ชัวร์ก่อนแชร์: “ดื่มสุราพอเหมาะ” ดีต่อสุขภาพ จริงหรือ?

20 กันยายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

ความเชื่อว่าการดื่มสุราปริมาณไม่สูงเกินไป จะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยหลายชิ้นว่าไม่เป็นความจริง โดยพบว่าการดื่มสุราอย่างต่อเนื่องเพียงเล็กน้อย เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและโรคหลายชนิด


บทสรุป :

  1. “ดื่มสุราพอเหมาะ” ดีต่อสุขภาพ เป็นความเชื่อผิด ๆ ที่เผยแพร่จากงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  2. งานวิจัยปี 2023 ไม่พบว่าการดื่มสุราปริมาณน้อย ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตทุกรูปแบบ
  3. WHO ระบุว่าไม่มีปริมาณที่ปลอดภัยจากการดื่มสุรา เนื่องจากแอลกอฮอล์คือสารก่อมะเร็ง โดยความเสี่ยงจะเพิ่มตามปริมาณที่ได้รับ

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

เมื่อปี 2023 มีการตีพิมพ์งานวิจัยเชิงวิเคราะห์อภิมานและการปริทัศน์อย่างเป็นระบบ (Systematic Review and Meta-analyses) เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชีวิตประจำวันและความเสี่ยงการเสียชีวิตในทุกรูปแบบ (Association Between Daily Alcohol Intake and Risk of All-Cause Mortality) ทางวารสารออนไลน์ JAMA Network Open ของสมาคมการแพทย์อเมริกัน (American Medical Association)


โดยเป็นการวิเคราะห์งานวิจัยผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 107 ชิ้น ที่เผยแพร่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมวิจัยรวมกันถึง 4.8 ล้านคน

ผลการศึกษาพบว่า การดื่มสุราเพียงเล็กน้อย (25 กรัมต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 45 กรัมต่อวันสำหรับผู้ชาย) ไม่มีความสัมพันธ์ต่อการลดความเสี่ยงการเสียชีวิตในทุกรูปแบบ และความเสี่ยงการเสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ

ส่วนผลวิจัยที่เคยระบุว่า การดื่มสุราอย่างเหมาะสมมีผลดีต่อสุขภาพ เป็นบทสรุปที่ผิดพลาดจากการวิจัยที่มีความลำเอียง

ส่วนงานวิจัยปี 2022 ที่ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 3.7 แสนราย พบว่าการดื่มสุราเพียงเล็กน้อยเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ

ด้านงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสาร Nature เมื่อปี 2022 พบว่าการดื่มสุราเพียง 1-2 ดริ๊งก์ ต่อวัน มีความสัมพันธ์ต่ออาการสมองฝ่อในผู้สูงวัย

ระดับแอลกอฮอล์ที่เหมาะสม

ข้อมูลจาก Dietary Guidelines for Americans 2020-2025 ระบุว่า ในหนึ่งวันผู้ชายไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิน 2 ดริ๊งก์ ผู้หญิงไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิน 1 ดริ๊งก์

มาตรฐาน 1 ดริ๊งก์ของสหรัฐอเมริกาจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ 14 กรัม เท่ากับปริมาณแอลกอฮอล์ในสุรากลั่น 1.5 ออนซ์ (42.5 กรัม) ไวน์ 5 ออนซ์ (141 กรัม) และเบียร์ 12 ออนซ์ (340 กรัม)

ที่มาความเชื่อ แอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพ

ความเชื่อเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอเหมาะในชีวิตประจำวันส่งผลดีต่อสุขภาพ ได้รับการเผยแพร่มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980s ตัวการสำคัญมาจากงานวิจัยที่นำเสนอภาพลักษณ์ด้านบวกของการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังว่ามีงานวิจัยไม่น้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยยอร์ก สหราชอาณาจักร ที่ตีพิมพ์ทางวารสาร European Journal of Public Health เมื่อปี 2020 พบว่า มีงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกือบ 13,500 ชิ้นที่ได้รับการสนับสนุนทางตรงหรือทางอ้อมจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

งานวิจัยบิดเบือน

ทิม สตอกเวลล์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย ประเทศแคนาดา หนึ่งในทีมวิจัยที่เปิดเผยความเสี่ยงการเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อธิบายต่อสำนักข่าว Washington Post ว่า งานวิจัยในอดีตที่พบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสมส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าคนไม่ดื่มหรือคนที่ดื่มมากเกินไป เกิดจากใช้กระบวนการวิจัยอย่างไม่เหมาะสม โดยไม่มีการนำตัวแปรสำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์ ทั้ง อายุ เพศ สถานะ รวมถึงกิจวัตรประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ หรือ การควบคุมอาหาร

เมื่อนำซอฟต์แวร์ทางสถิติมาวิเคราะห์โดยนำตัวแปรทั้งหมดมาคำนวณเพื่อขจัดความลำเอียงในงานวิจัย ก็ไม่พบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับปานกลางช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตแต่อย่างใด

ทิม สตอกเวลล์ พบความลำเอียงหลายอย่างในงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอดีต หนึ่งในนั้นคือการพบว่า สาเหตุที่ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสมมักถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มคนมีสุขภาพดีกว่าคนไม่ดื่มหรือคนที่ดื่มมากเกินไป เกิดจากการจัดให้กลุ่มคนที่เลิกดื่มสุราไปแล้ว มาอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ดื่มสุรา ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ที่เลิกดื่มสุราเป็นผู้สูงอายุและเลิกดื่มสุราเพราะปัญหาสุขภาพ ส่งผลให้กลุ่มคนที่ดื่มสุราระดับปานกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการดื่มสุรามากนัก มีเกณฑ์ด้านสุขภาพที่ดีกว่ากลุ่มคนไม่ดื่มสุราที่รวมเอาคนหยุดดื่มสุราเพราะปัญหาสุขภาพรวมเอาไว้ด้วย

สอดคล้องกับรายงานปี 2022 ของสมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) ที่ยืนยันว่า แอลกอฮอล์ไม่ส่งผลดีต่อหัวใจ ไม่ช่วยให้อายุยืนยาวขึ้นหรือลดความเสี่ยงโรคหัวใจ การได้รับแอลกอฮอล์ระดับใด ๆ ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งหมด

ทิม สตอกเวลล์ ยอมรับว่า งานวิจัยของเขาอาจจะไม่เป็นที่ยอมรับจากบรรดานักดื่ม เพราะมีคนอีกมากที่ชอบการสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากได้ยินคือมันส่งผลเสียต่อร่างกาย คนอยากได้ยินงานวิจัยที่บอกว่าการดื่มอย่างพอเหมาะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่น่าเสียดายที่บทสรุปดังกล่าวเป็นผลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่บกพร่องอันเกิดจากความลำเอียง

แอลกอฮอล์คือสารก่อมะเร็ง

เมื่อปี 2023 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เผยแพร่บทความชื่อ No level of alcohol consumption is safe for our health เพื่อเตือนภัยจากความเข้าใจผิดจากแนวคิดการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพ

WHO ย้ำว่าแอลกอฮอล์ถือเป็นสารพิษต่อร่างกาย เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีคุณสมบัติเป็นสารเสพติด

นอกจากนี้ องค์กรวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (IARC) ยังจัดให้แอลกอฮอล์เป็นสารก่อมะเร็งระดับที่ 1 (IARC group 1 Carcinogens) ระดับเดียวกับยาสูบ แร่ใยหิน และการสัมผัสรังสี

ความเสี่ยงเป็นมะเร็งขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ อย่างไรก็ดี สถิติในทวีปยุโรปพบว่า ครึ่งหนึ่งของสาเหตุการป่วยเป็นมะเร็งจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น มะเร็งเต้านมในผู้หญิง เกิดกับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณน้อยหรือปานกลางต่อสัปดาห์ (เบียร์ 3.5 ลิตรต่อสัปดาห์ ไวน์ 1.5 ลิตรต่อสัปดาห์ สุรา 0.45 ลิตรต่อสัปดาห์)

ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า ระดับแอลกอฮอล์เท่าใดถึงจะทำให้ความเสี่ยงการป่วยเป็นมะเร็งมีผลอย่างชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญจึงลงความเห็นว่า ความเสี่ยงจะนับตั้งแต่การดื่มครั้งแรก และเพิ่มตามปริมาณการดื่ม

นอกจากนี้ ยังไม่มีงานวิจัยใดพบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีประโยชน์ด้านการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าความเสี่ยงการป่วยเป็นมะเร็งจากการดื่มแอลกอฮอล์

ผู้เสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

แม้ผลสำรวจจะพบว่า คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะเจน Z (เกิดกลางทศวรรษ 1990s – ต้นทศวรรษ 2010s) ทั้งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ให้ความสนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง แต่กลับพบว่าความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประชากรกลุ่มวัยกลางคนกลับเพิ่มขึ้น และส่งผลให้การเสียชีวิตจากแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า ชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างปี 2020-21 เพิ่มจากปี 2016-17 ถึง 29.3%

ปัจจัยมาจากความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด และการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ง่ายขึ้นจากราคาที่ถูกลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ หลังสหรัฐฯ ไม่ขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่ปี 1991 พร้อมกับการลดภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดเมื่อปี 2020

มาร์ก ไคลแมน นักวิจัยเกี่ยวกับนโยบายสารเสพติดให้ความเห็นต่อสำนักข่าว Washington Post ว่า หากมีการเพิ่มภาษีสุราขึ้นเป็น 3 เท่า คดีฆาตกรรมจะลดลงทันที 6% โดยไม่ต้องจับนักโทษเข้าไปในคุกเพิ่มแม้แต่คนเดียว

นโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในต่างประเทศ

ในปี 2023 ประเทศแคนาดา ได้เปลี่ยนระดับความเสี่ยงของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยความเสี่ยงต่ำ (low risk) ควรดื่มไม่เกิน 1-2 ดริ๊งก์ต่อสัปดาห์ ความเสี่ยงปานกลาง (moderate risk) ควรดื่มไม่เกิน 3-6 ดริ๊งก์ต่อสัปดาห์ (จากเดิมระบุว่าผู้หญิงไม่ควรเกิน 2 ดริ๊งก์ต่อวัน ผู้ชายไม่ควรเกิน 3 ดริ๊งก์ต่อวัน)

ในปี 2023 ประเทศไอร์แลนด์เป็นชาติแรกที่ผ่านกฎหมายบังคับการติดฉลากเตือนภัยโรคมะเร็งที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2026 นี้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.who.int/europe/news/item/04-01-2023-no-level-of-alcohol-consumption-is-safe-for-our-health
https://www.washingtonpost.com/wellness/2023/03/31/moderate-drinking-alcohol-wine-risks/
https://www.nytimes.com/2024/06/15/magazine/alcohol-health-risks.html
https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2802963

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

ถกงบ 69 วันสุดท้ายเหงา ช่วงเช้าไร้เงารัฐมนตรี

รัฐสภา 31 พ.ค.-ถกงบ 69 วันที่ 4 ช่วงเช้าไร้เงารัฐมนตรี หลังเจอ “ทักษิณ” ทวง “มหาดไทย” คืน ขณะที่เวทีอภิปราย “เลาฟั้ง” ซัด “กรมป่าไม้-กรมอุทยานฯ” ได้งบ 692 ล้าน แต่เอาไปแก้ปัญหาที่ดินแค่ 34% ชี้ควรดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้ชัดเจนตามสิทธิ์ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยบรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยเฉพาะบริเวณประตูหน้าอาคารรัฐสภา ที่เป็นทางเข้าหลักของรัฐมนตรี ปรากฏว่า แทบจะไม่มีรัฐมนตรีเดินทางมาร่วมการประชุม ทั้งรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม มีเพียงแค่น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม คนเดียวเท่านั้นที่เดินเข้าประตูดังกล่าว ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 30พ.ค.นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปให้สัมภาษณ์ที่สำนักข่าวเนชั่นทีวี […]

ปศุสัตว์ยืนยันไม่พบสัตว์ป่วย-ตายจากแอนแทรกซ์ในหนองบัวลำภู

กรุงเทพฯ​ 31 พ.ค.​-อธิบดี​กรม​ปศุสัตว์ เผย​ผลตรวจจากแล็บยืนยันไม่พบเชื้อโรคแอนแทรก​ซ์​จากตัวอย่าง​โค-กระบือ ​ใน​ จ.​มุกดาหาร​ อีก​ทั้ง​สัตว​แพทย์​ไม่พบสัตว์ในพื้นที่​ป่วย หรือตายจากโรคใดๆ​ ล่าสุด​มีหนังสือ​จาก​ทางการ​ลาวผ่อนปรน​การนำเข้า​สัตว์​จากไทย เนื่อง​จาก​เห็นว่าสถานการณ์​โรคคลี่คลาย​ รายงาน รมว.​เกษตรฯ แล้ว นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากกรณีพบผู้ป่วยมีตุ่มพองตามร่างกายในพื้นที่อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยยังไม่ทราบสาเหตุ ทางกรมปศุสัตว์ได้รับรายงานจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองบัวลำภูว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในหมู่บ้านซับภูเก้า หมู่ที่ 13 ตำบลหนองเรือ ซึ่งมีโคประมาณ 60–70 ตัว และกระบือประมาณ 20 ตัว โดยสัตวแพทย์ตรวจสอบแล้วไม่พบสัตว์ป่วยหรือตายจากโรคใดๆ เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างเลือดและมูลของโคที่อยู่ร่วมฝูงกับโคที่ถูกนำไปชำแหละ รวมถึงตัวอย่างดินจากคอกเลี้ยงและบริเวณชำแหละซาก และซากเศษเนื้อหรือชิ้นส่วนวัวที่ยังหลงเหลือ ส่งตรวจที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้นยืนยันว่า ไม่พบเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคแอนแทรกซ์ และไม่พบเชื้อโรคติดต่ออื่นใดในสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ อธิบดีกรมปศุสัตว์ยังรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบแล้ว นอกจากนี้​ยังรายงานความคืบหน้าว่า กระทรวงเกษตร กสิกรรมและป่าไม้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 […]

ไทยตอนบนยังมีฝนตกหนักบางแห่ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก ฝน 70%

กทม. 31 พ.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนยังมีฝนตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ส่วนภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณเกาะไหหลำ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย ออกประกาศ 31 พฤษภาคม 2568 พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. […]

จเรตำรวจยันข่าวนอตหลุดทำ ฮ. ตกยังไม่สรุป

กทม. 31 พ.ค.-จเรตำรวจแห่งชาติ ยืนยันข่าวนอตหลุดทำเฮลิคอปเตอร์ตกยังไม่สรุป รอผลตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญ จากการที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ ในกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจตกในขณะบินออกปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีสาเหตุมาจากนอต 2 ตัวหลุด ทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวจนตกนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น จึงขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทางกายภาพของกองบินตำรวจ พบว่า นอตในส่วนที่ยึดติดกับชุดใบพัดใหญ่ด้านบนของเฮลิคอปเตอร์หลุดไป แต่การตรวจพบดังกล่าวยังไม่สามารถนำมาเป็นข้อสรุปของสาเหตุการตกของเครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจได้ ต้องรอผลสรุปจากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญและพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ จึงจะสามารถสรุปได้ว่า สาเหตุของการตกที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งผลเป็นประการใดจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการซ่อมบำรุงอากาศยานของกองบินตำรวจ ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย กฏ ระเบียบ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีข้อสังเกตหรือความบกพร่องในกรณีใด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่และเป็นธรรมต่อไป.-412.-สำนักข่าวไทย