ผลสำรวจของโอพิเนียมรีเสิร์ช ที่ปรึกษาและบริษัทวิจัยตลาดในอังกฤษที่สอบถามออนไลน์กับชาวอเมริกันวัย 18 ปีขึ้นไปจำนวน 2,003 คน ระหว่างวันที่ 8-12 ตุลาคม ผู้ตอบร้อยละ 57 เผยว่าจะลงคะแนนให้ไบเดน ขณะที่ร้อยละ 40 เผยว่าจะลงคะแนนให้ทรัมป์ คะแนนที่ทิ้งห่างกันถึง 17 จุดนี้มากกว่าที่ซีเอ็นเอ็น (CNN) สำรวจเมื่อต้นเดือนว่า ไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์ร้อยละ 57 ต่อ 41 หรือ 16 จุด ผลสำรวจพบว่า การถึงแก่กรรมของผู้พิพากษาศาลฎีกาสายเสรีนิยม พฤติกรรมโต้วาทีหรือดีเบตนัดแรกของทรัมป์ที่เลวร้าย และการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในทำเนียบขาวที่ทรัมป์ก็ติดเชื้อด้วยทำให้คะแนนเทไปทางฝั่งไบเดนมากขึ้น ไบเดนได้คะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ตั้งแต่เดือนกันยายน เขามีคะแนนนำทรัมป์ในเรื่องสาธารณสุข ความสัมพันธ์เชื้อชาติ การสร้างงาน และเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องที่ทรัมป์พยายามสร้างภาพไบเดนว่าสมองไม่ปกติดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะผู้ตอบร้อยละ […]