ชัวร์ก่อนแชร์: “ดื่มสุราพอเหมาะ” ดีต่อสุขภาพ จริงหรือ?

20 กันยายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

ความเชื่อว่าการดื่มสุราปริมาณไม่สูงเกินไป จะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยหลายชิ้นว่าไม่เป็นความจริง โดยพบว่าการดื่มสุราอย่างต่อเนื่องเพียงเล็กน้อย เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและโรคหลายชนิด


บทสรุป :

  1. “ดื่มสุราพอเหมาะ” ดีต่อสุขภาพ เป็นความเชื่อผิด ๆ ที่เผยแพร่จากงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  2. งานวิจัยปี 2023 ไม่พบว่าการดื่มสุราปริมาณน้อย ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตทุกรูปแบบ
  3. WHO ระบุว่าไม่มีปริมาณที่ปลอดภัยจากการดื่มสุรา เนื่องจากแอลกอฮอล์คือสารก่อมะเร็ง โดยความเสี่ยงจะเพิ่มตามปริมาณที่ได้รับ

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

เมื่อปี 2023 มีการตีพิมพ์งานวิจัยเชิงวิเคราะห์อภิมานและการปริทัศน์อย่างเป็นระบบ (Systematic Review and Meta-analyses) เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชีวิตประจำวันและความเสี่ยงการเสียชีวิตในทุกรูปแบบ (Association Between Daily Alcohol Intake and Risk of All-Cause Mortality) ทางวารสารออนไลน์ JAMA Network Open ของสมาคมการแพทย์อเมริกัน (American Medical Association)


โดยเป็นการวิเคราะห์งานวิจัยผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 107 ชิ้น ที่เผยแพร่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมวิจัยรวมกันถึง 4.8 ล้านคน

ผลการศึกษาพบว่า การดื่มสุราเพียงเล็กน้อย (25 กรัมต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 45 กรัมต่อวันสำหรับผู้ชาย) ไม่มีความสัมพันธ์ต่อการลดความเสี่ยงการเสียชีวิตในทุกรูปแบบ และความเสี่ยงการเสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ

ส่วนผลวิจัยที่เคยระบุว่า การดื่มสุราอย่างเหมาะสมมีผลดีต่อสุขภาพ เป็นบทสรุปที่ผิดพลาดจากการวิจัยที่มีความลำเอียง

ส่วนงานวิจัยปี 2022 ที่ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 3.7 แสนราย พบว่าการดื่มสุราเพียงเล็กน้อยเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ

ด้านงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสาร Nature เมื่อปี 2022 พบว่าการดื่มสุราเพียง 1-2 ดริ๊งก์ ต่อวัน มีความสัมพันธ์ต่ออาการสมองฝ่อในผู้สูงวัย

ระดับแอลกอฮอล์ที่เหมาะสม

ข้อมูลจาก Dietary Guidelines for Americans 2020-2025 ระบุว่า ในหนึ่งวันผู้ชายไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิน 2 ดริ๊งก์ ผู้หญิงไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิน 1 ดริ๊งก์

มาตรฐาน 1 ดริ๊งก์ของสหรัฐอเมริกาจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ 14 กรัม เท่ากับปริมาณแอลกอฮอล์ในสุรากลั่น 1.5 ออนซ์ (42.5 กรัม) ไวน์ 5 ออนซ์ (141 กรัม) และเบียร์ 12 ออนซ์ (340 กรัม)

ที่มาความเชื่อ แอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพ

ความเชื่อเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอเหมาะในชีวิตประจำวันส่งผลดีต่อสุขภาพ ได้รับการเผยแพร่มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980s ตัวการสำคัญมาจากงานวิจัยที่นำเสนอภาพลักษณ์ด้านบวกของการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังว่ามีงานวิจัยไม่น้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยยอร์ก สหราชอาณาจักร ที่ตีพิมพ์ทางวารสาร European Journal of Public Health เมื่อปี 2020 พบว่า มีงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกือบ 13,500 ชิ้นที่ได้รับการสนับสนุนทางตรงหรือทางอ้อมจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

งานวิจัยบิดเบือน

ทิม สตอกเวลล์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย ประเทศแคนาดา หนึ่งในทีมวิจัยที่เปิดเผยความเสี่ยงการเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อธิบายต่อสำนักข่าว Washington Post ว่า งานวิจัยในอดีตที่พบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสมส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าคนไม่ดื่มหรือคนที่ดื่มมากเกินไป เกิดจากใช้กระบวนการวิจัยอย่างไม่เหมาะสม โดยไม่มีการนำตัวแปรสำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์ ทั้ง อายุ เพศ สถานะ รวมถึงกิจวัตรประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ หรือ การควบคุมอาหาร

เมื่อนำซอฟต์แวร์ทางสถิติมาวิเคราะห์โดยนำตัวแปรทั้งหมดมาคำนวณเพื่อขจัดความลำเอียงในงานวิจัย ก็ไม่พบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับปานกลางช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตแต่อย่างใด

ทิม สตอกเวลล์ พบความลำเอียงหลายอย่างในงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอดีต หนึ่งในนั้นคือการพบว่า สาเหตุที่ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสมมักถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มคนมีสุขภาพดีกว่าคนไม่ดื่มหรือคนที่ดื่มมากเกินไป เกิดจากการจัดให้กลุ่มคนที่เลิกดื่มสุราไปแล้ว มาอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ดื่มสุรา ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ที่เลิกดื่มสุราเป็นผู้สูงอายุและเลิกดื่มสุราเพราะปัญหาสุขภาพ ส่งผลให้กลุ่มคนที่ดื่มสุราระดับปานกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการดื่มสุรามากนัก มีเกณฑ์ด้านสุขภาพที่ดีกว่ากลุ่มคนไม่ดื่มสุราที่รวมเอาคนหยุดดื่มสุราเพราะปัญหาสุขภาพรวมเอาไว้ด้วย

สอดคล้องกับรายงานปี 2022 ของสมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) ที่ยืนยันว่า แอลกอฮอล์ไม่ส่งผลดีต่อหัวใจ ไม่ช่วยให้อายุยืนยาวขึ้นหรือลดความเสี่ยงโรคหัวใจ การได้รับแอลกอฮอล์ระดับใด ๆ ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งหมด

ทิม สตอกเวลล์ ยอมรับว่า งานวิจัยของเขาอาจจะไม่เป็นที่ยอมรับจากบรรดานักดื่ม เพราะมีคนอีกมากที่ชอบการสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากได้ยินคือมันส่งผลเสียต่อร่างกาย คนอยากได้ยินงานวิจัยที่บอกว่าการดื่มอย่างพอเหมาะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่น่าเสียดายที่บทสรุปดังกล่าวเป็นผลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่บกพร่องอันเกิดจากความลำเอียง

แอลกอฮอล์คือสารก่อมะเร็ง

เมื่อปี 2023 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เผยแพร่บทความชื่อ No level of alcohol consumption is safe for our health เพื่อเตือนภัยจากความเข้าใจผิดจากแนวคิดการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพ

WHO ย้ำว่าแอลกอฮอล์ถือเป็นสารพิษต่อร่างกาย เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีคุณสมบัติเป็นสารเสพติด

นอกจากนี้ องค์กรวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (IARC) ยังจัดให้แอลกอฮอล์เป็นสารก่อมะเร็งระดับที่ 1 (IARC group 1 Carcinogens) ระดับเดียวกับยาสูบ แร่ใยหิน และการสัมผัสรังสี

ความเสี่ยงเป็นมะเร็งขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ อย่างไรก็ดี สถิติในทวีปยุโรปพบว่า ครึ่งหนึ่งของสาเหตุการป่วยเป็นมะเร็งจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น มะเร็งเต้านมในผู้หญิง เกิดกับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณน้อยหรือปานกลางต่อสัปดาห์ (เบียร์ 3.5 ลิตรต่อสัปดาห์ ไวน์ 1.5 ลิตรต่อสัปดาห์ สุรา 0.45 ลิตรต่อสัปดาห์)

ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า ระดับแอลกอฮอล์เท่าใดถึงจะทำให้ความเสี่ยงการป่วยเป็นมะเร็งมีผลอย่างชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญจึงลงความเห็นว่า ความเสี่ยงจะนับตั้งแต่การดื่มครั้งแรก และเพิ่มตามปริมาณการดื่ม

นอกจากนี้ ยังไม่มีงานวิจัยใดพบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีประโยชน์ด้านการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าความเสี่ยงการป่วยเป็นมะเร็งจากการดื่มแอลกอฮอล์

ผู้เสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

แม้ผลสำรวจจะพบว่า คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะเจน Z (เกิดกลางทศวรรษ 1990s – ต้นทศวรรษ 2010s) ทั้งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ให้ความสนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง แต่กลับพบว่าความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประชากรกลุ่มวัยกลางคนกลับเพิ่มขึ้น และส่งผลให้การเสียชีวิตจากแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า ชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างปี 2020-21 เพิ่มจากปี 2016-17 ถึง 29.3%

ปัจจัยมาจากความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด และการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ง่ายขึ้นจากราคาที่ถูกลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ หลังสหรัฐฯ ไม่ขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่ปี 1991 พร้อมกับการลดภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดเมื่อปี 2020

มาร์ก ไคลแมน นักวิจัยเกี่ยวกับนโยบายสารเสพติดให้ความเห็นต่อสำนักข่าว Washington Post ว่า หากมีการเพิ่มภาษีสุราขึ้นเป็น 3 เท่า คดีฆาตกรรมจะลดลงทันที 6% โดยไม่ต้องจับนักโทษเข้าไปในคุกเพิ่มแม้แต่คนเดียว

นโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในต่างประเทศ

ในปี 2023 ประเทศแคนาดา ได้เปลี่ยนระดับความเสี่ยงของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยความเสี่ยงต่ำ (low risk) ควรดื่มไม่เกิน 1-2 ดริ๊งก์ต่อสัปดาห์ ความเสี่ยงปานกลาง (moderate risk) ควรดื่มไม่เกิน 3-6 ดริ๊งก์ต่อสัปดาห์ (จากเดิมระบุว่าผู้หญิงไม่ควรเกิน 2 ดริ๊งก์ต่อวัน ผู้ชายไม่ควรเกิน 3 ดริ๊งก์ต่อวัน)

ในปี 2023 ประเทศไอร์แลนด์เป็นชาติแรกที่ผ่านกฎหมายบังคับการติดฉลากเตือนภัยโรคมะเร็งที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2026 นี้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.who.int/europe/news/item/04-01-2023-no-level-of-alcohol-consumption-is-safe-for-our-health
https://www.washingtonpost.com/wellness/2023/03/31/moderate-drinking-alcohol-wine-risks/
https://www.nytimes.com/2024/06/15/magazine/alcohol-health-risks.html
https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2802963

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]

เตือนเฝ้าระวังดินถล่มใน 21 จังหวัด แม้ “วิภา” อ่อนกำลัง

กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-กรมทรัพยากรธรณี แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ 21 จังหวัด จากผลกระทบพายุ “วิภา” แม้ขณะนี้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่อิทธิพลของร่องมรสุมยังคงส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันตกมีฝนตกหนักต่อเนื่อง นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า กรมฯ ยังคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย (War Room) เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูล และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากการวิเคราะห์ข้อมูลฝนสะสมควบคู่กับแบบจำลองธรณีพิบัติภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มกระจายอยู่ใน 21 จังหวัด ได้แก่ -ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย อุดรธานี หนองคาย-ภาคตะวันออก: จันทบุรี ตราด-ภาคตะวันตก: กาญจนบุรี ราชบุรี-ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ระนอง พังงา […]