ความมั่นคง

ปักกิ่ง 16 มิ.ย. – ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวย้ำกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในระหว่างพูดคุยกันทางโทรศัพท์ว่า เขาสนับสนุนเรื่องอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ แม้ทั่วโลกเรียกร้องให้จีนประณามการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย กระทรวงต่างประเทศของจีนเผยเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 69 ปีของประธานาธิบดีสีว่า ผู้นำจีนได้กล่าวย้ำทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูตินว่า เขาสนับสนุนเรื่องอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของรัสเซีย ทั้งยังให้คำมั่นที่จะกระชับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ผู้นำจีนย้ำด้วยว่า จีนประเมินสถานการณ์ในยูเครนอย่างเป็นอิสระ ขอให้ทุกฝ่ายผลักดันให้มีการแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างเหมาะสม จีนพร้อมที่จะเดินหน้าส่งเสริมให้มีทางออกที่เหมาะสมในเรื่องนี้ ขณะที่รัฐบาลรัสเซียระบุว่า ประธานาธิบดีปูตินกับประธานาธิบดีสีได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ของจีนกับรัสเซียที่อยู่ในจุดสูงสุด และยืนยันถึงความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ การพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีสีกับประธานาธิบดีปูตินในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่รัสเซียสั่งเปิดฉากบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ออกมาประณามการกระทำของรัสเซีย และเตือนจีนไม่ให้ช่วยเหลือรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้เตือนประธานาธิบดีสีในระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อเดือนมีนาคมว่า หากจีนส่งความช่วยเหลือไปยังรัสเซีย จีนก็จะต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐอ้างว่ารัสเซียได้ขอความช่วยเหลือด้านทหารจากจีน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่จีนกับรัสเซียปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง. -สำนักข่าวไทย

สหรัฐและจีนถูกคาดหมายว่าจะใช้การประชุมด้านความมั่นคงของเอเชียในสัปดาห์นี้เป็นเวทีในการโต้คารมกันอย่างเผ็ดร้อนในหลากหลายประเด็นตั้งแต่อธิปไตยของไต้หวันไปจนถึงสงครามในยูเครน แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะแสดงความประสงค์ว่าต้องการจะหารือกันเพื่อประสานความเห็นที่ไม่ตรงกัน

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะลงมติในวันนี้ในเรื่องที่สหรัฐพยายามผลักดันให้เพิ่มมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือ จากการที่เกาหลีเหนือกลับไปทดสอบยิงขีปนาวุธทิ้งตัวอีกครั้ง ในขณะที่จีน ซึ่งมีอำนาจยับยั้งมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ระบุว่า ความพยายามของสหรัฐไม่ช่วยแก้ปัญหาใด ๆ

ฮ่องกง 8 พ.ค.- นายจอห์น ลี ผู้สมัครผู้บริหารฮ่องกงคนใหม่ที่มีเพียงคนเดียวได้รับเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงล้นหลาม และเตรียมดำรงตำแหน่งต่อจากนางแคร์รี หล่ำในวันที่ 1 กรกฎาคม นายลี วัย 64 ปี อดีตหัวหน้าหน่วยงานด้านความมั่นคงของฮ่องกงได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน 1,416 เสียง และมีผู้ออกเสียงไม่สนับสนุนเพียง 8 เสียง ทำให้ได้เสียงล้นหลามเกินเสียงข้างมากที่ต้องได้อย่างน้อย 751 เสียง ในการลงคะแนนลับเช้าวันนี้ที่มีคณะกรรมการการเลือกตั้งใช้สิทธิมากกว่าร้อยละ 97 จากทั้งหมดเกือบ 1,500 คน เขาเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวและได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง 786 เสียงเมื่อเดือนก่อน ตำรวจอารักขาความปลอดภัยรอบสถานที่ลงคะแนนอย่างแน่นหนา และสกัดกลุ่มผู้ประท้วงเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งไม่ให้เคลื่อนขบวนเข้ามาใกล้ นายลีดูแลการปราบปรามการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเมื่อปี 2562 เขารับปากจะฟื้นฟูฮ่องกงในฐานะเมืองสากลและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน แต่มีเสียงวิจารณ์ว่า ความพยายามของเขาน่าจะเผชิญอุปสรรค เพราะเขาถูกสหรัฐคว่ำบาตรในปี 2563 เนื่องจากบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนประกาศใช้ในฮ่องกงในปีเดียวกันอย่างเข้มงวด.-สำนักข่าวไทย

โป๋อ๋าว 21 เม.ย.- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนย้ำว่า จีนคัดค้านการใช้มาตรการคว่ำบาตรแต่ฝ่ายเดียว และการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดน แต่ไม่ได้ระบุชื่อตะวันตกโดยตรงที่คว่ำบาตรรัสเซียเพราะรุกรานยูเครน ประธานาธิบดีสีใช้การกล่าวสุนทรพจน์ทางวิดีทัศน์ต่อที่ประชุมประจำปีของฟอรัมเอเชียโป๋อ๋าวบนเกาะไหลำ ทางตอนใต้ของจีนในวันนี้เตือนว่า วิธีตัดขาดและกดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การตัดห่วงโซ่อุปทานเป็นสิ่งที่ไม่ได้ผล จีนขอผลักดันความริเริ่มด้านความมั่นคงระดับโลกที่ยึดมั่นในหลักการความมั่นคงที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ การสร้างโครงสร้างความมั่นคงที่สมดุล มีประสิทธิภาพและยั่งยืน และคัดค้านการสร้างความมั่นคงแห่งชาติบนความไม่มั่นคงของประเทศอื่น ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า จะต้องทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกมีเสถียรภาพ และว่าเศรษฐกิจจีนมีความยืดหยุ่นมากเพียงพอ จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องแนวโน้มในระยะยาว แต่ไม่ได้พูดถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในจีนแต่อย่างใด รัสเซียเคยเรียกร้องตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนรุกรานยูเครนให้ชาติตะวันตกเคารพกฎบัตรปี 2542 ที่สมาชิกองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปหรือโอเอสซีอี (OSCE ) ลงนามที่นครอิสตันบูลของตุรกีว่า ไม่มีประเทศใดสามารถเสริมสร้างความมั่นคงของตนเองด้วยการทำให้ประเทศอื่นเดือดร้อน เป็นการอ้างอิงตามหลักการความมั่นคงที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ที่มีการกำหนดครั้งแรกในข้อตกลงเฮลซิงกิปี 2518.-สำนักข่าวไทย