ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : ภัยไซเบอร์ ข้อมูลส่วนตัวที่ต้องระวัง


13 กันยายน 2566 – สำเนาบัตรประชาชน สลิปเงินเดือน ใบแจ้งหนี้ ข้อมูลส่วนตัวที่ต้องปกปิด เพราะหากรั่วไหลออกไป อาจถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลเหล่านี้มาทำร้ายเรา ?! ร่วมเรียนรู้กลโกงของมิจฉาชีพที่แฝงตัวอยู่ในโลกไซเบอร์ และศึกษาหาทางสร้างภูมิคุ้มกันกับชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST ร้อยเรียงเรื่องฮิต ติดอันดับจากชัวร์ก่อนแชร์


อันดับที่ 5 : ระวัง ! โมเดลลิ่งเก๊ หลอกพริตตี้ถ่ายโป๊ ขายออนไลน์ 

เตือนสาว ๆ ที่ใฝ่ฝันอยากเข้าวงการบันเทิงหรือเป็นพริตตี้ ระวังโมเดลลิ่งเก๊ที่มีสาวประภทสองเป็นนกต่อ ที่หากคุณพลาดหรือเสียรู้ อาจถูกหลอกให้ถ่ายภาพโป๊ ซ้ำภาพเหล่านั้นยังถูกเผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์ !

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้กำกับการ และโฆษกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) มอบข้อคิด ข้อเตือนใจง่าย ๆ ในการป้องกันหรือรับมือกับมิจฉาชีพในโลกไซเบอร์ เพื่อเตรียมพร้อมให้เราทุกคนสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน


กลโกงคนร้ายจะทำการสมัครเฟซบุ๊ก ปลอมโปรไฟล์ว่าเป็นโมเดลลิ่งหานางแบบ นักแสดง เข้าวงการบันเทิง ก่อนจะเลือกติดต่อไปยังผู้เสียหายที่เป็นพริตตี้ หรือเน็ตไอดอล ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ชักชวนมาแคสติ้งงาน พร้อมกับให้แอดไลน์ตัวเองที่ทำปลอมขึ้นมา โดยใช้วิธีพูดคุยเป็นเดือนเพื่อให้ผู้เสียหายตายใจ ก่อนขอดูสัดส่วน สรีระ เพื่อพิจารณาหางานให้แคสติ้ง จนผู้เสียหายยอมถอดเสื้อผ้า ก่อนที่จะนำภาพลับผู้เสียหายเหล่านั้นไปโพสต์ลงกลุ่มลับ

อันดับที่ 4 : 7 สิ่ง ห้ามโพสต์บนโซเชียล เสี่ยงภัยไซเบอร์ 

ปัจจุบันโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Tiktok และ X (Twitter) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการติดต่อสื่อสารของคนส่วนใหญ่ เพราะไม่ว่าช่วงวัยไหนต่างก็มีบัญชีผู้ใช้โซเชียลเป็นของตนเองกันแล้วซึ่งก็มักจะแชร์ หรือโพสต์เรื่องราวต่าง ๆลงบนโซเชียลซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของเราทุกวันนี้ แต่รู้หรือไม่ อะไรบ้างที่ไม่ควรโพสต์ลงโซเชียลเพราะอาจกลายเป็นเครื่องมือให้มิจฉาชีพนำไปก่อเหตุอาชญากรรมและนำภัยมาถึงตัวเราได้ ไปดูกันเลย


7 สิ่งห้ามโพสต์บนโซเชียล เสี่ยงภัยไซเบอร์

1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้

เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะโพสต์หรือถ่ายส่งให้ใคร เนื่องจากเลขบัตรประชาชนแต่ละหลักก็จะบ่งบอกถึงข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับตัวเรา

อย่าง หลักที่ 1 หมายถึง ประเภทบุคคล ซึ่งมี 8 ประเภท

กรณีคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นเลข 3

หลักที่ 2,3 คือ รหัสจังหวัด

หลักที่ 4,5 คือ รหัสอำเภอหรือเขต เทศบาล

หลักที่ 6 – 10 คือ กลุ่มบุคคลแต่ละประเภทตามหลักแรก หรือหมายถึงเล่มที่ของสูติบัตร

หลักที่ 11,12 หมายถึง ใบที่ของสูติบัตรแต่ละเล่ม และหลักที่ 13 คือ ตัวเลขตรวจสอบความถูกต้องของเลข 12 หลักแรก

2. บัตรเครดิต เดบิต หรือบัตรนักเรียน นักศึกษา

ปัจจุบันจะเชื่อมโยงกับธนาคารเป็นบัตร ATM ไปในตัวสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้แม้จะมีการเซนเซอร์หรือเบลอตัวเลขแต่แค่เห็นชื่อธนาคาร ก็สามารถนำข้อมูลมาหลอกกันต่อได้ ทั้งการโทรศัพท์หลอกล่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือส่งข้อความ SMS แอบอ้างชื่อธนาคารก็เป็นไปได้

3. ใบแจ้งหนี้ บิลค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า

มีทั้งข้อมูลทั่วไปข้อมูลของผู้ใช้ไฟฟ้าอย่าง ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า ข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีบิลอื่น ๆ ที่มีชื่อ นามสกุลที่อยู่ ก็เช่นกันนะครับ

รวมไปถึงข้อมูลทางการเงินใบเสร็จ สลิปต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผย การมีเลขบัญชีติดมา หรือการพูดถึงทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ ก็สามารถทำให้เหล่าแฮกเกอร์ สามารถปลอมตัวเป็นคุณแล้วไปแอบอ้างสิทธิ์เข้าถึงบัญชีและทรัพย์สินที่คุณโพสต์ลงโซเชียลได้

4. สิ่งที่ถูกทำซ้ำขึ้นมาได้อย่างเช่น ลายนิ้วมือ

บางคนถ่ายรูปท่าชูสองนิ้ว หรือท่ากดไลก์ ชูนิ้วโป้ง ต่างก็เป็นท่าโพสยอดฮิต อาจจะโอกาสเสี่ยงโดนขโมยลายนิ้วมือไปใช้ในการสวมรอย หรือขโมยข้อมูลสำคัญก็เป็นไปได้นะครับ และไม่ใช่แค่ลายนิ้วมือนะครับ กุญแจรถ กุญแจบ้านก็เช่นกัน เพราะแค่ถ่ายรูปกุญแจมิจฉาชีพก็อาจจะไปปั๊มกุญแจใหม่มาได้ โดยสร้างแบบจำลองจากคอมพิวเตอร์ และไปปั๊มเป็นกุญแจใหม่ขึ้นมา เพื่อแอบบุกรุกเข้ามาในบ้านของเราก็ได้

5. ตั๋วเครื่องบิน

ตั๋วเครื่องบินซ่อนข้อมูลส่วนตัวไม่ว่าจะเป็น ชื่อ นามสกุล, หมายเลขการจอง, จุดที่ออกเดินทาง, จุดหมายปลายทาง, วัน เวลา สถานที่ สามารถจะพาไปเข้าถึงข้อมูลการเดินทาง ซึ่งผู้หวังดีอาจใช้จุดนี้เปลี่ยนแปลง ยกเลิกตั๋ว และเที่ยวบินของเราได้ และถึงแม้จะถ่ายให้ไม่เห็นชื่อ สกุล หรือจุดหมาย แต่มิจฉาชีพก็ยังเข้าถึงข้อมูลได้ จากพวกบาร์โค้ด หรือตัวเลขรหัสต่าง ๆ เพื่อไปดูวิธีการซื้อตั๋ว หรือข้อมูลบัตรเครดิตที่ใช้จ่าย

6. หนังสือเดินทาง

ก็เหมือนกับบัตรประชาชน เพราะมีข้อมูลของชื่อ นามสกุลเรา, วันเดือนปีเกิด, อายุ สัญชาติ และเลข Passport ผู้ไม่หวังดีจะใช้ช่องทางนี้ในการปลอมแปลง Passport ของเราก็ได้

7. อย่าโพสต์สเตตัสแบบเรียลไทม์

ไม่ว่าไปไหน หรืออยู่บ้านก็ให้ระวัง การบอกให้โลกรู้ว่าอยู่ที่ไหนกันบ้าง อาจจะทำให้โจรรอเวลาเหมาะ ๆ บุกบ้านเราก็เป็นไปได้ หรือการแท็กสถานที่ ว่าอยู่ที่ไหน แต่คงไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่ เพราะอาจทำให้พวกโรคจิตที่ชอบแอบติดตามชีวิตเราตามหาเราเจอได้ และไม่ใช่แค่การโพสต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคอมเมนต์ซื้อสินค้าในโซเชียล หรือตามแชทต่าง ๆ ด้วย อย่าเขียนเบอร์โทรศัพท์ หรือที่อยู่ เผยแพร่บนสาธารณะเด็ดขาด

อันดับที่ 3 : ไม่ต้องสงสัย! โจรรู้ข้อมูลส่วนตัวของเราได้ไง

มิจฉาชีพ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ชอบโทรมาหาเราอยู่บ่อย ๆ บ้างก็มิจฉาชีพโทรมาถามชื่อ หรือแอบอ้างเป็นหน่วยงานต่าง ๆ ถ้ามาในรูปแบบนี้เราก็รู้ทันได้ง่าย ๆ แต่ถ้ามิจฉาชีพรู้ ชื่อ-นามสกุล หรือแม้กระทั่ง มิจฉาชีพรู้ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์รู้ชื่อเราได้อย่างไร ?

มิจฉาชีพรู้ ชื่อ-นามสกุล ของเราอาจจะมาจากแหล่งเหล่านี้ก็ได้ 

  1. เอามาจากเว็บไซต์ที่เราเคยกรอกสมัครงานตามเว็บต่าง ๆ 
  2. มิจฉาชีพรู้ ชื่อ- นามสกุล, เลขบัตรประชาชน จากการลงทะเบียน หรือการสมัครสมาชิกจากที่ต่าง ๆ ของเรา
  3. เอามาจากลิ้งก์ที่เราเคยกดเข้าไป 
  4. เอามาจากหน่วยงานที่เราทำงานอยู่ 
  5. การแฮกอีเมล 

อันดับที่ 2 : 5 คำถาม เมื่อข้อมูล (ส่วนตัว) รั่วไหล

อ.ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์  มีวิธีง่ายๆ หากพบว่ามีข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลจากผู้ให้บริการ ควรตั้งคำถาม ดังนี้

  1. ข้อมูลรั่วได้อย่างไร
  2. ทำอย่างไรไม่ให้ข้อมูลรั่ว
  3. เมื่อข้อมูลรั่วไปแล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร
  4. ตรวจสอบและประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ขอข้อมูลระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัวทางช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ หรือโทรศัพท์เปลี่ยนรหัสผ่านที่ใช้ในการเข้าระบบที่ใช้งานกับผู้ให้บริการรายนั้น
  5. เป็นลิงก์หรือไฟล์แนบจากอีเมลหรือ SMS ที่ไม่รู้จัก เพราะผู้ไม่หวังดี อาจส่งลิงก์หรือไฟล์แนบ มายังอีเมลหรือ SMS และหวังให้หลงกล กดคลิกติดตั้ง malware เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญไปใช้ทำธุรกรรมการเงินต่อได้หรือไม่

อันดับที่ 1 : 5 วิธี การใช้สำเนาบัตรประชาชนให้ปลอดภัย

  1. อย่าถ่ายเอกสารด้านหลังบัตร
  2. ขีดเส้นคร่อม 2 เส้นพร้อมระบุวัตถุประสงค์ของสำเนาโดยไม่ให้ทับรูปภาพ
  3. ควรเซ็นสำเนาถูกต้องทับบางส่วนของบัตร
  4. หากใช้วิธีสแกนในแอปพลิเคชันทางการเงินสามารถใส่ถุงพลาสติกใส เพื่อเขียนเซ็นกำกับได้
  5. ใช้ในธุรกรรมที่จำเป็นและผู้ที่จะส่งให้มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : ณัฐวัฒน์ จิตรมั่น, พีรพล อนุตรโสตถิ์, จิรัชยา นวลนิ่มน้อย และเดชาพล วงศ์กลม
เรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้

ศาล รธน. 13 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้ เปิดให้เจ้าตัวเข้าไต่สวนพร้อมเลขาฯ สมช. 21 ส.ค. ไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 […]

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]