ชัวร์ก่อนแชร์: อียูวางแผนใช้วัคซีนพาสปอร์ตตั้งแต่ก่อนโควิด 19 ระบาด จริงหรือ?

11 สิงหาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Vistinomer (นอร์ธ มาซิโดเนีย)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. วัคซีนพาสปอร์ตสากลที่อียูพิจารณาก่อนการระบาดของโควิด 19 แตกต่างจากวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับโควิด 19
  2. วัคซีนพาสปอร์ตสากลไม่ได้บันทึกประวัติการฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างเดียว แต่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนชนิดอื่นๆ ด้วย

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศนอร์ธ มาซิโดเนีย โดยอ้างว่าวัคซีนพาสปอร์ตที่สหภาพยุโรป (EU) จะประกาศใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการวางแผนมาก่อนการระบาดของไวรัสโควิด 19 ถึง 20 เดือน โดยอ้างอิงจากเอกสารที่คณะกรรมาธิการยุโรปยื่นต่อคณะมนตรียุโรปเมื่อปี 2018 เนื้อหากล่าวถึงความจำเป็นของการใช้วัคซีนพาสปอร์ต และอ้างว่างานประชุม Global Vaccination Summit ของคณะกรรมาธิการยุโรปในปี 2019 คือการทำนายการแพร่ระบาดของโควิด 19 พร้อมนโยบายจัดหาฉีดวัคซีนที่จะผลิตในอนาคต

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


เอกสารของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ถูกกล่าวอ้าง เป็นการเรียกร้องให้สหภาพยุโรปให้ความสำคัญกับการยับยั้งโรคระบาดที่สามารถป้องกันด้วยวัคซีน โดยอธิบายถึงสถานการณ์วัคซีนในแต่ละประเทศ รวมถึงการวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางแก้ไข

หนึ่งในข้อเสนอแนะคือการเสนอให้อนุมัติวัคซีนพาสปอร์ตสากล (single vaccination passport) ที่ใช้ได้กับทุกประเทศในสหภาพยุโรป เพราะที่ผ่านมาแต่ละชาติในยุโรปต่างมีวัคซีนพาสปอร์ตของตนเอง ปัญหาที่พบคือแต่ละชาติมีนโยบายด้านวัคซีนที่แตกต่างกัน การมีวัคซีนพาสปอร์ตสากลจะช่วยให้การใช้วัคซีนพาสปอร์ตเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกประเทศ

แต่ในเอกสารไม่ได้กล่าวถึงการอุบัติของไวรัสโควิด 19 หรือการแพร่ระบาดในอนาคตตามที่กล่าวอ้าง เอกสารกล่าวถึงแต่โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนั้น เช่น ไข้ทรพิษ,โรคหัด, โรคคอตีบ, โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคโปลิโอ, โรคบาดทะยัก, โรคไอกรน และไข้หวัดใหญ่

วัคซีนพาสปอร์ตสากลที่กล่าวถึงเมื่อ 3 ปีก่อน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับโควิด 19 ในปัจจุบัน เพราะวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับโควิด 19 จะบันทึกประวัติการฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างเดียวเท่านั้น

ส่วนงานประชุม Global Vaccination Summit ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการยุโรปและองค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2019 คือการหารือเกี่ยวกับประโยชน์ของวัคซีน, วิธีสร้างความเชื่อมั่นต่อวัคซีน และโครงการผลิตวัคซีนชนิดใหม่ๆ ไม่ใช่งานที่ผู้นำระดับโลกกับบริษัทผู้ผลิตยาร่วมกันวางแผนแพร่เชื้อโรคระบาดและผลิตวัคซีนป้องกันโรคตามที่กล่าวอ้าง

ข้อมูลอ้างอิง:

https://vistinomer.mk/kovid-pasoshite-ne-se-planirani-7-meseci-pred-da-izbie-pandemi%d1%98ata-vo-vuhan/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทรัมป์” เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน เตรียมเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางถึงสนามบินในกรุงวอชิงตันแล้วในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ้น เพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตน

พ่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ลูกชายคนเล็กถูก “ติ๊ก ชีโร” ขับรถชน

พ่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังสูญเสียลูก 2 คน ถูก “ติ๊ก ชีโร” ขับรถชนตกสะพาน ย่านสายไหม กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อ 10 ต.ค.67

รถน้ำมันระเบิดไนจีเรียหลังพลิกคว่ำ เสียชีวิต 77 ราย

รถบรรทุกน้ำมันระเบิดหลังจากพลิกคว่ำในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไนจีเรีย คร่าชีวิตชาวบ้านอย่างน้อย 77 คนที่กำลังเอาถังมารองน้ำมันที่รั่วไหลจากรถบรรทุก

ข่าวแนะนำ

เช็กสิทธิ์เงินหมื่น

เช็กด่วนสิทธิเงินหมื่นอายุ 60 ปี ก่อนรัฐบาลกดปุ่มโอนจ่าย 27 ม.ค.นี้

เช็กด่วนสิทธิเงินหมื่นอายุ 60 ปี ก่อนรัฐบาลกดปุ่มโอนจ่ายเช้าวันจันทร์ 27 ม.ค.นี้ รัฐบาลฝากลูกหลานช่วยตรวจสิทธิพ่อแม่ปู่ย่าตายายผ่านแอป “ทางรัฐ” ให้ด้วย

น้ำค้างแข็งดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์ น้ำค้างแข็งต่อเนื่อง อุณหภูมิยอดหญ้าติดลบ

ภาคเหนือหนาวต่อเนื่อง บริเวณกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งขาวโพลน เป็นวันที่ 10 อุณหภูมิยอดหญ้า ติดลบ 0.4 องศาฯ

U.S. President Joe Biden and Trump shaking hands during meeting in Oval Office on November 13, 2024

“ทรัมป์” เตรียมสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐวันนี้

วอชิงตัน 20 ม.ค. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกอบกิจกรรมหลายอย่างเมื่อวานนี้ ก่อนเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น นายทรัมป์เดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ และเมื่อวานนี้เขาและนายเจดี แวนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดี ได้เดินทางไปร่วมพิธีวางพวงมาลาและเคารพเหล่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย จากนั้นนายทรัมป์ได้ไปเข้าร่วมงานปราศรัยกับผู้สนับสนุนที่แคปิตอลวันอารีนา ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มในกรุงวอชิงตัน นับเป็นการปราศรัยใหญ่ในกรุงวอชิงตันครั้งแรกของทรัมป์ หลังจากที่เคยปราศรัยเรียกร้องผู้สนับสนุนให้ยกขบวนไปอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 คัดค้านที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่นายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 สนามกีฬาแห่งนี้ยังจะเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมงานพิธีสาบานตนของทรัมป์ผ่านการถ่ายทอดสดทางจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายจากอิทธิพลของกระแสลมวนขั้วโลกแผ่ปกคลุมสหรัฐ ทำให้ต้องย้ายการจัดพิธีสาบานตนจากด้านหน้าอาคารรัฐสภาเข้าไปจัดด้านใน โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ขณะที่ชาวอเมริกันจากทั่วประเทศเดินทางถึงกรุงวอชิงตันแล้วเพื่อร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนของทรัมป์ หลายคนผิดหวังที่พลาดโอกาสได้ร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ แต่ส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสภาพอากาศเลวร้าย นายทรัมป์ วัย 78 ปี จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเวลาเที่ยงวันของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาไทย ตามด้วยการกล่าวปราศรัย ซึ่งจะเป็นการประกาศแนวทางสำหรับการบริหารงานเป็นเวลา 4 ปีหลังจากนี้.-815(814).-สำนักข่าวไทย

ฝุ่นPM

เตือนเฝ้าระวังค่าฝุ่น PM2.5 สูงตลอดสัปดาห์นี้

กรมควบคุมมลพิษ แจ้งเตือนแนวโน้มค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค. ทั้งสาเหตุจากอากาศนิ่งและจมตัว อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ ประกอบกับข้อมูลจุดความร้อนที่ยังพบการเผาในหลายพื้นที่ รวมถึงหมอกควันข้ามแดน