ชัวร์ก่อนแชร์: “เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง” สร้างมลพิษมากกว่าการเลี้ยงสัตว์ จริงหรือ?

16 ตุลาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


บทสรุป :

  1. ข้ออ้างนำมาจากผลวิจัยที่ประเมินว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจะปล่อยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เท่าเดิมเป็นเวลา 1,000 ปี
  2. ผู้เชี่ยวชาญมองว่าในอีก 1,000 ปีข้างหน้า การพัฒนาด้านเทคโนโลยี มาตรการสิ่งแวดล้อม และการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง จะทำให้อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงลดการปล่อยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ข้อมูลที่ถูกแชร์ :


มีการเผยแพร่ผลวิจัยที่ตั้งคำถามผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงหรือ Lab-Grown Meat หลังพบว่า อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่าการทำปศุสัตว์อย่างมาก ดังนั้นการบริโภคเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงกลับเป็นการซ้ำเติมปัญหาสิ่งแวดล้อมให้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประเมินว่าภายในปี 2050 นี้ โลกจะมีประชากรมากถึง 9 พันล้านคน จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตอาหารมากกว่าในปัจจุบันถึง 70% สวนทางกับพื้นที่เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ที่มีอย่างจำกัด


แม้แนวโน้มการบริโภคเนื้อสัตว์ในประเทศพัฒนาแล้วจะลดลง แต่ในประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรจำนวนมากเช่น รัสเซีย อินเดีย และ สาธารณรัฐประชาชนจีน การบริโภคเนื้อสัตว์กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของประชากรชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมากขึ้น และนิยมการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อ ไข่ นม และเนยต่าง ๆ

ปัญหาที่ตามมาคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการทำปศุสัตว์มีส่วนเพิ่มมลพิษในธรรมชาติ ในสหรัฐอเมริกาพบว่าการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 4% มาจากการทำปศุสัตว์นั่นเอง

การมาถึงของเทคโนโลยีเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง หรือการผลิตเนื้อสัตว์ในห้องปฏิบัติการคราวละมาก ๆ ได้รับการจับตาว่าจะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคเนื้อสัตว์ในอนาคต

อย่างไรก็ดี งานวิจัยที่เผยแพร่ผ่านทางวารสารวิทยาศาสตร์ Frontiers ในหมวด Sustainable Food Systems เมื่อปี 2019 พบว่า ในระยะสั้น อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการทำปศุสัตว์ แต่ในระยะยาว อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจะส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมากกว่า จากปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงกว่าการทำปศุสัตว์นั่นเอง

ปริมาณมีเทนในชั้นบรรยากาศ

มีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์

การทำฟาร์มคือสาเหตุของการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3 ชนิด ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ ไนตรัสออกไซด์ และ มีเทน

มีเทนถือเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยผลิตมาจากระบบทางเดินอาหารของสัตว์สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัว กระบือ แกะ แพะ กวาง อูฐ ยีราฟ เป็นต้น

ในทางกลับกัน ก๊าซเรือนกระจกที่ผลิตจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงมีเพียงคาร์บอนไดออกไซด์ จากพลังงานถ่านหินที่ให้ความร้อนระหว่างการเพาะเลี้ยงเซลล์เท่านั้น

อย่างไรก็ดี แม้การทำปศุสัตว์จะปลดปล่อยมีเทนซึ่งส่งผลต่อสภาวะเรือนกระจกมากกว่า แต่มีเทนคงอยู่ในชั้นบรรยากาศในเวลาที่สั้นกว่าหรือเพียง 12 ปี ต่างจากคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งจะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศนานนับพันปี

ผู้วิจัยจึงลงความเห็นว่า อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงที่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่สูงกว่าการทำปศุสัตว์ สุดท้ายแล้วจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมมากกว่าในระยะยาว

ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ

ข้อจำกัดในการวิจัย

ผลวิจัยดังกล่าวมาจากสมมติฐานของทีมวิจัยที่เปรียบเทียบการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกระหว่างอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงและการทำปศุสัตว์ในช่วงเวลา 1 พันปี โดยอนุมานว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจะมีอัตราการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์คงที่ในช่วงสหัสวรรษต่อจากนี้

นำมาซึ่งคำถามว่า มีโอกาสแค่ไหนที่อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจะยังคงใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เท่าเดิมจนถึงพันปีข้างหน้า

มีหลายปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในวงการวิทยาศาสตร์ นโยบายของภาครัฐที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงทางเลือกของผู้บริโภคเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงที่พร้อมจะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงที่จำหน่ายในประเทศสิงคโปร์

ข้อเปรียบเทียบการทำปศุสัตว์และอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง

1.ที่ดิน

การทำปศุสัตว์ใช้ที่ดินมากกว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง นอกจากพื้นที่เลี้ยงสัตว์แล้ว 50% ของที่ดินเพื่อการเกษตรทั่วโลก ถูกใช้สำหรับปลูกพืชสำหรับอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจึงใช้ที่ดินในการผลิตเนื้อสัตว์น้อยกว่าการทำปศุสัตว์ถึง 90%

2.น้ำ

ประเมินว่า เนื้อวัว 1 กิโลกรัม ใช้น้ำในการผลิตถึง 550-700 ลิตร ส่วนใหญ่ใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงใช้น้ำในการผลิตเนื้อสัตว์น้อยกว่าการทำปศุสัตว์ 82%-98%

3.การขนส่ง

อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงที่อยู่ในตัวเมือง ช่วยลดระยะทางการขนส่งเนื้อสัตว์จากฟาร์มสู่ผู้บริโภค ทำให้การปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งลดลงอีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.vox.com/future-perfect/2019/2/22/18235189/lab-grown-meat-cultured-environment-climate-change
https://www.wired.com/story/the-confounding-climate-science-of-lab-grown-meat/
https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fnut.2020.00007/full
https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fsufs.2019.00005/full

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ อ่านแถลงการณ์ เรียกร้องนายกฯ ลาออก

28 มิ.ย. – กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ไม่หวั่นฝนตก ชุมนุมเต็มพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ทั้งบนถนนและสะพานลอย ฟังแกนนำปราศรัยและอ่านแถลงการณ์เรียกร้องนายกฯ แพทองธาร ลาออกทันที เหตุมีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศ​ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวทันที​ หลังจากผู้ชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ได้ร่วมกันเคารพธงชาติ นายนิติธร​ ล้ำเหลือ เป็นตัวแทน​อ่านแถลงการณ์ระบุว่า สถานการณ์การเมืองการปกครองของไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2475 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลา 93 ปี บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า บรรดาฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง การแต่งตั้ง การรัฐประหาร หรือการเลือกกันเอง มิได้มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งมิได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนอย่างแท้จริง จนก่อให้เกิดวิกฤตด้านการเมือง เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม ความมั่นคง ดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านคุณธรรม จริยธรรม และสังคมอย่างกว้างขวางลึกและรุนแรง เหตุมาจากการที่มีผู้ไม่นำพา ไม่นับถือยำเกรงกฎหมาย กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ขาดความตระหนัก สำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ให้ความสำคัญกับรูปแบบและวิธีการ ยิ่งกว่าหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย […]

ปะทะเดือด! คนร้ายบุกถล่มฐาน ชคต. เจ้าหน้าที่เจ็บ 2

นราธิวาส 28 มิ.ย. – ปะทะเดือด! กลุ่มคนร้ายราว 50 คน ขว้างไปป์บอมบ์และยิงอาวุธปืนสงครามถล่มฐานชุดคุ้มครองตำบลเกรียร์ จ.นราธิวาส จนเกิดการปะทะกันนานกว่า 20 นาที เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย วินาทีเจ้าหน้าที่อีโอดีใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลายไปป์บอมบ์ 2 ลูก ที่ตกอยู่บริเวณฐานชุดคุ้มครองตำบลเกียร์ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส หลังเมื่อเวลา 05.50 น. วันนี้ (28 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.สุคิริน ได้รับแจ้งคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์และอาวุธปืนสงครามบุกโจมตีฐานชุดคุ้มครองตำบลเกียร์ จึงร่วมกับทหาร ฉก.นราธิวาส, ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบลูกระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ของคนร้ายที่ขว้างเข้าไปในฐานแต่ไม่ทำงาน จำนวน 3 ลูก ลูกแรกตกอยู่ที่พื้นที่ด้านหลังหอสูงด้านซ้ายมือของฐาน ลูกที่ 2 อยู่ที่พื้นหน้าอาคารกองบังคับการ และลูกที่ 3 อยู่บริเวณด้านหลังของเรือนนอน และในระหว่างรอเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าเก็บกู้ ไปป์บอมบ์ลูกแรกก็เกิดระเบิดขึ้นเองเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กันพื้นที่ไว้แล้ว ส่วนระเบิดไปป์บอมบ์อีก 2 ลูก […]

มวลชนไม่ท้อ! ฝนถล่มกางร่มฟังปราศรัย

28 มิ.ย.- ไม่ท้อ! อนุสาวรีย์ชัยฯ ฝนตกหนัก มวลชนกางร่มฟังปราศรัย ปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง เตรียมร่วมกิจกรรมร้องเพลงชาติไทย เวลา 18.00 น. วันนี้ (28 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 16.30 น. ฝนตกหนักบางช่วงในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย” บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะที่ แกนนำสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมประกาศ 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และประชาชนลุกขึ้นปกป้องอธิปไตย สำหรับไฮไลท์ช่วงเย็นวันนี้ หลังร้องเพลงชาติ เวลา 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์และมีแกนนำขึ้นปราศรัยใหญ่ ก่อนยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น. -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมพญาเม็งรายเริ่มลด แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน

เชียงราย 28 มิ.ย.- เริ่มคลี่คลาย! สถานการณ์น้ำท่วมพญาเม็งราย จ.เชียงราย เช้านี้ระดับน้ำลดลงแล้วกว่า 80% แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงคราบโคลนจำนวนมากที่ยังปกคลุมที่อยู่อาศัยและถนนหลายสาย เช้านี้มีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่อง  ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังคงเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น น้ำสะอาด อุปกรณ์ทำครัว และแหล่งพลังงาน จึงขอรับการสนับสนุนอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฟื้นฟูพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มณฑลทหารบกที่ 37 ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นแล้ว ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง -สำนักข่าวไทย