ชัวร์ก่อนแชร์: แผนจงใจระเบิดตึกแฝด World Trade Center จริงหรือ?

11 กันยายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


บทสรุป :

  1. เจ้าหน้าที่รื้อถอนตึก World Trade Center ไม่พบ “เทอร์ไมต์” ส่วนประกอบสำหรับการผลิตระเบิดในซากตึก
  2. ตึก World Trade Center ถูกออกแบบให้ทนต่อการชนจากเครื่องบิน แต่ไม่ทนต่อความร้อนจากเปลวเพลิงหลังถูกเครื่องบินพุ่งชน
  3. อุณหภูมิจากน้ำมันก๊าด (Jet Fuel) ของเครื่องบินไม่สูงพอที่จะหลอมละลายเหล็กกล้า แต่ทำให้โครงสร้างอาคารอ่อนแอลง จนตึกถล่มในที่สุด
  4. เสียงที่ฟังคล้ายระเบิดก่อนตึกถล่ม คือเสียงการถล่มของคานและเสาจากภายในตัวอาคาร
  5. การรื้อถอนด้วยระเบิดมักจะทำด้วยการฝังระเบิดบริเวณด้านล่างของอาคาร แต่ตึก World Trade Center เริ่มถล่มจากจุดที่เครื่องบินพุ่งชนด้านบนของอาคาร

ข้อมูลที่ถูกแชร์ :


มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา ที่อ้างว่าการถล่มของตึก World Trade Center ทั้งสองหลังในเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 นอกจากเป็นเพราะถูกเครื่องบินพุ่งชนแล้ว ยังเกิดจากการจงใจจุดระเบิดภายในอาคารหรือการรื้อถอนด้วยระเบิด (Controlled Demolition) เนื่องจากมีการพบเทอร์ไมต์ ส่วนประกอบสำหรับการผลิตระเบิดอยู่ในฝุ่นที่พบจากซากตึก ตัวตึกยังออกแบบให้ทนต่อการชนจากเครื่องบินตั้งแต่แรก และเป็นไปไม่ได้ที่ความร้อนจากเพลิงไหม้ในอาคารจะทำให้ตึกถล่มลงได้ รวมถึงหลักฐานการได้ยินเสียงระเบิดก่อนตึกถล่มและการกระเด็นของซากตึกออกมาจากชั้นที่้อยู่ต่ำกว่าบริเวณที่ถูกเครื่องบินพุ่งชน ซึ่งน่าจะเป็นผลจากแรงระเบิดภายในอาคารนั่นเอง

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

Thermite


เทอร์ไมต์ (Thermite) คือผงอะลูมิเนียมผสมกับไอออนออกไซด์ ใช้สำหรับสร้างความร้อนและเปลวไฟ เช่น ในการเชื่อมโลหะและการทำลูกระเบิดเพลิง มีความร้อนสูงกว่า 2,000 องศาเซลเซียสและสามารถทำให้เหล็กละลายได้

แม้มีการอ้างว่าพบส่วนประกอบของเทอร์ไมต์ในซากตึก แต่ เบรนต์ แบลนเชิร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านการรื้อถอนด้วยระเบิดยืนยันว่า ตลอด 8 เดือนของการขนย้ายซากตึก World Trade Center เจ้าหน้าที่กลับไม่พบซากที่ปนเปื้อนเทอร์ไมต์ตามที่กล่าวอ้าง เป็นไปได้ว่าซากที่อ้างว่าตรวจพบเทอร์ไมต์ อาจจะเกิดจากการปนเปื้อนเทอร์ไมต์ระหว่างการขนย้ายก็เป็นได้

เทอร์ไมต์

เดฟ โทมัส จากนิตยสาร Skeptical Inquirer โต้แย้งว่า การพบอะลูมิเนียมและไอออนออกไซด์ในฝุ่นที่พบจากซากตึก ไม่สามารถยืนยันการมีอยู่ของเทอร์ไมต์ เพราะชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตึกต่างมีอะลูมิเนียมและไอออนออกไซด์เป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่เชื่อว่า เทอร์ไมต์ที่พบในฝุ่นจากซากตึกอาจมาจากสีรองพื้น (Primer) ที่ใช้ก่อนการทาสีตัวอาคารก็เป็นได้

เสียงคล้ายระเบิด

ก่อนการถล่มของตึก World Trade Center ที่พยานไม่น้อยเล่าว่าได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังมาจากตัวอาคาร แต่ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าน่าจะมาจากการถล่มของคานและเสาภายในอาคาร ส่งผลให้ซากตึกจำนวนมากกระเด็นออกนอกหน้าต่างที่อยู่ชั้นล่าง จนดูเหมือนมีการจุดระเบิดในชั้นดังกล่าว ส่วนการบันทึกเสียงจากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวก็ไม่พบหลักฐานว่ามีการระเบิดในอาคาร World Trade Center เช่นกัน

ถล่มจากด้านบน

ปกติแล้วการรื้อถอนด้วยระเบิด (Controlled Demolition) มักจะมีการฝังระเบิดเอาไว้บริเวณชั้นล่างของอาคาร มากกว่าการจุดระเบิดที่ชั้นบน ภาพการถล่มของตึก World Trade Center ยังยืนยันชัดเจนว่าเป็นการถล่มที่เริ่มจากชั้นบนของอาคาร

นอกจากนี้ การวางแผนรื้อถอนด้วยระเบิดกับอาคารขนาดใหญ่อย่าง World Trade Center จำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมการหลายสัปดาห์ ซึ่งยากที่จะไม่เป็นที่สังเกตของผู้คนจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในอาคาร

ทนต่อการชน แต่ไม่ทนไฟ

เมื่อครั้งที่ตึก World Trade Center สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1973 เลสลี โรเบิร์ตสัน วิศวกรโครงสร้างได้ออกแบบ World Trade Center ให้ทนต่อการชนจากเครื่องบิน โดยอ้างอิงจากขนาดของ Boeing 707 เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนั้น

แม้ Boeing 767 ซึ่งพุ่งชนตึก World Trade Center เมื่อปี 2001 จะมีขนาดเล็กกว่า Boeing 707 แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือการคำนวณของ เลสลี โรเบิร์ตสัน คือความร้อนจากเปลวเพลิงจากน้ำมันก๊าด (Kerosene หรือ Jet Fuel) ปริมาณ 10,000 แกลลอน

ผลงานออกแบบของ เลสลี โรเบิร์ตสัน ส่งผลให้ตึก World Trade Center ทั้งสองทรงตัวได้นานนับชั่วโมงหลังถูกพุ่งชน ช่วยให้ผู้รอดชีวิตนับพันมีเวลาอพยพออกจากตัวตึก แต่ความร้อนจากเปลวเพลิงที่สูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ทำให้โครงสร้างอาคารเสียหายรุนแรงและถล่มลงมาในที่สุด

แบบจำลองการพุ่งชนตึก World Trade Center โดยมหาวิทยาลัยเพอร์ดู

โลหะสูญเสียความแข็งแกร่งจากความร้อน

มีข้อโต้แย้งว่าไฟจากน้ำมันก๊าดไม่มีทางหลอมละลายโครงสร้างตึก World Trade Center ที่ทำจากเหล็กกล้า

อย่างไรก็ดี น้ำมันก๊าด (Kerosene หรือ Jet Fuel) ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงของเครื่องบิน Boeing 767 มีอุณหภูมิการเผาไหม้ทางทฤษฎีอยู่ที่ 2,093 องศาเซลเซียส สูงกว่าจุดหลอมละลายของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ (Structural Steel) ที่ 1,539 องศาเซลเซียส

อย่างไรก็ดี สำนักงาน National Institute of Standards and Technology หรือ NIST ที่สอบสวนการถล่มของตึก World Trade Center พบว่า อุณหภูมิของเปลวไฟที่ไหม้ตัวอาคารอยู่ในระดับ 1,000 องศาเซลเซียสเพียงแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลืออุณหภูมิจะอยู่ต่ำกว่า 500 องศาเซลเซียส

แต่กระนั้น ความร้อนของเปลวเพลิงก็มากพอจะทำให้ความแข็งแกร่งของเหล็กโครงสร้างอ่อนแอลง เมื่อรวมกับผลกระทบจากการถูกชนจากเครื่องบิน ส่งผลให้ตึก World Trade Center ทั้งสองแห่งถล่มลงมาในที่สุด

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.politifact.com/factchecks/2022/sep/12/facebook-posts/911-conspiracy-theories-misconstrue-how-world-trad/
https://www.bbc.com/news/magazine-14665953
https://en.wikipedia.org/wiki/World_Trade_Center_controlled_demolition_conspiracy_theories
https://www.facebook.com/TheDarjChron/photos/a.318139064990548/743084192496031/?type=3&locale=ar_AR
Purdue University Creates Animation of September 11, 2001 Attack
https://www.youtube.com/watch?v=NOKJ4ZXgK4Q

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้

ศาล รธน. 13 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้ เปิดให้เจ้าตัวเข้าไต่สวนพร้อมเลขาฯ สมช. 21 ส.ค. ไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 […]

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]