ชัวร์ก่อนแชร์ : กินฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้ จริงหรือ?

20 เมษายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


ตามที่มีการแชร์ผ่านสื่อโซเซียลมีเดียว่า กินฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ รวมถึงเป็นทางเลือกที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีนนั้น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบข้อมูลกับ ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งของประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (สยส.) ระบุตรงกันว่า ไม่เป็นความจริง

บทสรุป : ไม่เป็นความจริง ไม่ควรแชร์ต่อ


  • ยังไม่มีหลักฐานรองรับว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ และการกินฟ้าทะลายโจรไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนได้
  • ไม่ควรกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก เสี่ยงตับพัง หากติดเชื้อโควิด-19 จริงจะทำให้การรักษาโควิดทำได้ยาก
  • เมื่อมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์

ผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ยังไม่มีผลการศึกษาว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการเชื้อโควิด-19 ได้

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวกับ ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดย ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวยืนยันกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลระบุว่าฟ้าทะลายโจรสามารถใช้เป็นทางเลือกแทนวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ได้นั้น  ไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่มีการศึกษาวิจัยว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ ที่ผ่านมาเป็นการศึกษาว่าฟ้าทะลายโจรมีผลต่อภูมิคุ้มกัน แต่ยังไม่มีการศึกษาว่ามีผลต่อภูมิคุ้มกันของเชื้อโควิด-19 ไม่เหมือนกับวัคซีนที่มีการศึกษาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจรแทนวัคซีน

“โควิด-19 เป็นโรคใหม่ยังไม่มีเครื่องมือ ไม่มียา หรือการรักษาที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็น ฉะนั้นเราต้องใช้หลายเครื่องมือ หลายองค์ประกอบในการดูแลสุขภาพ แต่สิ่งที่งานวิจัยทั่วโลกให้การยอมรับคือการสร้างให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงด้วยวิธีต่างๆ อาทิ การทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนที่เพียงพอ และยังคงมาตรการ D-M-H-T-T โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างไม่ให้ร่างกายได้รับเชื้อเข้าไป”
สอดคล้องกับ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งของประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (สยส.) ระบุว่า การที่เชิญชวนไม่ให้ฉีดวัคซีนและให้กินฟ้าทะลายโจรแทนเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ ส่วนที่มีการอ้างอิงการวิจัยตามที่เป็นข่าวนั้น เป็นหลักฐานการศึกษาในเซลล์ในหลอดทดลองไม่สามารถบอกต่อไปได้ในทันทีว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นในมนุษย์


ไม่การันตีอาการผู้ป่วยดีขึ้นจากการใช้ฟ้าทะลายโจร กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล

ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพยายามในการศึกษาการใช้ฟ้าทะลายโจรในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในรอบการระบาดระลอกที่ 1 และระลอกที่ 2 โดยมีการนำฟ้าทะลายโจรไปใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 ในอาการที่ไม่รุนแรง และพบว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรทำให้ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็พูดได้ยากว่าอาการที่ดีขึ้นเกิดจากสรรพคุณของฟ้าทะลายโจร หรือเกิดจากการพักผ่อนและการดูแลร่างกายที่เพียงพอของผู้ป่วย ทั้งนี้เท่าที่ทราบจากกรมการแพทย์แผนไทยฯ มีการศึกษาในลักษณะที่นำฟ้าทะลายโจรมาเทียบกับยาหลอกซึ่งต้องรอการศึกษาวิจัยอีกระยะหนึ่ง ฉะนั้นการศึกษาที่ผ่านมาเป็นการนำฟ้าทะลายโจรมาใช้เมื่อป่วยแล้วเท่านั้น สำหรับการใช้วัคซีนคือการป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรง หรือการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกิดจากการติดเชื้อที่รุนแรง ฉะนั้นเรื่องฟ้าทะลายโจรกับเรื่องวัคซีน นำมาใช้คนละวัตถุประสงค์กัน

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอก 1 ระลอก 2 และระลอก 3 มีโรงพยาบาลบางแห่งนำฟ้าทะลายโจรมาใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการน้อย โดยทดลองให้ยาไปเป็นเวลา 5 วัน และพบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าการที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเป็นเพราะฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว ปัจจุบันยังคงต้องรอการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบระหว่างฟ้าทะลายโจรกับยาหลอกในผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งทางกรมแพทย์แผนไทยฯ แจ้งว่าได้เก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้วและอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลภญ.ดร.ผกากรอง ระบุ

ไม่แนะนำให้กินฟ้าทะลายโจรในปริมาณมากเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน แนะพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ

ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวต่อไปว่า การใช้ฟ้าทะลายโจรอยากให้ใช้เมื่อมีไข้ เจ็บคอ หรือเป็นหวัด แต่ถ้าจะให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในลักษณะของการเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้นนั้น ยังไม่พบงานวิจัยในคนที่ระบุชัดเจนว่าต้องทานฟ้าทะลายโจรปริมาณเท่าไรเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเชื้อโควิด-19  เพราะฉะนั้นการกินฟ้าละลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ควรกิน และที่สำคัญการทานอาหารที่เกินกว่าร่างกายจะรับได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพใดๆ หรือสมุนไพรต่างๆ เมื่อเราทานในปริมาณที่มากก็จะทำให้ตับหรือไตทำงานหนักมากยิ่งขึ้น มีผลทำให้การทำงานของตับหรือไตแย่ลง

“การศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรในขณะนี้เป็นการศึกษาในคอมพิวเตอร์เพื่อดูโครงสร้างของสาร เป็นการศึกษาในหลอดทดลองในแง่ของการกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือเสริมภูมิคุ้มกัน หากจะนำมาใช้ในคน ยังไม่ทราบว่าปริมาณเท่าใดที่จะสร้างภูมิคุ้มกันในคน เราจึงไม่แนะนำ”

ขณะที่ ผศ.นพ.พิสนธิ์ แจ้งเตือนว่าเมื่อมีอาการที่เข้าข่ายการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรพบแพทย์ทันที ในยุคก่อนที่โควิด-19 จะระบาดการทานฟ้าทะลายโจรถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในขณะนี้พบผู้ป่วยจำนวนมากที่มีการอักเสบที่ปอด เมื่อแพทย์พบอาการดังกล่าวจะเริ่มขั้นตอนการใช้ยาต้านไวรัสในทันที แต่หากผู้ป่วยไม่มาพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวและเลือกที่จะอยู่ดูแลตนเองที่บ้าน รวมทั้งใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อบรรเทาอาการ โอกาสที่จะเสียชีวิตก็มีสูงขึ้น เพราะโรคจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากกังวลว่ามีอาการเข้าข่ายโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบไปพบแพทย์  

เตือนเสี่ยงตับพังหากบริโภคสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก ชี้ติดโควิดจริงจะรักษาลำบาก

สำหรับกรณีที่มีข้อมูลแนะนำว่าให้กินฟ้าทะลายโจรในรูปแบบสารสกัดมากกว่ากินแบบบดผงนั้น ภญ.ดร.ผกากรอง มองว่า ประเทศไทยเราเน้นสกัดสารแอนโดรกราโฟไลด์(andrographolide) จากฟ้าทะลายโจร ซึ่งอาจจะมีเทคโนโลยีของบางบริษัทที่สามารถสกัดสาร AP3 (สารสกัดชนิดหนึ่งจากฟ้าทะลายโจร) ออกมาได้ ผู้บริโภคจะต้องถามผู้ผลิตก่อนซื้อ แต่โดยปกติงานวิจัยทั่วโลกจะดูปริมาณของสารแอนโดรกราโฟไลด์เป็นหลักเพื่อนำมาใช้ในการรักษาหวัดหรือทำเพื่อรักษาโควิด – 19 ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นว่าผู้ป่วยจะได้รับเป็นสารสกัดหรือเป็นผงยา แต่ขอให้รู้ว่าในผงยานั้นมีแอนโดรกราโฟไลด์เท่าไร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือถ้าผู้ป่วยนำสารสกัดไปกินเพื่อป้องกันโควิด-19 และกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับได้

“จากการศึกษาและวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน โดยทดลองนำเซลล์ปอดของมนุษย์มาทำให้ติดเชื้อโควิด-19 และใช้สารสกัดหยาบของฟ้าทะลายโจร และใช้แอนโดรกราโฟไลด์เดี่ยวๆ ทำให้เห็นชัดเจนว่าแอนโดรกราโฟไลด์น่าจะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ปอดได้ ถ้าใช้ในปริมาณสูงๆ ฉะนั้นฟ้าทะลายโจร ควรกินเมื่อเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว และเมื่ออาการดีขึ้น หรือหายดีแล้ว ควรหยุด ส่วนสารแอนโดรกราโฟไลด์ซึ่งเป็นสารสกัดนั้น ไม่ควรกินเพื่อป้องกันเป็นระยะเวลานานๆ เพราะจะมีผลต่อการทำงานของตับ อาจจะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ของร่างกายได้ และเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 จริง การใช้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาก็จะทำได้ยากมาก หรือไม่มีโอกาสที่จะใช้ได้เลย ถ้าตับเสียไปแล้ว”ภญ.ดร.ผกากรอง ระบุ

สอดคล้องกับ ผศ.นพ.พิสนธิ์ ให้ความเห็นตรงกันว่า การกินฟ้าทะลายโจร หรือใช้สารสมุนไพรใดๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน ก็อาจจะมีความเสี่ยงในการรับพิษจากสิ่งนั้นๆ สำหรับกรณีที่มีการแชร์ว่าผู้ป่วยควรรับขนาดยาตามปริมาณที่ปรากฎเป็นข่าวเป็นข้อมูลที่ไม่ควรส่งต่อเพราะเป็นอันตรายอย่างมาก และการโฆษณาสรรพคุณของยาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย 

เภสัชกรแนะ 5 กลุ่มหลักไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจรเป็นยาสมุนไพรที่มีความปลอดภัย อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่บุคคลที่ไม่ควรใช้ยาฟ้าทะลายโจร คือ 1.คนท้องเพราะอาจจะทำให้แท้งลูกได้ 2.กลุ่มผู้ให้นมบุตร 3.กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด 4.ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตที่ไม่ดี 5.ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ เพราะการกินฟ้าทะลายโจรเป็นระยะเวลานาน และใช้ในปริมาณที่สูงมาก จะทำให้ความดันลดต่ำลงได้

บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์

  • ยังไม่มีหลักฐานหรือการศึกษาวิจัยใดรองรับว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ และการกินฟ้าทะลายโจรไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนได้
  • การใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อทำการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังอยู่ในระหว่างการวินิจฉัย
  • ไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับว่า การกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร 60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน จะช่วยป้องกันโควิด-19 ได้ และการกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกัน โดยกินเป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับได้
  • หากกังวลว่ามีอาการเข้าข่ายโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบไปพบแพทย์ 

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

ทหารชายแดนสระแก้วซ้อมรบพร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ

สระแก้ว 12 มิ.ย. – ทหารชายแดนสระแก้วซ้อมรบด้วยกระสุนจริง พร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ หากมีคำสั่งจากหน่วยเหนือ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที กองกำลังบูรพา พร้อมด้วยกองกำลังเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 12 (ฉก.ร.12) กองพันที่ 2 ได้ทำการจัดการฝึกยิงอาวุธประจำกายของกำลังพล ด้วยกระสุนจริง บริเวณพื้นที่เขาอีด่าง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อยกระดับความชำนาญในการใช้อาวุธประจำกายของแต่ละบุคคลตามตำแหน่งหน้าที่ พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมในการปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ และการรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน โดยเน้นการเพิ่มทักษะและความแม่นยำในการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ประจำอยู่กับแต่ละกำลังพล หากมีคำสั่งจากหน่วยเหนือก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ในทันทีทุกเวลาเพื่อความสงบสุขของประชาชนคนไทย.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เรียกถกด่วน หลังพบการรุกป่าพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

บ้านพิษณุโลก 12 มิ.ย.-นายกฯ เรียกปลัด ก.ทรัพย์ฯ – เสนาธิการทหารบก ประชุมด่วน หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ แม่ทัพภาค 2 รายงานพบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน-พื้นที่อุทยาน เป็นปัญหาตรวจสอบพื้นที่ตามแนวชายแดน เร่งเพิ่มเส้นทางตรวจการณ์อำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ภายหลังเรียกประชุมด่วนเมื่อช่วงเช้า กับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และหัวหน้าเขตอุทยาน 5 เขตแนวชายแดน ว่า เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ที่ดิฉันและคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ท่านแม่ทัพภาคที่2 ได้รายงานอีกเรื่องที่สำคัญค่ะ คือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและพื้นที่อุทยาน ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เนื่องจากเป็นพื้นที่ตามแนวชายแดน และไม่มีเส้นทางทำให้การปฏิบัติงานเป็นได้ด้วยความยากลำบากและล่าช้า วันนี้ดิฉันจึงขอประชุมด่วน โดยมีท่านปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ หัวหน้าเขตอุทยานทั้ง 5 เขตแนวชายแดน และเสนาธิการทหารบกร่วมพูดคุยกัน แผนงานที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การเพิ่มเส้นทางในการตรวจการณ์พื้นที่อุทยาน การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติบริเวณชายแดนให้อยู่ในสภาพดี เพียงพอสำหรับการอำนวยความสะดวก และลดระยะเวลาเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงแผนเร่งพัฒนาระบบการสื่อสารและไฟฟ้าให้มีความเสถียร เพื่อให้การประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ได้สะดวกยิ่งขึ้น การปฏิบัติงานตามแนวชายแดนมีหลายสิ่งที่ต้องเร่งจัดการ […]

หนุ่มออสเตรียชักเกร็งหมดสติ หามส่ง รพ. เจอยาบ้าเต็มท้อง

กทม. 12 มิ.ย. – หนุ่มออสเตรีย ปวดท้อง ถูกส่งตัวจากสนามบินดอนเมืองไปโรงพยาบาลรักษาตัว ขณะรักษาเจอยาบ้า 255 เม็ด หลุดออกมาจากลำไส้ คาดกลืนยาเสพติดเข้าไปแล้วถุงยาแตก ทำให้ปวดท้องหนัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจหัวหมากได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสวนหลวง ว่าได้รับตัวชายชาวต่างชาติมาจากสนามบินดอนเมือง เนื่องจากชายคนดังกล่าวมีอาการชักเกร็ง เมื่อถึงโรงพยาบาลประเมินอาการก่อนการรักษา แพทย์พบมีน้ำสีชมพูออกมาทางทวารของผู้ป่วย จึงทำการ CT SCAN พบวัตถุก้อนกลมๆ จำนวนหนึ่ง อยู่ภายในท้อง และวัตถุดังกล่าวจำนวน 1 ก้อน ได้หลุดออกมาจากทวาร มีลักษณะคล้ายห่อสิ่งเสพติด แพทย์จึงแจ้งตำรวจตรวจสอบ ผลปรากฏว่า ห่อดังกล่าวบรรจุยาบ้าชนิดกลม-แบน สีแดง มีตัวอักษร WY ปั๊มอยู่ เมื่อนับจำนวนพบมีทั้งหมด 255 เม็ด ไม่นับรวมที่เหลืออยู่ในท้องของผู้ป่วยซึ่งไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ส่วนผู้ป่วย ตรวจสอบแล้ว ชื่อว่า นายกานท์เนอร์ อายุ 43 ปี สัญชาติออสเตรีย ขณะทำการตรวจยึดผู้ป่วยไม่ได้สติ รอการผ่าตัด ทำให้คาดว่าผู้ป่วยกลืนถุงยาบ้า […]

จากด่านสู่ดุลอำนาจ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ : ไทย-กัมพูชา กับบทบาทใหม่ของเศรษฐกิจ

ใครพึ่งใคร? – วิเคราะห์แรงกดดันเศรษฐกิจชายแดนต่อกัมพูชา หลังไทยจำกัดการข้ามแดน กรณีพิพาทบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี แม้เคยเกิดเหตุปะทะเล็กน้อยระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย แต่ในเวลาต่อมา กัมพูชาตัดสินใจถอยกำลังออกจากพื้นที่ โดยไม่มีการยกระดับความขัดแย้ง กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ “ความมั่นคงยุคใหม่” ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเป็นตัวตัดสิน หากแต่เกิดจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ไทยเลือกใช้ แทนการเผชิญหน้าด้วยแสนยานุภาพ ผ่าน “มาตรการจำกัดการข้ามแดน” ที่บีบช่องทางการเคลื่อนย้ายคน สินค้า และระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะที่ด่านอรัญประเทศ – จุดยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นหัวใจของการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา จุดเปลี่ยน : เมื่อเศรษฐกิจกลายเป็นเครื่องมือของความมั่นคงไทยเลือกใช้ “แรงบีบเชิงเศรษฐกิจโดยสันติวิธี” เป็นกลยุทธ์กดดันคู่ขนานกับการเจรจา ผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ : ไทยยังส่งสัญญาณชัดว่า พร้อมจะยกระดับมาตรการเหล่านี้ หากสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังตึงเครียด มาตรการซึ่งสำหรับกัมพูชาแล้ว เปรียบเสมือนกดทับ “เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ” ของฝั่งตะวันตกที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามแดนจากไทยเป็นหลัก ไทย : ผู้ถือ “กุญแจด่าน” และพลังการค้าข้ามพรมแดนข้อได้เปรียบของไทยยิ่งชัดเจน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการค้าข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ (เมษายน 2568) ระบุว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 64,612 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น […]