ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : “แอนแทรกซ์” โรคติดต่อร้ายแรงในสัตว์กินหญ้าสู่คน

Screenshot

จากกรณีพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ 1 ราย ในจังหวัดมุกดาหาร ปัจจัยเสี่ยงมาจากการชําแหละโคในงานบุญผ้าป่า และนำแจกจ่ายกินกันภายในหมู่บ้าน พบผู้สัมผัสเนื้อโคที่ชําแหละจำนวน 247 คน (ผู้ที่ชำแหละโค 28 คน และผู้ที่กินเนื้อโคดิบ 219 คน)


“แอนแทรกซ์” ไม่ใช่โรคใหม่ ติดต่อได้จากสัตว์สู่คน

ชาวบ้านรู้จัก “โรคกาลี” ที่มีกันมาแต่โบราณกาล


ทางการแพทย์เรียกว่า โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis และสามารถพบเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ได้ทั่วไปตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในดิน น้ำ และวัสดุจากพืช สัตว์ เชื้อทนความร้อนและเย็นได้ดี และสปอร์ของเชื้อสามารถอยู่ในดินได้นานกว่า 10 ปี

ในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 ระบุไว้ว่า “แอนแทรกซ์” เป็นโรคติดต่อระบาดสำคัญอันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ใน “สัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด” ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วก็ติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น เช่น เสือ สุนัข แมว สุกร

โรคแอนแทรกซ์มักจะเกิดในท้องที่เคยมีประวัติว่ามีโรคนี้ระบาดมาก่อน แต่ด้วยการคมนาคมสะดวกและรวดเร็ว พ่อค้าสัตว์มักจะนำสัตว์ป่วย และ/หรือ สัตว์ที่อยู่ในระยะฟักตัวของโรคไปขายในท้องถิ่นอื่น ทำให้โรคมีการกระจายไปได้ไกล ๆ


โดยเชื้อโรคแอนแทรกซ์นี้ก่อให้เกิดโรคในคน 3 รูปแบบ คือที่ผิวหนัง ที่ปอดจากการสูดดม ที่ทางเดินอาหารและ oro-pharynx จากการกินเชื้อนี้เข้าไป

โรคแอนแทรกซ์ ติดต่อสู่คนได้อย่างไร

การติดต่อโรคแอนแทรกซ์สู่คน ส่วนใหญ่จะติดทางผิวหนังจากการสัมผัสสัตว์ป่วย หรือสัมผัสกับผลิตภัณฑ์สัตว์ที่ได้มาจากสัตว์ป่วย

นอกจากพบโรคแอนแทรกซ์มากในกลุ่มอาชีพเกษตรกรรมแล้ว ยังพบได้ในคนชำแหละเนื้อ สัตวแพทย์ หรือผู้ที่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่วย โรคติดมาสู่คนเนื่องจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือขาดความระมัดระวัง หรืออาจเป็นเพราะความยากจนเมื่อสัตว์ตายจึงชำแหละเนื้อมากิน

อย่างไรก็ตาม อุบัติการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นเกือบทุกครั้งมักจะเกิดขึ้นในสัตว์ก่อน แล้วคนไปติดเชื้อเข้ามา

โรคแอนแทรกซ์ “ผิวหนัง” จะเกิดจากเชื้อเข้าสู่ผิวหนังบริเวณรอยถลอกหรือบาดแผล

โรคแอนแทรกซ์ “ทางเดินหายใจ” เกิดจากการสูดหายใจเอาสปอร์ซึ่งติดมากับขนสัตว์ที่ส่งมาจากท้องถิ่นมีโรค (endemic area) แต่การติดต่อทางระบบหายใจยังไม่เคยมีรายงานในประเทศไทย

แอนแทรกซ์ “ระบบทางเดินอาหารและออโรฟาริง” มีสาเหตุจากการกินเนื้อสัตว์ที่ป่วยตายด้วยโรคนี้ แล้วไม่ปรุงให้สุกเพียงพอ

ส่วนมากสัตว์จะติดโรคจากการกินและหายใจโดยได้รับสปอร์ซึ่งอยู่ตามทุ่งหญ้าที่เคยมีสัตว์ตายด้วยโรคนี้มาก่อน แต่ในช่วงต้น ๆ ของการระบาดของโรค (ปลายฤดูร้อนต่อต้นฤดูฝน) สัตว์จะติดโรคจากการกินและจากการหายใจพร้อม ๆ กัน โดยเกิดจากขณะที่สัตว์แทะเล็มกินหญ้าก็จะดึงเอารากที่ติดดินขึ้นมาด้วย สปอร์ของแอนแทรกซ์ที่ติดอยู่ตามใบหญ้าและในดินก็จะเข้าทางปากและฝุ่นที่ปลิวฟุ้ง ขณะดึงหญ้าสปอร์ก็จะเข้าทางจมูกโดยการหายใจเข้าไป

สำหรับระยะฟักตัวของโรคแอนแทรกซ์ ในคนและในสัตว์ มีความแตกต่างกัน ดังนี้

ใน “คน” ตั้งแต่รับเชื้อจนถึงขั้นแสดงอาการ อยู่ระหว่าง 12 ชั่วโมง ถึง 7 วัน แต่ถ้าเป็นกรณีสูดหายใจเอาสปอร์ของเชื้อจากการใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ระยะฟักตัวอาจยาวนานถึง 60 วัน

ใน “สัตว์” ส่วนมากระยะฟักตัวจะเร็ว โดยเฉพาะในรายที่รับเชื้อทั้งจากการกินและการหายใจเอาเชื้อเข้าไป

ลักษณะอาการแสดงโรคแอนแทรกซ์ “ในคน”

แอนแทรกซ์ผิวหนัง (cutaneous anthrax) อาการที่พบ เริ่มมีตุ่มแดง ๆ ตรงบริเวณที่รับเชื้อ ซึ่งส่วนมากจะอยู่นอกร่มผ้า เช่น มือ แขน ขา แต่อาจพบที่ลำตัวหรือกลางหลังได้ (กรณีถอดเสื้อตอนผ่าซากสัตว์) ตุ่มที่พบตอนแรกนี้จะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำใส แล้วเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นตุ่มหนองแล้วแตกออกเป็นแผลยกขอบตรงกลางบุ๋มมีสีดำ (black escalate) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคแอนแทรกซ์

ถ้ายังไม่ได้รับการรักษาก็จะมีตุ่มใหม่เกิดขึ้นรอบ ๆ แผลเดิมขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ บางครั้งรอบ ๆ แผลจะบวมแดง แต่ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บ ยกเว้นที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้างเคียง ปกติแผลที่เกิดจากเชื้อแอนแทรกซ์จะหายยาก ถ้าได้รับการรักษาช้า เพราะเป็นแผลเนื้อตายซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเกิดจากพิษ (toxin) ของตัวเชื้อ (อัตราป่วยตายอยู่ระหว่างร้อยละ 5-20)

แอนแทรกซ์ระบบทางเดินอาหาร (intestinal anthrax) ผู้ป่วยที่กินเนื้อหรือเครื่องในสัตว์ที่ป่วยตายด้วยโรคแอนแทรกซ์ แล้วไม่ปรุงให้สุกเพียงพอ ภายใน 12-24 ชั่วโมง จะรู้สึกมีไข้ ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายกับอาการอาหารเป็นพิษ ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยเร็ว จะทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่ต่อมน้ำเหลืองของขั้วไส้และลำไส้ส่วนต่าง ๆ มีน้ำในช่องท้อง และปวดท้องอย่างรุนแรง บางครั้งผู้ให้การรักษาอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบก็ได้

ดังนั้น แพทย์ผู้ทำการรักษาควรเน้นการซักประวัติการกินอาหารจากผู้ป่วย เมื่อพบผู้ป่วยที่มีลักษณะดังกล่าว ในรายที่มีอาการอุจจาระร่วงมักจะพบว่ามีเลือดปนออกมาด้วย ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาเชื้อจะเข้าในกระแสเลือด เกิดอาการเลือดเป็นพิษ ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ (อัตราการป่วยตายถึงร้อยละ 50-60)

มีกรณีผู้ป่วยบางรายกินเนื้อที่ติดเชื้อแล้วเคี้ยวอยู่ในช่องปากนาน ทำให้เกิดแผลในช่องปากและหลอดคอได้ (oropharyngcal anthrax) ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณลำคอจะบวม และลามไปถึงใบหน้า

แอนแทรกซ์ระบบทางเดินหายใจ (pulmonary anthrax) กรณีนี้พบผู้ป่วยที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับขนสัตว์ กระดูกป่น ที่มีฝุ่นฟุ้งกระจาย แล้วหายใจสปอร์ของแอนแทรกซ์เข้าไป อาการที่พบในช่วงแรกๆ จะคล้ายกับผู้ป่วยทางเดินหายใจตอนบน มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว จากนั้นจะหายใจขัด หายใจลำบาก หน้าเขียวคล้ำ และตายจากอาการของระบบหายใจล้มเหลวในช่วงเวลาเพียง 3-5 วันหลังรับเชื้อ (อัตราการป่วยตายสูงมากถึงร้อยละ 80-90)

ลักษณะอาการแสดงโรคแอนแทรกซ์ “ในสัตว์”

โรคแอนแทรกซ์ในสัตว์มักพบว่ามีไข้สูง (107 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 42 องศาเซลเซียส) ไม่กินหญ้า แต่ยืนเคี้ยวเอื้อง มีเลือดปนน้ำลายไหลออกมา ยืนโซเซ หายใจลำบาก กล้ามเนื้อกระตุก ชัก แล้วตายในที่สุด บางตัวอาจมีอาการบวมน้ำ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือบางตัวอาจไม่แสดงอาการให้เห็น เพราะตายเร็วมาก

เมื่อสัตว์ตายจะพบว่ามีเลือดออกทางปาก จมูก ทวารหนัก อวัยวะเพศ เป็นเลือดสีดำ ๆ ไม่แข็งตัว กลิ่นคาวจัด ซากนิ่ม และเน่าเร็ว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสัตว์ที่ตายด้วยโรคนี้

ป้องกัน “โรคแอทร็อกซ์” ได้อย่างไร

เมื่อพบว่ามีสัตว์ตายโดยกะทันหัน และไม่ทราบสาเหตุการตาย โดยถ้ามีเลือดเป็นสีดำคล้ำไม่แข็งตัวไหลออกตามทวารต่าง ๆ

1.ห้ามชำแหละซากเอาเนื้อไปกินเป็นอาหาร และห้ามผ่าซากสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคแอนแทรกซ์ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อจากบริเวณที่มีสัตว์ตาย หลายประเทศมีกฎหมายห้ามการผ่าซาก เนื่องจากเมื่อผ่าออก เชื้อ vegetative form ในร่างกายสัตว์จะได้รับออกซิเจนจากอากาศ ทำให้มีการสร้างสปอร์ซึ่งมีความคงทนต่อสิ่งแวดล้อม แต่หากไม่ผ่าซากเชื้อที่อยู่ภายในซากจะตายจนหมดหลังสัตว์ตาย 2-3 วัน โดยกระบวนการเน่าสลายตามธรรมชาติ

2.ให้ขุดหลุมฝัง ลึกต่ำกว่าผิวดินประมาณ 1 เมตร หากมีปูนขาวหรือขี้เถ้าให้โรยบนซากหนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร แล้วจึงกลบ เชื้อที่อยู่ในซากก็จะตายเองโดยความร้อนที่เกิดจากการสลายเน่าเปื่อยในธรรมชาติ และควรเลือกฝังในบริเวณที่ใกล้ที่สุดกับที่สัตว์ตาย ให้มีการเคลื่อนย้ายซากสัตว์ให้น้อยที่สุด

3.อาจเผาซากให้ไหม้มากที่สุด แล้วจึงขุดหลุมฝังกลบอีกชั้นหนึ่งก็ได้

4.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงอันตรายของโรคนี้ จะสามารถลดอัตราป่วยตายของโรค และลดการระบาดของโรคได้ด้วย

5.การป้องกันโรคนี้จะต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปศุสัตว์ด้วย เพราะมีวัคซีนป้องกันโรคล่วงหน้าในสัตว์ได้ โดยปกติจะทำวัคซีนในโค กระบือ และ/หรือ สุกร ปีละ 2 ครั้ง ในท้องที่ซึ่งมีการระบาดของโรคนี้

สำหรับมาตรการควบคุมผู้ป่วย ผู้สัมผัส และสิ่งแวดล้อม

  • พยายามหลีกเลี่ยงมิให้คนสัมผัสกับสัตว์ป่วย หรือผลิตภัณฑ์สัตว์ป่วย
  • การกำจัดหรือทำลายสัตว์ที่เป็นโรคแอนแทรกซ์เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันมิให้โรคในสัตว์ติดต่อมาสู่คน โดยเฉพาะการให้วัคซีนสัตว์ในแหล่งที่มีโรคนี้ระบาด การวินิจฉัยโรคในสัตว์ที่กระทำโดยทันทีทันใดและการรักษาโรคในสัตว์ป่วย ตลอดจนการทำลายซากสัตว์ที่ตายโดยการฝังลึกๆ หรือโดยการเผา เป็นวิธีการควบคุมมิให้โรคแพร่กระจาย ซากสัตว์ที่ตายด้วยโรคนี้ไม่ควรผ่าซาก ควรให้ความรู้ด้านสุขศึกษาแก่เจ้าของฟาร์มสัตว์เกี่ยวกับโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับอันตรายของโรค
  • การกำจัดซากสัตว์ป่วยอย่างปลอดภัยและการติดโรค ในพื้นที่ที่มีโรคแอนแทรกซ์ระบาดควรกักสัตว์ ที่อยู่ในบริเวณนั้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยนับวันแรกหลังจากพบโรคในสัตว์ตัวสุดท้ายที่เป็น
  • ในฝูงสัตว์ที่รีดนมควรมีการเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด และถ้าสัตว์ตัวใดแสดงอาการไข้เกิดขึ้นควรจับแยก และน้ำนมที่รีดมาควรทำลายทันที
  • ในแหล่งที่พบว่าโรคนี้ระบาดทั่วไปในสัตว์ มักจะพบว่าสภาพแวดล้อมแปดเปื้อนด้วยสปอร์ ดังนั้นในแหล่งที่สงสัยมีโรคควรใช้ ammonium quaternary compound ใส่ไปในโพรงน้ำ หรือแอ่งน้ำจะช่วยลดอัตราการเกิดโรค การควบคุมโรคในผลิตภัณฑ์สัตว์กระทำได้ยากมาก ทั้งนี้สปอร์ของเชื้อที่ทนทานต่อสารเคมีที่ฆ่าเชื้อต่าง ๆ

ถึงแม้ว่า “แอนแทรกซ์” เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แต่ป้องกันได้ด้วย “วัคซีน” และรักษาด้วย “ยาปฏิชีวนะ”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย

3 พฤษภาคม 2568

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท

เขียนและเรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]