ชัวร์ก่อนแชร์ : ดื่มกาแฟส้มเป็นประจำ เสี่ยงไขมันพอกตับ จริงหรือ ?

Screenshot

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์เตือนว่า การดื่มกาแฟส้มทุกเช้า อาจทำให้เสี่ยงเป็นไขมันพอกตับได้โดยไม่รู้ตัว ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ดร.วนะพร ทองโฉม นักสุขศึกษา (นักกำหนดอาหารวิชาชีพ) งานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

เรื่อง “ดื่มกาแฟส้มเป็นประจำ เสี่ยงไขมันพอกตับ” มีส่วนจริง


ไขมันพอกตับเกิดจากร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารที่มากเกินไป และเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในตับ

ไม่ว่าจะเป็นกาแฟส้มหรือเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ที่มีน้ำตาลปริมาณมากก็เป็นเหตุทำให้มีไขมันพอกตับที่มากขึ้นได้

“กาแฟส้มเสี่ยงไขมันพอกตับ” สาเหตุไม่ได้เกี่ยวกับกาแฟที่ใส่


“กาแฟ” ไม่ได้มีส่วนทำให้ไขมันพอกตับ องค์ประกอบที่ใส่ในกาแฟส้มต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล น้ำผลไม้ หรือน้ำหวานต่าง ๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดไขมันพอกตับและตับอักเสบขึ้นได้

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือประมาณ 24 กรัม เท่านั้น

“น้ำตาล” เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยน้ำตาล 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี แต่คนไทยบริโภคน้ำตาลสูงถึง 25 ช้อนชาต่อวัน (ประมาณ 100 กรัมต่อวัน)

โดยเฉลี่ยแล้ว น้ำหวาน 1 แก้ว ที่ดื่มกันบ่อย ๆ มีน้ำตาลมากกว่า 6 ช้อนชา

ดังนั้น ถ้าต้องการดื่มก็ควรสั่ง “หวานน้อย” และ/หรือ ไม่ควรเกิน 2 ช้อนชาต่อ 1 แก้ว

หลีกเลี่ยงน้ำตาล ใช้น้ำตาลเทียมและสารให้ความหวาน ช่วยได้หรือไม่ ?

มีการศึกษาเรื่อง “น้ำตาลเทียม” และ “สารให้ความหวานที่ไม่ได้ให้พลังงาน” พบว่า มีความสัมพันธ์กับการอักเสบที่ตับได้

ดังนั้น การได้รับน้ำตาลเทียมมากเกินไป ถึงแม้ว่าพลังงานจะน้อยก็ตาม แต่ก็เกิดการอักเสบที่ตับได้ รวมถึงไปก่อกวนจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารที่ดี และการเสียสมดุลของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารจากน้ำตาลเทียม

จำเป็นต้อง “เลิกดื่ม” กาแฟส้ม หรือไม่ ?

ถ้าตัดได้ “การเลิกดื่มกาแฟส้ม” จะส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะว่าเป็นการตัดโอกาสที่จะได้รับน้ำตาลมากเกินไป

การดื่มกาแฟไม่มีน้ำตาลเป็นสิ่งที่ดี คอกาแฟมีทางเลือกหลายทาง แต่ถ้ายังติดกาแฟส้ม ก็ควรสั่งแบบไม่ต้องใส่ไซรัป (Syrup) เพิ่มอีก และรวมถึงการปรับเปลี่ยนชนิดของอาหารเพื่อจะได้ไม่ต้องรับน้ำตาลเพิ่ม

ถ้าดื่มกาแฟส้มในวันนั้นแล้ว โควตาน้ำตาลเต็มแล้ว มื้ออื่น ๆ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นแหล่งน้ำตาลจะได้ไม่เป็นการเพิ่มน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย

ดังนั้น ใครมีไขมันพอกตับอยู่แล้ว สิ่งที่ควรปฏิบัติทันทีก็คือ

1. ถ้ามีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ (อ้วน) จะต้องลดน้ำหนักทันที

2. กินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา ใครกินน้อยกว่าได้ยิ่งดี เป็นการลดและตัดปัจจัยเสี่ยง

3. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่มุ่งตรงไปสะสมเป็นไขมันที่ตับ

4. การออกกำลังกาย ในคนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์หรืออ้วน ถ้าปรับเรื่องการกินอาหารอย่างเดียวจะทำได้ระยะหนึ่ง แต่ถ้ามีการออกกำลังกายร่วมด้วยจะช่วยลดน้ำหนัก เมื่อน้ำหนักลดลง ไขมันพอกตับก็จะลดลงได้ด้วยเช่นกัน

เรื่องดื่มกาแฟส้มเสี่ยงไขมันพอกตับสามารถแชร์ต่อได้ และอย่าลืมระมัดระวังเครื่องดื่มชนิดอื่นที่มีน้ำตาลมากเช่นเดียวกัน เพราะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากไม่ได้มีเฉพาะกาแฟส้มเท่านั้น

🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นายแพทย์อัครวิทย์ พูลสมบัติ อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

เรื่องที่แชร์กันว่า “ดื่มกาแฟส้มเป็นประจำ เสี่ยงไขมันพอกตับ” เป็นเรื่องจริง เพราะในน้ำส้มมีน้ำตาลฟรักโทส (Fructose) มาก การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลปริมาณมาก คือการเพิ่มโอกาสไขมันพอกตับมากขึ้น

ไม่ใช่เฉพาะ “กาแฟส้ม” ที่เสี่ยงไขมันพอกตับได้ ยังมีเครื่องดื่มอีกหลายชนิดที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมาก ก็จะมีความเสี่ยงได้รับ “น้ำตาลมากเกิน” ส่งผลให้เกิดภาวะอ้วนลงพุงมากขึ้นและตามมาด้วยไขมันพอกตับ

รู้จักอันตรายจาก “ไขมันพอกตับ”

ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) หมายถึง ภาวะที่มีการสะสมของไขมัน (ในรูปของ Triglyceride) ในเซลล์ตับ

ไขมันพอกตับเป็นสาเหตุของ “โรคตับแข็ง” (Liver Cirrhosis)  และมีโอกาสเป็น “มะเร็งตับ” (Liver Cancer) ได้

โรคตับแข็งเป็นผลมาจากเนื้อเยื่อตับถูกทำลายจากหลายสาเหตุต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง เกิดพังผืดในเนื้อตับ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะกลายเป็นตับแข็งในที่สุด

ดังนั้น การรักษาไขมันพอกตับ เพื่อ “ป้องกัน” ไม่ให้เกิดตับแข็งและมะเร็งตับ

ดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ลดไขมันพอกตับได้ จริงหรือ ?

มีข้อมูลเรื่องกาแฟกับไขมันพอกตับระบุไว้ว่า การดื่มกาแฟ (ที่ไม่ใส่น้ำตาล) อย่างน้อยวันละ 8 แก้วขึ้นไป สามารถแก้ปัญหาไขมันพอกตับได้

การดื่มกาแฟปริมาณมาก (8 แก้วต่อวัน) อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหารและตับไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟปริมาณมากเพื่อหวังลดปัญหาไขมันพอกตับ

การแก้ไขปัญหาไขมันพอกตับที่ได้ผลดี ปลอดภัย และยั่งยืน ก็คือการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และมีพฤติกรรมสุขภาพในชีวิตประจำวันที่เหมาะสม เป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาไขมันพอกตับที่ได้ผลดี

ส่วนเรื่อง “กาแฟส้ม” ก็ไม่ได้ห้ามดื่ม ใครต้องการดื่มก็ได้ แต่ต้องไม่ดื่มมากเกินไป ซึ่งรวมถึงน้ำหวานชนิดอื่นทั้งหลายด้วย เพราะตราบใดที่ดื่มน้ำหวานมากก็จะทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุงมากขึ้น ไขมันพอกตับก็จะตามมาเช่นเดียวกัน

เรื่อง “กาแฟส้มเสี่ยงไขมันพอกตับ” แชร์ได้ เพราะกาแฟที่มีส่วนผสมของน้ำตาลปริมาณมาก ทำให้มีความเสี่ยงไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เขียนและเรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : ดื่มกาแฟส้มเป็นประจำ เสี่ยงไขมันพอกตับ จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]