ชัวร์ก่อนแชร์ : ความดันเลือดสูง “ฆาตกรเงียบ” จัดการได้ด้วยตนเอง

Screenshot

ข้อมูลจากระบบรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วย “โรคความดันเลือดสูง” ที่ขึ้นทะเบียนรักษาเพียง 7.4 ล้านคน


“ความดันเลือดสูง” เป็นโรคที่มักถูกเรียกว่า “ฆาตกรเงียบ : Silence Killer” ช่วงแรกไม่แสดงอาการ แต่ถ้าไม่สามารถควบคุมความดันเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ ระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Heart Disease) โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic kidney disease) ส่งผลให้ผู้ป่วยพิการหรือเสียชีวิตได้ การตรวจพบความดันเลือดสูงจึงมีความสำคัญมาก

“วัดความดันอย่างไร สูงเกินไปคุมให้ดี ช่วยยืดชีวีให้ยืนยาว : Measure Your Blood Pressure Accurately, Control It, Live Longer” คือข้อความที่สมาพันธ์ความดันเลือดสูงโลก (World Hypertension League) สื่อสารถึงทุกคนเนื่องในวันความดันเลือดสูงโลก (World Hypertension Day) 17 พฤษภาคมของทุกปี แต่ชีวิตจริงของคนเรา “ความดันเลือดมีความสำคัญทุกวัน” สามารถวัดความดันเลือดทุกวัน (ทั้งเช้าและเย็น) ได้


ค่าความดันเลือดที่เหมาะสม

การวัดความดันเลือดที่ถูกต้องมีความสำคัญต่อการวินิจฉัย เพื่อยืนยันว่าเป็นโรคความดันเลือดสูง

“ความดันเลือด” เป็นแรงดันเลือดที่เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย มี 2 ค่า คือ ความดันตัวบน (Systolic pressure) แรงดันเลือดขณะหัวใจห้องซ้ายล่างบีบตัว และความดันตัวล่าง (Diastolic pressure) แรงดันเลือดขณะหัวใจห้องซ้ายล่างคลายตัว


ความดันเลือดสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันเลือดสูงผิดปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท (มม.ปรอท) ซึ่งอาจไม่แสดงอาการแต่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หลายโรค

จุดมุ่งหมายในการวัดความดันเลือดเพื่อป้องกันโรคความดันเลือดสูง ลดอัตราการเกิดทุพพลภาพและเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ  ได้แก่

ผู้ป่วยความดันเลือดสูงทั่วไป ควรมีค่าความดันเลือดต่ำกว่า 140/90 มม.ปรอท

ตัวบน 120-130 มิลลิเมตรปรอท ตัวล่าง 70-79 มม.ปรอท

วิธีการวัดความดันเลือดที่บ้าน

การรู้ค่าความดันเลือดตนเองมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต มีข้อควรปฏิบัติก่อนวัดความดันเลือด ดังต่อไปนี้

1. ไม่ดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ หรือออกกำลังกายก่อนทำการวัด 30 นาที

2. ก่อนทำการวัดควรถ่ายปัสสาวะให้เรียบร้อย

3. นั่งเก้าอี้โดยให้หลังพิงพนักเพื่อไม่ให้หลังเกร็งเท้าทั้ง 2 ข้างวางราบกับพื้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายเป็นเวลา 5 นาที ก่อนวัดความดันเลือด

4. วัดความดันเลือดในแขนข้างที่ไม่ถนัด หรือข้างที่มีความดันเลือดสูงกว่า โดยวางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ

5. ขณะวัดความดันเลือดไม่กำมือ ไม่พูดคุย หรือขยับตัว

การวัดค่าความดันเลือดแต่ละครั้งควรใช้วิธีการวัดให้ถูกต้อง พร้อมจดบันทึกตัวเลขค่าความดันเลือดตัวบนและตัวล่าง รวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจในสมุดประจำตัวผู้ป่วยความดันเลือดสูง และวัดค่าความดันเลือดอย่างน้อยวันละ 2 ช่วงเวลา ได้แก่

ช่วงเช้า วัดความดันเลือดอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1-2 นาที ภายใน 2 ชั่วโมงหลังตื่นนอน และก่อนกินยาลดความดันเลือด

ช่วงก่อนเย็น วัดความดันเลือดอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1-2 นาที

ตัวเลข “ความดันเลือด” ที่ไม่ควรมองข้าม มีดังต่อไปนี้

(1.) 180/110 มม.ปรอท อันตราย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

(2.) 160/100 มม.ปรอท สูงมาก เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ และเข้ารับการรักษา

(3.) 140/90 มม.ปรอท สูง ป่วยเป็นความดันเลือดสูงต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และเข้ารับการรักษา

(4.) 130/80 มม.ปรอท เริ่มสูง ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

(5.) 120/80 มม.ปรอท ปกติ  คุมอาหาร ออกกำลังกาย วัดความดันเลือดสม่ำเสมอ

(6.) น้อยกว่า 120/80 มม.ปรอท เหมาะสม ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย วัดความดันเลือดอย่างสม่ำเสมอ

อาการของผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูง

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันเลือดสูงจะไม่แสดงอาการ แต่บางรายพบว่ามีอาการปวดหัว เวียนหัว มึนงง และเหนื่อยง่ายผิดปกติ ซึ่งหากมีภาวะความดันเลือดสูงนาน ๆ แต่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้อวัยวะสำคัญต่าง ๆ ในร่างกายถูกทำลาย และเกิดภาวะแทรกซ้อน (จากความดันเลือดสูงโดยตรง และจากหลอดเลือดตีบหรือตัน)

ดังนั้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิ่งที่ผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูงควรปฏิบัติทันที ได้แก่

1. ลดน้ำหนัก (มีน้ำหนักเกินเกณฑ์)

2. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม (ชิมก่อนปรุงทุกครั้ง)

3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ทั้งเหล้าและเบียร์)

4. งดสูบบุหรี่ (ทั้งสูบมือ 1 และ สูบมือ 2)

5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (วันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน)

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูง

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตทั้งเรื่องการกินอาหารตามหลักโภชนาการ ออกกำลังกาย และวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เช่น งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ เป็นต้น สามารถช่วยป้องกันโรคความดันเลือดสูงและช่วยลดความดันเลือดได้

กรณีที่มีน้ำหนักตัวเกิน การลดน้ำหนักลงร้อยละ 5 ของน้ำหนักตั้งต้นขึ้นไปจะส่งผลให้ความดันเลือดลดลงเทียบเท่ากับยาลดความดันเลือด 1 ชนิด

ไม่แนะนำให้กินสมุนไพรใด ๆ รวมถึงโพแทสเซียม และ/หรือ แมกนีเซียม ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อหวังผลในการลดความดันโลหิต ยกเว้นเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์

จำกัดโซเดียมในอาหารน้อยกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (โซเดียม 2,000 มิลลิกรัม เทียบเท่าเกลือแกง 1 ช้อนชา

โซเดียม คือ เกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยโซเดียมจะทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย) ตลอดจนมีส่วนช่วยในการดูดซึมสารอาหารบางอย่างที่ไตและลำไส้เล็ก หากได้รับโซเดียมมากเกินไปอาจทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น แต่การจำกัดโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถช่วยลดความดันเลือดได้

เคล็ดลับการจำกัดโซเดียม

1. ชิมอาหารก่อนปรุง (ร้านค้าบางแห่งปรุงอาหารรสจัด)

2. ใช้เครื่องเทศในการปรุงรสอาหาร เช่น มะนาว กระเทียม กะเพรา พริก ยี่หร่า ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพราะอาหารรสชาติอ่อนเค็มก็สามารถทำให้อร่อยได้ โดยอาจใช้รสเปรี้ยวหรือเผ็ดนำ

3. หากต้องการกินขนมขบเคี้ยว ควรเลือกที่มีส่วนประกอบของโซเดียมน้อยที่สุด โดยอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้อ

4. หากกินอาหารที่มีน้ำซุปเค็มมาก ควรรินน้ำซุปออกบางส่วน แล้วเติมน้ำเปล่าแทน จะช่วยลดปริมาณโซเดียม หรือกินแต่เนื้อเหลือน้ำเอาไว้ก็ได้

“ความดันเลือดสูง” คือ “โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” ที่รู้จักกันว่า NCDs มาจาก Non-Communicable Diseases ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิ และไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้โดยตรง

“ต้นเหตุหลัก” ของโรคไม่ติดต่อเรื้องรังมาจาก “พฤติกรรมการดำเนินชีวิต” หรือที่แพทย์บางท่านใช้คำว่า “โรคหาเรื่องใส่ตัวเอง” ดังนั้น “โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” สามารถป้องกันได้ด้วยตนเอง และถ้ามีคนใกล้ตัวสนับสนุนจะได้ผลเร็วยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://ddc.moph.go.th/dncd
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/hypertension
https://www.thaihypertension.org/information.html

18 พฤษภาคม 2568

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท

เขียนและเรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]

ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งเร่งออกโฉนดให้ชาวบ้านหนองจาน

สรแก้ว 25 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งที่ดินจังหวัดเร่งดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้ชาวบ้านหนองจานโดยเร็ว พร้อมส่งทีมสำรวจ เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดนให้แล้วเสร็จ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ดินจังหวัด ป่าไม้ ส.ป.ก. ชี้แจงกรณีปัญหาของที่ดินบ้านหนองจาน พร้อมให้ประชาชนแสดงการยื่นเอกสารสิทธิการถือครองที่ดิน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนดให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านกุดผือ ที่มีที่ดินอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 เพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้โดยเร็ว โดยมีชาวบ้านนำเอกสารสิทธิ น.ส.2 สค.1 น.ส.3 มายื่นให้เจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบการคัดกรองเพื่อออกโฉนดที่ดินตามนโยบายเร่งด่วน ซึ่งจังหวัดจะแบ่งทีมสำรวจลงพื้นที่เป็น 3 ชุด เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดน ตั้งแต่พื้นที่อำเภออรัญประเทศ อำเภอโคกสูง และอำเภอตาพระยา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สร้างความดีใจให้กับประชาชนเป็นอันมาก.- สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]