fbpx

ชัวร์ก่อนแชร์: เด็กชายเมืองนางาซากิ คือที่มาประโยค “ตัวเขาไม่หนัก เขาคือน้องชายผม” จริงหรือ?

16 สิงหาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


บทสรุป :

  1. ไม่มีหลักฐานว่าช่างภาพที่ถ่ายภาพเด็กชายเมืองนางาซากิได้สนทนากับเด็กชาย
  2. มีหลักฐานว่าประโยค He’s not heavy; He’s my brother ถูกใช้มาตั้งแต่ปลายศวรรษที่ 19 ก่อนจะดัดแปลงเป็นเพลงดังในยุค 60-70

ข้อมูลที่ถูกแชร์ :


มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ ที่อ้างว่าเด็กชายผู้แบกร่างไร้วิญญาณของน้องชายเอาไว้บนหลังแห่งเมืองนางาซากิ คือเจ้าของประโยค He’s not heavy, he’s my brother! (ตัวเขาไม่หนัก เขาคือน้องชายผม) จนกลายเป็นแรงบันดาลใจของเพลงดังในทศวรรษที่ 1960’s ในเวลาต่อมา

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ผู้โพสต์เล่าว่า เด็กชายในภาพถ่ายกำลังเตรียมนำร่างไร้วิญญาณของทารกไปฝัง เมื่อทหารนายหนึ่งได้มาพบ จึงแนะนำให้เด็กชายวางร่างของทารกลง เขาจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป แต่เด็กชายกลับตอบว่า “ตัวเขาไม่หนัก เขาคือน้องชายผม” ทหารนายนั้นจึงรับรู้ความตั้งใจอันแน่วแน่ของพี่ชาย และหลั่งน้ำตาด้วยความสะเทือนใจ


อย่างไรก็ดี บันทึกจากช่างภาพกลับมีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่ผู้โพสต์กล่าวอ้าง

ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นผลงานของ โจ โอ’ดอนเนลล์ ช่างภาพที่ทำงานให้กับเหล่านาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ผู้ได้รับมอบหมายให้ไปบันทึกความเสียหายของเมืองนางาซากิในช่วงเดือนกันยายนปี 1945

ภาพดังกล่าวเป็นที่รู้จักในชื่อ The Boy Standing by the Crematory (เด็กชายข้างเชิงตะกอน) หรือ The Standing Boy of Nagasaki (เด็กชายผู้ยืนหยัดแห่งนางาซากิ)

จากบันทึกของ โจ โอ’ดอนเนลล์ เล่าว่า วันนั้นเขาได้เห็นเด็กชายเดินผ่านมาพร้อมกับแบกทารกเอาไว้บนหลัง ภาพเด็กแบกน้องเอาไว้บนหลังพบเห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่นยุคนั้น แต่เด็กชายคนนี้แตกต่างจากคนอื่น ๆ เขามาด้วยเจตจำนงที่แน่วแน่ เขาไม่สวมรองเท้า ใบหน้าสงบนิ่ง ศีรษะของทารกเอนไปข้างหลังเหมือนกำลังหลับใหล ขณะที่พี่ชายยืนรออย่างเงียบ ๆ เป็นเวลา 5-10 นาที

ชายที่สวมหน้ากากสีขาวเดินไปหาเด็กชาย แล้วค่อย ๆ ดึงสายที่รั้งตัวทารกออก จึงได้รู้ว่าทารกผู้นั้นคือศพของน้องชายที่เตรียมนำไปเผา ชายสวมหน้ากากอุ้มศพทารกด้วยการจับมือและขาทั้งสองข้าง แล้วนำร่างไปทำพิธีฌาปนกิจ ขณะที่พี่ชายยังยืนตรงไม่ไหวติง ดวงตาจ้องมองไปที่กองเพลิง เลือดจากริมฝีปากเริ่มไหลจากแรงขบเพื่อระงับอารมณ์ที่โศกเศร้า เปลวไฟเริ่มดับมอดดั่งอาทิตย์อัสดง เด็กชายหันหลังและเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

ในบันทึกของ โจ โอ’ดอนเนลล์ ไม่มีหลักฐานว่าเขาและเด็กชายได้พูดคุยกันแต่อย่างใด ข้ออ้างเรื่องที่มาของบทสนทนาจึงไม่เป็นความจริง

“ตัวเขาไม่หนัก เขาคือน้องชายผม” มาจากประโยคภาษาอังกฤษ He’s not heavy; He’s my brother ซึ่งมีบันทึกว่าถูกใช้มาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนมีการดัดแปลงเป็นเพลงบัลลาร์ดสุดฮิตในปี 1969-1970 โดยวง The Hollies และ นีล ไดมอนด์ ในชื่อเพลง He Ain’t Heavy, He’s My Brother

โจ โอ’ดอนเนลล์ ทำสำเนาภาพถ่ายที่เมืองนางาซากิและเก็บเอาไว้ในหีบส่วนตัวเป็นเวลานานหลายปี ก่อนจะนำภาพถ่ายมาประกอบการตีพิมพ์หนังสือ O’Donnell’s Japan 1945, Images From the Trunk ในปี 1989 เมื่อฉบับภาษาญี่ปุ่นได้รับการแปลในปี 1995 ผลงานก็ได้รับความนิยมในวงกว้าง เช่นเดียวกับความโด่งดังของภาพถ่าย The Boy Standing by the Crematory

มีความพยายามตามหาตัวตนของเด็กชายในรูปภาพ แต่การค้นหาต้องพบกับความล้มเหลวทุกครั้ง โดยปี 2020 สถานีโทรทัศน์ NHK ได้ผลิตสารคดีความยาว 50 นาทีเรื่อง Searching for the Standing Boy of Nagasaki เพื่อย้อนรอยการตามหาเด็กชายในรูปภาพ และบอกเล่าชีวิตอันยากลำบากของบรรดาเด็กกำพร้าในช่วงสงคราม

ข้อมูลอ้างอิง :

https://fullfact.org/online/photo-japan-boy-soldier-brother/
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Boy_Standing_by_the_Crematory
https://en.wikipedia.org/wiki/He_Ain%27t_Heavy,_He%27s_My_Brother

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง