ชัวร์ก่อนแชร์ : กินฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้ จริงหรือ?

20 เมษายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


ตามที่มีการแชร์ผ่านสื่อโซเซียลมีเดียว่า กินฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ รวมถึงเป็นทางเลือกที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีนนั้น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบข้อมูลกับ ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งของประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (สยส.) ระบุตรงกันว่า ไม่เป็นความจริง

บทสรุป : ไม่เป็นความจริง ไม่ควรแชร์ต่อ


  • ยังไม่มีหลักฐานรองรับว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ และการกินฟ้าทะลายโจรไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนได้
  • ไม่ควรกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก เสี่ยงตับพัง หากติดเชื้อโควิด-19 จริงจะทำให้การรักษาโควิดทำได้ยาก
  • เมื่อมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์

ผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ยังไม่มีผลการศึกษาว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการเชื้อโควิด-19 ได้

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวกับ ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดย ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวยืนยันกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลระบุว่าฟ้าทะลายโจรสามารถใช้เป็นทางเลือกแทนวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ได้นั้น  ไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่มีการศึกษาวิจัยว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ ที่ผ่านมาเป็นการศึกษาว่าฟ้าทะลายโจรมีผลต่อภูมิคุ้มกัน แต่ยังไม่มีการศึกษาว่ามีผลต่อภูมิคุ้มกันของเชื้อโควิด-19 ไม่เหมือนกับวัคซีนที่มีการศึกษาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจรแทนวัคซีน

“โควิด-19 เป็นโรคใหม่ยังไม่มีเครื่องมือ ไม่มียา หรือการรักษาที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็น ฉะนั้นเราต้องใช้หลายเครื่องมือ หลายองค์ประกอบในการดูแลสุขภาพ แต่สิ่งที่งานวิจัยทั่วโลกให้การยอมรับคือการสร้างให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงด้วยวิธีต่างๆ อาทิ การทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนที่เพียงพอ และยังคงมาตรการ D-M-H-T-T โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างไม่ให้ร่างกายได้รับเชื้อเข้าไป”
สอดคล้องกับ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งของประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (สยส.) ระบุว่า การที่เชิญชวนไม่ให้ฉีดวัคซีนและให้กินฟ้าทะลายโจรแทนเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ ส่วนที่มีการอ้างอิงการวิจัยตามที่เป็นข่าวนั้น เป็นหลักฐานการศึกษาในเซลล์ในหลอดทดลองไม่สามารถบอกต่อไปได้ในทันทีว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นในมนุษย์


ไม่การันตีอาการผู้ป่วยดีขึ้นจากการใช้ฟ้าทะลายโจร กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล

ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพยายามในการศึกษาการใช้ฟ้าทะลายโจรในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในรอบการระบาดระลอกที่ 1 และระลอกที่ 2 โดยมีการนำฟ้าทะลายโจรไปใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 ในอาการที่ไม่รุนแรง และพบว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรทำให้ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็พูดได้ยากว่าอาการที่ดีขึ้นเกิดจากสรรพคุณของฟ้าทะลายโจร หรือเกิดจากการพักผ่อนและการดูแลร่างกายที่เพียงพอของผู้ป่วย ทั้งนี้เท่าที่ทราบจากกรมการแพทย์แผนไทยฯ มีการศึกษาในลักษณะที่นำฟ้าทะลายโจรมาเทียบกับยาหลอกซึ่งต้องรอการศึกษาวิจัยอีกระยะหนึ่ง ฉะนั้นการศึกษาที่ผ่านมาเป็นการนำฟ้าทะลายโจรมาใช้เมื่อป่วยแล้วเท่านั้น สำหรับการใช้วัคซีนคือการป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรง หรือการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกิดจากการติดเชื้อที่รุนแรง ฉะนั้นเรื่องฟ้าทะลายโจรกับเรื่องวัคซีน นำมาใช้คนละวัตถุประสงค์กัน

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอก 1 ระลอก 2 และระลอก 3 มีโรงพยาบาลบางแห่งนำฟ้าทะลายโจรมาใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการน้อย โดยทดลองให้ยาไปเป็นเวลา 5 วัน และพบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าการที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเป็นเพราะฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว ปัจจุบันยังคงต้องรอการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบระหว่างฟ้าทะลายโจรกับยาหลอกในผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งทางกรมแพทย์แผนไทยฯ แจ้งว่าได้เก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้วและอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลภญ.ดร.ผกากรอง ระบุ

ไม่แนะนำให้กินฟ้าทะลายโจรในปริมาณมากเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน แนะพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ

ภญ.ดร.ผกากรอง กล่าวต่อไปว่า การใช้ฟ้าทะลายโจรอยากให้ใช้เมื่อมีไข้ เจ็บคอ หรือเป็นหวัด แต่ถ้าจะให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในลักษณะของการเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้นนั้น ยังไม่พบงานวิจัยในคนที่ระบุชัดเจนว่าต้องทานฟ้าทะลายโจรปริมาณเท่าไรเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเชื้อโควิด-19  เพราะฉะนั้นการกินฟ้าละลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ควรกิน และที่สำคัญการทานอาหารที่เกินกว่าร่างกายจะรับได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพใดๆ หรือสมุนไพรต่างๆ เมื่อเราทานในปริมาณที่มากก็จะทำให้ตับหรือไตทำงานหนักมากยิ่งขึ้น มีผลทำให้การทำงานของตับหรือไตแย่ลง

“การศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรในขณะนี้เป็นการศึกษาในคอมพิวเตอร์เพื่อดูโครงสร้างของสาร เป็นการศึกษาในหลอดทดลองในแง่ของการกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือเสริมภูมิคุ้มกัน หากจะนำมาใช้ในคน ยังไม่ทราบว่าปริมาณเท่าใดที่จะสร้างภูมิคุ้มกันในคน เราจึงไม่แนะนำ”

ขณะที่ ผศ.นพ.พิสนธิ์ แจ้งเตือนว่าเมื่อมีอาการที่เข้าข่ายการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรพบแพทย์ทันที ในยุคก่อนที่โควิด-19 จะระบาดการทานฟ้าทะลายโจรถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในขณะนี้พบผู้ป่วยจำนวนมากที่มีการอักเสบที่ปอด เมื่อแพทย์พบอาการดังกล่าวจะเริ่มขั้นตอนการใช้ยาต้านไวรัสในทันที แต่หากผู้ป่วยไม่มาพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวและเลือกที่จะอยู่ดูแลตนเองที่บ้าน รวมทั้งใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อบรรเทาอาการ โอกาสที่จะเสียชีวิตก็มีสูงขึ้น เพราะโรคจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากกังวลว่ามีอาการเข้าข่ายโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบไปพบแพทย์  

เตือนเสี่ยงตับพังหากบริโภคสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก ชี้ติดโควิดจริงจะรักษาลำบาก

สำหรับกรณีที่มีข้อมูลแนะนำว่าให้กินฟ้าทะลายโจรในรูปแบบสารสกัดมากกว่ากินแบบบดผงนั้น ภญ.ดร.ผกากรอง มองว่า ประเทศไทยเราเน้นสกัดสารแอนโดรกราโฟไลด์(andrographolide) จากฟ้าทะลายโจร ซึ่งอาจจะมีเทคโนโลยีของบางบริษัทที่สามารถสกัดสาร AP3 (สารสกัดชนิดหนึ่งจากฟ้าทะลายโจร) ออกมาได้ ผู้บริโภคจะต้องถามผู้ผลิตก่อนซื้อ แต่โดยปกติงานวิจัยทั่วโลกจะดูปริมาณของสารแอนโดรกราโฟไลด์เป็นหลักเพื่อนำมาใช้ในการรักษาหวัดหรือทำเพื่อรักษาโควิด – 19 ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นว่าผู้ป่วยจะได้รับเป็นสารสกัดหรือเป็นผงยา แต่ขอให้รู้ว่าในผงยานั้นมีแอนโดรกราโฟไลด์เท่าไร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือถ้าผู้ป่วยนำสารสกัดไปกินเพื่อป้องกันโควิด-19 และกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับได้

“จากการศึกษาและวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน โดยทดลองนำเซลล์ปอดของมนุษย์มาทำให้ติดเชื้อโควิด-19 และใช้สารสกัดหยาบของฟ้าทะลายโจร และใช้แอนโดรกราโฟไลด์เดี่ยวๆ ทำให้เห็นชัดเจนว่าแอนโดรกราโฟไลด์น่าจะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ปอดได้ ถ้าใช้ในปริมาณสูงๆ ฉะนั้นฟ้าทะลายโจร ควรกินเมื่อเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว และเมื่ออาการดีขึ้น หรือหายดีแล้ว ควรหยุด ส่วนสารแอนโดรกราโฟไลด์ซึ่งเป็นสารสกัดนั้น ไม่ควรกินเพื่อป้องกันเป็นระยะเวลานานๆ เพราะจะมีผลต่อการทำงานของตับ อาจจะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ของร่างกายได้ และเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 จริง การใช้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาก็จะทำได้ยากมาก หรือไม่มีโอกาสที่จะใช้ได้เลย ถ้าตับเสียไปแล้ว”ภญ.ดร.ผกากรอง ระบุ

สอดคล้องกับ ผศ.นพ.พิสนธิ์ ให้ความเห็นตรงกันว่า การกินฟ้าทะลายโจร หรือใช้สารสมุนไพรใดๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน ก็อาจจะมีความเสี่ยงในการรับพิษจากสิ่งนั้นๆ สำหรับกรณีที่มีการแชร์ว่าผู้ป่วยควรรับขนาดยาตามปริมาณที่ปรากฎเป็นข่าวเป็นข้อมูลที่ไม่ควรส่งต่อเพราะเป็นอันตรายอย่างมาก และการโฆษณาสรรพคุณของยาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย 

เภสัชกรแนะ 5 กลุ่มหลักไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจรเป็นยาสมุนไพรที่มีความปลอดภัย อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่บุคคลที่ไม่ควรใช้ยาฟ้าทะลายโจร คือ 1.คนท้องเพราะอาจจะทำให้แท้งลูกได้ 2.กลุ่มผู้ให้นมบุตร 3.กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด 4.ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตที่ไม่ดี 5.ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ เพราะการกินฟ้าทะลายโจรเป็นระยะเวลานาน และใช้ในปริมาณที่สูงมาก จะทำให้ความดันลดต่ำลงได้

บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์

  • ยังไม่มีหลักฐานหรือการศึกษาวิจัยใดรองรับว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ และการกินฟ้าทะลายโจรไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนได้
  • การใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อทำการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังอยู่ในระหว่างการวินิจฉัย
  • ไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับว่า การกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร 60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน จะช่วยป้องกันโควิด-19 ได้ และการกินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกัน โดยกินเป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับได้
  • หากกังวลว่ามีอาการเข้าข่ายโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรรีบไปพบแพทย์ 

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]