ประชาชนหลั่งไหลบริจาคเลือด-ทภ.2 ยันไทยยังได้เปรียบทุกจุดปะทะ

สุรินทร์ 2 ก.ค. – ประชาชนหลั่งไหลบริจาคเลือด รพ.สุรินทร์ ต้องเพิ่มเตียงรองรับ ขณะที่กองทัพภาค 2 ยืนยันฝ่ายไทยยังควบคุมสถานการณ์และดำรงความได้เปรียบเหนือข้าศึกในการต่อสู้ทุกจุดปะทะ ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ประชาชนหลั่งไหลบริจาคเลือดเป็นจำนวนมาก จนถึงเที่ยงวัน จำนวนผู้บริจาคอยู่ที่ 355 คน ขณะที่เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.) เริ่มเปิดรับบริจาคเวลา 16.00 น. รวมทั้งการรับบริจาคที่หน่วยคลังเลือด และออกหน่วยบริการนอกพื้นที่ มีผู้บริจาคทั้งสิ้น 868 คน จากปกติมีคนบริจาคไม่ถึงวันละ 90 คน โดยประชาชนเดินทางมาบริจาคได้ถึงเที่ยงคืน เสียงตอบรับเกินคาด ทำให้โรงพยาบาลต้องเพิ่มเตียงบริจาค เพื่อรองรับประชาชน ด้าน พ.อ.กัมปนาท วาพันสุ รองเสนาธิการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงยืนยันว่า ฝ่ายไทยยังคงควบคุมสถานการณ์และดำรงความได้เปรียบในการต่อสู้ในทุกจุดปะทะเหนือข้าศึก ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้.-สำนักข่าวไทย

4 รมต.ลงพื้นที่ดูแลปชช. รับมือสถานการณ์ชายแดน

ทำเนียบ 25 ก.ค.- รัฐบาลส่ง 4 รัฐมนตรีลงพื้นที่ 4 จังหวัด ดูแลประชาชน รับมือสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเตรียมเที่ยวบินรับคนไทยในกัมพูชา จัดชุดดูแลความปลอดภัย 24 ชม. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเน้นย้ำให้ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในระดับพื้นที่และส่วนกลาง รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่คนไทยในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบและประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 […]

รัฐบาลไทยย้ำจุดยืนสันติภาพภายใต้หลักสากล ชี้ชัดกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน

ทำเนียบ 25 ก.ค.- รัฐบาล ยืนยันไทยใช้หลักฐานสู้ด้วยความจริงในเวทีสหประชาชาติ เผยแพร่ข้อเท็จจริงกรณีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ย้ำจุดยืนสันติภาพภายใต้หลักกฎหมายสากล ชี้ชัดกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่ฝ่ายกัมพูชาได้เลือกใช้กำลังทางทหารก่อนและยังเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม เป็นเครื่องมือในการจัดการกับข้อพิพาท ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีของรัฐภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ ทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายหลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงและเสถียรภาพในอาเซียน โดยล่าสุด คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาไปยังคณะผู้แทนถาวรและคณะผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำสหประชาชาติในนครนิวยอร์กทั้งหมด ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ “รัฐบาลไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งแม้ในขณะที่ประเทศไทยได้แสดงวุฒิภาวะของประเทศที่ยึดมั่นตามหลักกฎหมายและความรับผิดชอบ ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกแนวทางที่บ่อนทำลายเสถียรภาพของภูมิภาค โดยเฉพาะการคร่าชีวิตพลเมืองผู้บริสุทธิ์ และทำลายความไว้วางใจจากนานาชาติ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ห่างไกลจากหลักการแห่งสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ” นายจิรายุ กล่าว -สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. ย้ำกัมพูชาเริ่มยิงก่อน ทูตไทยที่นิวยอร์กจ่อแจง UNSC

ทำเนียบ 25 ก.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ กัมพูชาเริ่มยิงก่อน เตือนประชาชนไทย-กัมพูชาตามแนวชายแดน อพยพจากพื้นที่แนวรบ เพื่อลดความสูญเสีย เผยวันนี้ยังมีจุดปะทะ 12 แห่ง ยัน เขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ยิง รพ.-เด็ก-พลเรือน เผย ทูตไทยที่นิวยอร์กเตรียมแจง UNSC บ่ายนี้ ชี้ไม่มีการลงมติ คาด แค่ขอยุติปะทะ ขณะที่ “มาริษ” ถึงไทยคืนนี้ พร้อมเปิดรายละเอียด ด้าน โฆษก กต. หารือสื่อต่างประเทศ อธิบายข้อเท็จจริง พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. ด้านความมั่นคง และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. การต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม​ 2568 โดยพล.ร.ต.สุรสันต์ […]

รมว.ท่องเที่ยวฯ เล็งถกบอยคอต ห้ามกัมพูชาลุยซีเกมส์

25 ก.ค. – รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมหารือร่วมกับมนตรีซีเกมส์ ถึงการ “บอยคอต” ห้ามนักกีฬาจากกัมพูชามาแข่งขันซีเกมส์ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ หลังเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้มีปัญหาต่อเนื่องมาถึงช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม นายสรวงศ์ กล่าวว่า ถือเป็นข้อห่วงใย ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรี ต้องดูแล และได้ประสานไปยังประธานมนตรีซีเกมส์แล้ว เรื่องนี้ต้องมีการหารือกันแน่นอน โดยต้องดูว่า จะเข้าไปแทรกแซงได้อย่างไร หรือจะบอยคอตอย่างไร เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากมีความสูญเสียของพี่น้องประชาชนเกิดขึ้น แม้แต่การจะเดินทางมาแข่งขันของนักกีฬากัมพูชาเอง บางทีอาจจะไม่ปลอดภัยด้วยซ้ำ ดังนั้น มองว่า ต้องให้เวลาเยียวยา ขณะนี้เหลืออีก 5 เดือนจะถึงซีเกมส์ ถ้าสถานการณ์ไม่บานปลาย ตนในฐานะรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจอะไรไปห้ามเขามาแข่ง แต่เป็นเรื่องของคณะมนตรีซีเกมส์ นายสรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุขึ้น โอลิมปิกกัมพูชายังไม่ได้ติดต่อมาคุยเรื่องนี้ ล่าสุดที่มีการติดต่อกันคือ รัฐมนตรีกีฬากัมพูชา ได้ทำหนังสือขอโทษมายังมนตรีซีเกมส์แล้วเรื่องใช้โลโก้ซีเกมส์ผิด.-สำนักข่าวไทย

จ่อยื่น IPU ข้อเท็จจริงปมปะทะชายแดน ประณาม “กัมพูชา”

รัฐสภา 25 ก.ค.-สหภาพรัฐสภาไทย ออกแถลงการณ์ประณาม “กัมพูชา” ใช้ความรุนแรง ทำ ปชช. ไทยเสียชีวิต เตรียมยื่นถึง IPU กว่า 181 ประเทศให้รับทราบข้อเท็จจริง พร้อมแสดงความวิตกต่อสถานการณ์ ชี้ เป็นช่องทางลดปัญหาความขัดแย้ง หวัง สองประเทศเจรจาบนโต๊ะภาคีอีกครั้ง นายนพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา และกรรมการบริหารหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา (IPU) ได้อ่านถ้อยแถลงประจำชาติไทยใน IPU ว่า หน่วยประจําชาติไทยในสหภาพรัฐสภา ขอแสดงความกังวลอย่างยิ่ง และขอประณามการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนโดยรัฐบาลกัมพูชาซึ่งส่งผลให้ เกิดความสูญเสียและบาดเจ็บต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ประเทศไทยขอยืนยันพันธกรณีอันแน่วแน่ของตนตามอนุสัญญาออตาวา และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมถึง อนุสัญญาเจนีวา และกฎหมาย มนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งห้ามการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและการโจมตีต่อพลเรือนและโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด ประเทศไทยขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไทยมิได้เป็นฝ่ายเริ่มใช้กําลังหรือเผชิญหน้าก่อนแต่อย่างใด ประเทศไทยเป็นเหยื่อต่อการกระทําอันก้าวร้าวโดยไม่มีการ ยั่วยุ และการคุกคามต่อสันติภาพ ซึ่งรวมถึงการใช้กับระเบิด อาวุธหนักและการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยไม่เลือกของกัมพูชา ประเทศไทยกระทําการเพื่อป้องกันตนเอง และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนตามสิทธิ์ที่ได้รับการรับรองในกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรง ระหว่างประเทศ และยุติการกระทําอันเป็นปรปักษ์ ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ หน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภาขอเรียกร้องผ่านประชาคมระหว่างประเทศ และสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union […]

สมช. ประณามกัมพูชาใช้กำลังอาวุธโจมตีไม่เลือกเป้า

ทำเนียบ 25 ก.ค.-สมช. ประณามเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังอาวุธโจมตี โดยไม่เลือกเป้าหมายที่กระทบต่อพลเรือน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อกรณีฝ่ายกัมพูชารุกล้ำละเมิดอธิปไตยของไทย สมช. ขอประณามเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังอาวุธโจมตี โดยไม่เลือกเป้าหมายที่กระทบต่อพลเรือน ถือว่าเป็นการกระทำ ที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ และกระทบต่อความมั่นคงของชาติ สมช. ยืนหยัดทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อการดำรงชีวิตโดยปกติของประชาชนชาวไทย การรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้ทหารและผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน.-314.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ปฏิเสธข้อกล่าวหาใช้ F-16 โจมตีพลเรือนกัมพูชา

กทม. 25 ก.ค.-กองทัพบก ปฏิเสธข้อกล่าวหาใช้ F-16 โจมตีพลเรือนกัมพูชา ดูออก หวังผลเวทีโลก ชี้ไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารจำกัดวงแค่เป้าหมายที่ภัยคุกคาม แฉข้อมูลกัมพูชาตั้งจุดยิงอาวุธใกล้ชุมชน หวังใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง ลั่นอาวุธไทยมีประสิทธิภาพ ไม่เหมือนกัมพูชาขาดความแม่นยำ เมื่อเวลา 12.36 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสื่อกัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อากาศยานโจมตีเป้าหมายพลเรือน ตามที่มีรายงานข่าวจากสื่อบางแห่งในประเทศกัมพูชา ระบุว่าประเทศไทยใช้เครื่องบินรบ F-16 ติดอาวุธโจมตีฐานทัพ และพื้นที่พลเรือนในฝั่งกัมพูชา กองทัพบกขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และเห็นว่าเป็น ข่าวบิดเบือน (Disinformation) ที่อาจถูกใช้เพื่อหวังผลต่อการรับรู้ในเวทีต่างประเทศ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามลำดับดังนี้ 1.ยืนยันฝ่ายไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารดำเนินการต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก จำกัดวงอยู่เฉพาะเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามทางทหาร ดำเนินการอย่างระมัดระวัง ภายใต้ หลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) 2.มีข้อมูลด้านการข่าวระบุว่า ฝ่ายกัมพูชา พยายามตั้งจุดยิงอาวุธสนับสนุน เช่น ปืนใหญ่ และจรวด ใกล้พื้นที่ชุมชน เข้าข่ายเป็นการใช้ “ใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง” (Human Shields) ซึ่ง ขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง 3.ไทยหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่อาจกระทบพลเรือน แม้จะมีสิทธิในการตอบโต้ตามหลักการป้องกันตนเอง แต่ฝ่ายไทยพยายามไม่ดำเนินการทางทหารต่อเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อพลเรือน โดยไม่จำเป็น […]

ทูตไทยจ่อแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค.นี้

นิวยอร์ก 25 ก.ค.-ทูตไทยเตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดและเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (24 ก.ค.)โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว […]

องค์กรสื่อห่วงความปลอดภัยประชาชนและสื่อมวลชน

กรุงเทพ 25 ก.ค. – จากสถานการณ์การสู้รบที่ปะทุขึ้นในหลายพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนชาวไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินพลเรือนในหลายพื้นที่ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดังกล่าว แถลงการณ์ระบุถึงความกังวลต่อความปลอดภัยของประชาชน และไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ นอกจากนี้ ยังแสดงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเพื่อนสื่อมวลชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเน้นย้ำให้สื่อมวลชนใช้ความระมัดระวังสูงสุด ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และยึดแนวปฏิบัติของสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติว่าด้วยการนำเสนอข่าวสงครามหรือการสู้รบระหว่างประเทศ พ.ศ. 2565 อย่างเคร่งครัด หลักปฏิบัติสำคัญสำหรับสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสถานการณ์สู้รบ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้สรุปแนวปฏิบัติสำคัญ 7 ข้อ เพื่อให้สื่อมวลชนใช้เป็นหลักในการรายงานข่าวสถานการณ์การสู้รบ ดังนี้: นำเสนอตามข้อเท็จจริง: ต้องนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงเท่านั้น หลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อมูลหรือความคิดเห็นที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด ความเกลียดชัง และอคติ ระมัดระวังภาพและคลิปความรุนแรง: ควรระมัดระวังการนำเสนอภาพหรือคลิปความสูญเสียที่สยดสยองหรือหวาดเสียว โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลีกเลี่ยงการใช้ความสูญเสียในสงครามเพื่อกระตุ้นยอดขายหรือยอดผู้ชม ระบุแหล่งที่มาและบริบทชัดเจน: ต้องระบุแหล่งที่มาของภาพ คลิปวิดีโอ หรือข้อมูลจากโซเชียลมีเดียให้ชัดเจนก่อนนำเสนอ เพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง กรณีใช้แฟ้มภาพข่าว ควรกำหนดวันที่และบริบทให้ชัดเจน ไม่เปิดเผยข้อมูลทางยุทธศาสตร์: ห้ามนำเสนอข่าวหรือภาพข่าวที่เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดทางยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธี ซึ่งอาจกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยึดหลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ: ควรเสนอข่าวโดยให้ความสำคัญต่อหลักมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยกฎระเบียบสงคราม (Rules of war) เช่น การใช้กำลังที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงความสูญเสียของพลเรือน […]

ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอาจบานปลายได้

ปักกิ่ง 25 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีนกล่าววานนี้ว่า การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชากำลังทวีความรุนแรงขึ้นด้วยการนำอาวุธหนัก เช่น เครื่องบินรบและปืนใหญ่จรวดมาใช้ หลังเกิดเหตุการณ์ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนที่มีข้อพิพาท พร้อมกับเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน จาง จุนเซ่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีน กล่าวกับโกลบอล ไทมส์ (Global Times) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนในวันพฤหัสบดีว่า การที่กองทัพไทยนำเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 มาใช้และกัมพูชานำเครื่องยิงจรวดมาใช้ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังย่ำแย่ลง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะบานปลายต่อไป จากมุมมองทางทหารแล้ว ประเทศไทยได้มีความได้เปรียบเนื่องจากมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่า นายจางกล่าวว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน และสถานการณ์ที่อาจจะบานปลายนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือต่อทั้งภูมิภาค วิธีที่ดีที่สุดคือการแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สาเหตุของการปะทะล่าสุดเกิดจากทุ่นระเบิด โดยไทยกล่าวหากัมพูชาในสัปดาห์นี้ว่าวางทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาทซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและกล่าวว่าทหารลาดตระเวณออกจากเส้นทางที่ตกลงกันไว้และเหยียบทุ่มระเบิดเก่าที่หลงเหลือมาจากสงครามในกัมพูชา สำหรับจีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการช่วยเหลือประเทศต่างๆ รวมถึงกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ซึ่งจางกล่าวว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบของจีนในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ในปี 2567 มหาวิทยาลัยวิศวกรรมกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้จัดหลักสูตรเก็บกู้ระเบิดสองหลักสูตรสำหรับบุคลากรจากกัมพูชาและลาว ที่เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากทุ่นระเบิด กองทัพจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการเก็บกู้ระเบิด ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา จีนได้ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้ระเบิดกว่า 700 คนจากกว่า 20 ประเทศ และส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญไปต่างประเทศเพื่อดำเนินการสอนภาคสนามหลายครั้ง.-813.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเอสซีจะประชุมฉุกเฉินเรื่องไทย-กัมพูชาวันนี้

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี จะประชุมฉุกเฉินในวันนี้ เกี่ยวกับเหตุปะทะตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา แหล่งข่าวด้านการทูตเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสว่า การประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ของกัมพูชาจะเป็นการประชุมลับ ในเวลา 15.00 น. ตามเวลาในนครนิวยอร์คของสหรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของยูเอ็นเอสซี หรือ ตรงกับ 02.00 น. ของเช้าวันเสาร์ตามเวลาในประเทศไทย สื่อมวลชนกัมพูชา รายงายก่อนหน้านี้ว่านายฮุน มาเน็ต ได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการไปยังยูเอ็นเอสซี เรียกร้องให้จัดประชุมด่วนเพื่อยับยั้ง สิ่งที่เขากล่าวหาว่า “ไทยกระทำการรุกรานต่ออธิปไตยของกัมพูชา” ในหนังสือที่ส่งถึงนายอาซิม อิฟติคาร์ อาห์หมัด ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของยูเอ็นเอสซี นายฮุน มาเน็ตยังเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทั้งหมดทันทีและถอนกำลังกลับไปยังฝั่งไทย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุใดๆ เพิ่มเติม.-813.-สำนักข่าวไทย

1 11 12 13 14 15 108
...