ชัวร์ก่อนแชร์ : กินฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้ จริงหรือ?

20 เมษายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


ตามที่มีการแชร์ผ่านสื่อโซเซียลมีเดียว่า กินฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ รวมถึงเป็นทางเลือกที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีนนั้น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบข้อมูลกับ ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งของประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (สยส.) ระบุตรงกันว่า ไม่เป็นความจริง

บทสรุป : ไม่เป็นความจริง ไม่ควรแชร์ต่อ


  • ยังไม่มีหลักฐานรองรับว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ และการกินฟ้าทะลายโจรไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนได้
  • ไม่ควรกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก เสี่ยงตับพัง หากติดเชื้อโควิด-19 จริงจะทำให้การรักษาโควิดทำได้ยาก
  • เมื่อมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์

ผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ยังไม่มีผลการศึกษาว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการเชื้อโควิด-19 ได้

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวกับ ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดย ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวยืนยันกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลระบุว่าฟ้าทะลายโจรสามารถใช้เป็นทางเลือกแทนวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ได้นั้น  ไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่มีการศึกษาวิจัยว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ ที่ผ่านมาเป็นการศึกษาว่าฟ้าทะลายโจรมีผลต่อภูมิคุ้มกัน แต่ยังไม่มีการศึกษาว่ามีผลต่อภูมิคุ้มกันของเชื้อโควิด-19 ไม่เหมือนกับวัคซีนที่มีการศึกษาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจรแทนวัคซีน

“โควิด-19 เป็นโรคใหม่ยังไม่มีเครื่องมือ ไม่มียา หรือการรักษาที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็น ฉะนั้นเราต้องใช้หลายเครื่องมือ หลายองค์ประกอบในการดูแลสุขภาพ แต่สิ่งที่งานวิจัยทั่วโลกให้การยอมรับคือการสร้างให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงด้วยวิธีต่างๆ อาทิ การทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนที่เพียงพอ และยังคงมาตรการ D-M-H-T-T โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างไม่ให้ร่างกายได้รับเชื้อเข้าไป”
สอดคล้องกับ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งของประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (สยส.) ระบุว่า การที่เชิญชวนไม่ให้ฉีดวัคซีนและให้กินฟ้าทะลายโจรแทนเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ ส่วนที่มีการอ้างอิงการวิจัยตามที่เป็นข่าวนั้น เป็นหลักฐานการศึกษาในเซลล์ในหลอดทดลองไม่สามารถบอกต่อไปได้ในทันทีว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นในมนุษย์


ไม่การันตีอาการผู้ป่วยดีขึ้นจากการใช้ฟ้าทะลายโจร กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล

ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพยายามในการศึกษาการใช้ฟ้าทะลายโจรในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในรอบการระบาดระลอกที่ 1 และระลอกที่ 2 โดยมีการนำฟ้าทะลายโจรไปใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 ในอาการที่ไม่รุนแรง และพบว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรทำให้ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็พูดได้ยากว่าอาการที่ดีขึ้นเกิดจากสรรพคุณของฟ้าทะลายโจร หรือเกิดจากการพักผ่อนและการดูแลร่างกายที่เพียงพอของผู้ป่วย ทั้งนี้เท่าที่ทราบจากกรมการแพทย์แผนไทยฯ มีการศึกษาในลักษณะที่นำฟ้าทะลายโจรมาเทียบกับยาหลอกซึ่งต้องรอการศึกษาวิจัยอีกระยะหนึ่ง ฉะนั้นการศึกษาที่ผ่านมาเป็นการนำฟ้าทะลายโจรมาใช้เมื่อป่วยแล้วเท่านั้น สำหรับการใช้วัคซีนคือการป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรง หรือการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกิดจากการติดเชื้อที่รุนแรง ฉะนั้นเรื่องฟ้าทะลายโจรกับเรื่องวัคซีน นำมาใช้คนละวัตถุประสงค์กัน

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอก 1 ระลอก 2 และระลอก 3 มีโรงพยาบาลบางแห่งนำฟ้าทะลายโจรมาใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการน้อย โดยทดลองให้ยาไปเป็นเวลา 5 วัน และพบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าการที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเป็นเพราะฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว ปัจจุบันยังคงต้องรอการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบระหว่างฟ้าทะลายโจรกับยาหลอกในผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งทางกรมแพทย์แผนไทยฯ แจ้งว่าได้เก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้วและอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลภญ.ดร.ผกากรอง ระบุ

ไม่แนะนำให้กินฟ้าทะลายโจรในปริมาณมากเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน แนะพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ

ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวต่อไปว่า การใช้ฟ้าทะลายโจรอยากให้ใช้เมื่อมีไข้ เจ็บคอ หรือเป็นหวัด แต่ถ้าจะให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในลักษณะของการเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้นนั้น ยังไม่พบงานวิจัยในคนที่ระบุชัดเจนว่าต้องทานฟ้าทะลายโจรปริมาณเท่าไรเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเชื้อโควิด-19  เพราะฉะนั้นการกินฟ้าละลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ควรกิน และที่สำคัญการทานอาหารที่เกินกว่าร่างกายจะรับได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพใดๆ หรือสมุนไพรต่างๆ เมื่อเราทานในปริมาณที่มากก็จะทำให้ตับหรือไตทำงานหนักมากยิ่งขึ้น มีผลทำให้การทำงานของตับหรือไตแย่ลง

“การศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรในขณะนี้เป็นการศึกษาในคอมพิวเตอร์เพื่อดูโครงสร้างของสาร เป็นการศึกษาในหลอดทดลองในแง่ของการกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือเสริมภูมิคุ้มกัน หากจะนำมาใช้ในคน ยังไม่ทราบว่าปริมาณเท่าใดที่จะสร้างภูมิคุ้มกันในคน เราจึงไม่แนะนำ”

ขณะที่ ผศ.นพ.พิสนธิ์ แจ้งเตือนว่าเมื่อมีอาการที่เข้าข่ายการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรพบแพทย์ทันที ในยุคก่อนที่โควิด-19 จะระบาดการทานฟ้าทะลายโจรถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในขณะนี้พบผู้ป่วยจำนวนมากที่มีการอักเสบที่ปอด เมื่อแพทย์พบอาการดังกล่าวจะเริ่มขั้นตอนการใช้ยาต้านไวรัสในทันที แต่หากผู้ป่วยไม่มาพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวและเลือกที่จะอยู่ดูแลตนเองที่บ้าน รวมทั้งใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อบรรเทาอาการ โอกาสที่จะเสียชีวิตก็มีสูงขึ้น เพราะโรคจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากกังวลว่ามีอาการเข้าข่ายโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบไปพบแพทย์  

เตือนเสี่ยงตับพังหากบริโภคสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก ชี้ติดโควิดจริงจะรักษาลำบาก

สำหรับกรณีที่มีข้อมูลแนะนำว่าให้กินฟ้าทะลายโจรในรูปแบบสารสกัดมากกว่ากินแบบบดผงนั้น ภญ.ดร.ผกากรอง มองว่า ประเทศไทยเราเน้นสกัดสารแอนโดรกราโฟไลด์(andrographolide) จากฟ้าทะลายโจร ซึ่งอาจจะมีเทคโนโลยีของบางบริษัทที่สามารถสกัดสาร AP3 (สารสกัดชนิดหนึ่งจากฟ้าทะลายโจร) ออกมาได้ ผู้บริโภคจะต้องถามผู้ผลิตก่อนซื้อ แต่โดยปกติงานวิจัยทั่วโลกจะดูปริมาณของสารแอนโดรกราโฟไลด์เป็นหลักเพื่อนำมาใช้ในการรักษาหวัดหรือทำเพื่อรักษาโควิด – 19 ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นว่าผู้ป่วยจะได้รับเป็นสารสกัดหรือเป็นผงยา แต่ขอให้รู้ว่าในผงยานั้นมีแอนโดรกราโฟไลด์เท่าไร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือถ้าผู้ป่วยนำสารสกัดไปกินเพื่อป้องกันโควิด-19 และกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับได้

“จากการศึกษาและวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน โดยทดลองนำเซลล์ปอดของมนุษย์มาทำให้ติดเชื้อโควิด-19 และใช้สารสกัดหยาบของฟ้าทะลายโจร และใช้แอนโดรกราโฟไลด์เดี่ยวๆ ทำให้เห็นชัดเจนว่าแอนโดรกราโฟไลด์น่าจะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ปอดได้ ถ้าใช้ในปริมาณสูงๆ ฉะนั้นฟ้าทะลายโจร ควรกินเมื่อเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว และเมื่ออาการดีขึ้น หรือหายดีแล้ว ควรหยุด ส่วนสารแอนโดรกราโฟไลด์ซึ่งเป็นสารสกัดนั้น ไม่ควรกินเพื่อป้องกันเป็นระยะเวลานานๆ เพราะจะมีผลต่อการทำงานของตับ อาจจะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ของร่างกายได้ และเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 จริง การใช้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาก็จะทำได้ยากมาก หรือไม่มีโอกาสที่จะใช้ได้เลย ถ้าตับเสียไปแล้ว”ภญ.ดร.ผกากรอง ระบุ

สอดคล้องกับ ผศ.นพ.พิสนธิ์ ให้ความเห็นตรงกันว่า การกินฟ้าทะลายโจร หรือใช้สารสมุนไพรใดๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน ก็อาจจะมีความเสี่ยงในการรับพิษจากสิ่งนั้นๆ สำหรับกรณีที่มีการแชร์ว่าผู้ป่วยควรรับขนาดยาตามปริมาณที่ปรากฎเป็นข่าวเป็นข้อมูลที่ไม่ควรส่งต่อเพราะเป็นอันตรายอย่างมาก และการโฆษณาสรรพคุณของยาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย 

เภสัชกรแนะ 5 กลุ่มหลักไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจรเป็นยาสมุนไพรที่มีความปลอดภัย อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่บุคคลที่ไม่ควรใช้ยาฟ้าทะลายโจร คือ 1.คนท้องเพราะอาจจะทำให้แท้งลูกได้ 2.กลุ่มผู้ให้นมบุตร 3.กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด 4.ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตที่ไม่ดี 5.ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ เพราะการกินฟ้าทะลายโจรเป็นระยะเวลานาน และใช้ในปริมาณที่สูงมาก จะทำให้ความดันลดต่ำลงได้

บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์

  • ยังไม่มีหลักฐานหรือการศึกษาวิจัยใดรองรับว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ และการกินฟ้าทะลายโจรไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนได้
  • การใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อทำการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังอยู่ในระหว่างการวินิจฉัย
  • ไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับว่า การกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร 60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน จะช่วยป้องกันโควิด-19 ได้ และการกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกัน โดยกินเป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับได้
  • หากกังวลว่ามีอาการเข้าข่ายโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบไปพบแพทย์ 

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]