เปิดบันทึกกิจกรรม “นักสืบสายชัวร์ X ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST”

นักสืบสายชัวร์ X ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST คืออะไร?

“นักสืบสายชัวร์ x ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST” เป็นโครงการที่ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อสร้างความรู้เท่าทันข้อมูลเท็จและภัยไซเบอร์ให้แก่ประชาชน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต่อยอดมาจากโครงการ “นักสืบสายชัวร์” ที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลายปี


ปักหมุดกิจกรรมครั้งแรกที่ “พัทยา”

เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่หมุดหมายแรกของการจัดกิจกรรมเพื่อการรู้เท่าทันรูปแบบใหม่ในครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด “รู้เท่าทันผ่านมุมมองของการสร้างกลลวง” ซึ่งเป็นการบูรณาการศาสตร์ที่หลากหลายครั้งแรกของประเทศไทย กลายเป็นหลักสูตรที่น่าสนใจผ่านวิทยากรจากต่างวงการ

นายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กิจกรรมในลักษณะนี้ อสมท จัดมาโดยตลอด ซึ่งมีรายการ “ชัวร์ก่อนแชร์” เป็นโครงการนำร่องที่สร้างคุณค่าและความรู้ให้กับประชาชนและเยาวชนจนถึงปัจจุบัน”

นายชำนาญ งามมณีอุดม รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า “ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนักสืบสายชัวร์ X ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST นอกจากได้ความรู้กลับไปแล้ว ยังได้ทักษะ วิธีการคิด เฉลียว เท่าทัน และเฝ้าระวังจากคนโกง รวมถึงกลลวงต่าง ๆ ด้วย”

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าบ้านอย่างเมืองพัทยา ที่อำนวยความสะดวก เรื่องสถานที่จัดงาน โดย คุณปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้กล่าวว่า “การเปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้กับผู้ร่วมกิจกรรม นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้จากวิทยากรระดับประเทศ และนอกจากได้ความรู้แล้วยังมีความสนุก เพลิดเพลิน และได้ภูมิคุ้มกันที่จะใช้สื่ออย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ สำหรับข่าวปลอมต่าง ๆ ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะเมืองพัทยาเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของประเทศไทยและทั้งโลกด้วย การจัดสัมมนาครั้งนี้จะช่วยได้อย่างยิ่ง เมืองพัทยายินดีต้อนรับกิจกรรมดี ๆ เหล่านี้เป็นอย่างมาก”


กิจกรรมมายากลสุดระทึก!

ไฮไลต์ของกิจกรรมคือ “การแสดงมายากล” จากนักมายากลระดับตำนานของเมืองไทย ที่นำเสนอการรู้เท่าทันข้อมูลเท็จและภัยไซเบอร์ผ่านการแสดงมายากลและกลลวงต่าง ๆ ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับโชว์และการเปิดโปงกลเม็ดกลลวงที่เหล่ามิจฉาชีพใช้กล่าวอ้างในการหลอกลวงเหยื่อ

แม้ดูเหมือนว่านักมายากลจะสามารถเสกคาถาหรือร่ายมนต์วิเศษได้ ทว่าในความเป็นจริงล้วนเป็นการแสดงที่อาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์ ถ้าหากเราเข้าใจคนกลวิธีก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพแน่นอน

คุณเฉลิมสวรรค์ ไพบูลย์พันธ์ (อาจารย์ฟิลิป) นักมายากล ที่ปรึกษาสมาคมวิทยากลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “มีความเชื่อหลายเรื่องที่ต้องพิสูจน์ให้ดู เพราะว่าสิ่งเหล่านี้นักมายากลก็ทำได้ สิ่งไหนที่นักมายากลทำได้ สิ่งนั้นจะไม่ใช่ความมหัศจรรย์หรือวิเศษอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงการแสดงแค่นั้นเอง”




เมื่อ “วิทยาศาสตร์” ไขความลับ “อภินิหารเร้นลับ”

เรื่องเร้นลับและอภินิหารมักถูกมิจฉาชีพนำมาแปลงสารให้กลายเป็นข้อมูลลวง หลอกลวงผู้คนบน Social Media มากเป็นอันดับต้น ๆ

ด้วยความไม่รู้ หรือมองไม่เห็นด้วยตา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังคงใช้หลอกลวงได้อยู่เสมอ ทั้งที่รู้ว่าเรื่องลี้ลับส่วนมากเป็นข้อมูลกลลวงของผู้ไม่หวังดีที่แฝงตัวในคราบมิจฉาชีพ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายกสมาคมวิทยากลแห่งประเทศไทย อธิบายว่า “มีหลายเรื่องที่ฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่เราเชื่อ เช่น เชื่อว่าผีและวิญญาณมีจริง แต่ถ้าอธิบายได้ว่าสิ่งที่เราเห็นนั้น จริง ๆ แล้ววิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องพวกนี้ได้ไม่ใช่เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องความเข้าใจผิดไปเอง หรือบางทีก็เป็นการใช้แอพพลิเคชันมือถือต่าง ๆ ในการแกล้งก็ได้

เรื่องการหลอกลวงขายสินค้าก็มีมากมาย มีการใช้เทคนิคให้ดูเหมือนน่าเชื่อถือ แต่ถ้าเราจับได้ว่าเทคนิคนั้นจริง ๆ มันก็เป็นแค่กลลวง ไม่ว่าจะเป็นกลลวงทางวิทยาศาสตร์หรือแม้แต่มายากลก็ตาม

สิ่งที่เราอยากได้ก็คือการกระตุ้นต่อม “เอ๊ะ” ขึ้นมา แล้วหากเจอคนเข้ามาหลอกลวงเรา เราอาจจะต้องตรวจสอบก่อนว่ามีแนวโน้มที่จะหลอกได้หรือเปล่า แต่เมื่อก่อนเชื่อทันทีเลย แชร์เลย ส่งต่อเลย”




“เทคนิคทางคอมพิวเตอร์” รับมือข้อมูลเท็จ ภาพลวงตา!!

นอกจากข้อมูลลวงที่อยู่ในรูปตัวอักษรแล้ว การใช้เทคนิคภาพทางคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างภาพลักษณ์และตัวเสมือนบนโลกออนไลน์ ถือเป็นภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนที่รู้ไม่เท่าทันกลลวงอย่างยิ่ง

อุปนายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย คุณขจร พีรกิจ กล่าวว่า “ยิ่งเทคโนโลยีรุดหน้าไปไกล เรายิ่งต้องเพิ่มองค์ความรู้ให้เป็นเกราะคุ้มกันภัยไซเบอร์

สิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าใจก็คือเวลาเห็นภาพ ต้องคิดก่อนว่าภาพนี้เป็นภาพจริงหรือเปล่า ภาพลวงตาที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ คล้ายคลึงกับจินตภาพแห่งมายาที่นักมายากลใช้แสดงอยู่บนเวที ต่างกันตรงที่มายากลนั้นสร้างความบันเทิงใจ ในขณะที่กลลวงของผู้ไม่หวังดีสร้างความเสียหายให้กับผู้คน และที่สำคัญมากก็คือการเอาภาพของคนอื่นไปใช้หลอกลวง

เห็นได้ชัดเลยว่าเวลาเราเห็นการโฆษณาเรื่องลดความอ้วน บางทีภาพจริงอาจจะเป็นเพียงการสร้างภาพ แต่คนคนนั้นก็ยังอ้วนอยู่เหมือนเดิม

ต้องการให้คนที่มาอบรมได้ตระหนัก เห็นภาพแล้วก็อย่าเพิ่งเชื่อ ต้องวิเคราะห์ก่อนว่าภาพนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ดังนั้น ถ้ายังไม่แน่ใจว่าภาพถูกตกแต่งหรือเปล่า ติดต่อได้ที่รายการชัวร์ก่อนแชร์ มีผู้เชี่ยวชาญช่วยในการตัดสินใจได้จริง”



จับโป๊ะเรื่องลี้ลับด้วย “วัคซีนความเชื่อ”

คุณกฤษกร แซ่เหล้า (เบิ้ม ลูกโป่ง) นักมายากล อธิบายว่า “กลเม็ดที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงผู้คนมีมากมาย แต่นับวันยิ่งแนบเนียน เมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจ ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อ

พวกเรานักมายากลจะไม่ก้าวล่วงหรือไม่ดูถูกความเชื่อใคร แต่เราจะนำเสนออีกมุม คือ วัคซีนความเชื่อ เป็นเรื่องราววัคซีนป้องกันเหมือนกับการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ เป็นการป้องกันการโดนหลอกจนตกเป็นเหยื่อนั่นเอง รวมถึงวัคซีนมิจฉาชีพด้วย”

ซึ่งวัคซีนความเชื่อเป็นหลักสูตรที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “นักสืบสายชัวร์ X ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST” จะได้ฝึกการตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถามต่อข้อมูลและภาพที่เห็นตรงหน้าว่าเป็นเรื่องจริง หรือไม่ พร้อมตรวจสอบข้อมูลก่อนส่งต่อ ถือเป็นการสร้างการรู้เท่าทันข้อเท็จจริงให้กับประชาชนตามแนวคิด TRICK or TRUST




TRICK or TRUST เสริมทักษะรู้เท่าทันภัยไซเบอร์

เนื้อหาสาระที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ล้วนนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันพร้อมแบ่งปันสู่คนในครอบครัวได้

ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า “เทคนิคการหลอกลวงเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละพื้นที่ ดังนั้นจำเป็นต้องส่งเสริมองค์ความรู้นี้อย่างรวดเร็ว”

ด้าน ผศ.ดรวรัชญ์ ครุจิต คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า “เรื่องของมายากลนั้น สิ่งที่มองเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เห็นครั้งแรกเราอย่าเพิ่งเชื่อ ครั้งต่อไปมันจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง อาจจะไม่ใช่ของจริงก็ได้ ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่จะได้ก็คือการปลุกจิตสำนึกว่าสิ่งที่เห็นครั้งแรกอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง เราต้องมีสติหนักแน่นเอาไว้ ใช้ความระมัดระวังที่จะไม่ตกหลุมพราง”


รู้เท่าทันกลลวงแห่งปัญญาประดิษฐ์ A.I.

การใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ A.I. สร้างภาพเสมือน เป็นเทคนิคที่เหล่ามิจฉาชีพใช้หลอกลวงผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อในปัจจุบัน

นักสร้างภาพยนตร์แอนิเมชัน match move artist คุณชิษณุพงษ์ กนกเนตรสกล ให้ความเห็นว่า “เทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถรังสรรค์ทุกสิ่งให้เกิดขึ้นจริงได้เพียงปลายนิ้ว เราจึงต้องเรียนรู้ให้เท่าทันกลลวงทั้งด้านภาพและเสียงว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ปาฏิหาริย์”

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่นำมาใช้ให้เราหลงเชื่อได้ บางทีอาจจะปลอมแปลงใบหน้าคน ใส่อย่างอื่นเข้าไปทำให้เราหลงเชื่อ ก็จะเป็นกลลวงของคนที่จะนำไปใช้และถ้าเป็นคนที่มีเจตนาร้ายก็อาจจะมาหลอกลวงเรา เพราะถ้าใช้ด้วยเจตนาดีก็เป็นสื่อบันเทิงทั่วไป ตรงนี้อยากจะแชร์ให้กับทุก ๆ คนที่มาร่วมงาน TRICK or TRUST

การกล่าวอ้างโดยใช้ข้อคิดเห็นมากกว่าข้อเท็จจริงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาการทะเลาะวิวาท ระรานกันบนโลกออนไลน์

ดังนั้น การเรียนรู้จากกรณีศึกษา รับข้อมูลข้อเท็จจริง ข่าวลวงต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นต่อหลักสูตรการเรียน ทั้งในและนอกสถาบันการศึกษาทุกระดับ

ในมุมมองของ ผศ.ดร.เจษฎา ศาลาทอง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเด็นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารนั้น “เวลาที่เราได้รับข้อมูลมา ก่อนที่จะเชื่อแล้วแชร์ต่อไป เราต้อง “เอ๊ะ” ก่อน ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ โดยควรคำนึงถึงเหตุผลดังนี้

1. คนที่ทำหวังผลประโยชน์อะไร เพราะการสร้างสื่อขึ้นมามีผลประโยชน์หรือหวังผลอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
2. เราต้องเข้าใจว่าสื่อถูกประกอบสร้าง และสิ่งที่เราเห็นมันไม่จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไปก็ได้

การประกอบสร้างสามารถทำได้หลายอย่าง อาจจะเป็นมุมกล้อง เป็นการปกปิดบางอย่าง หรือแม้กระทั่งการใช้กราฟิกและเทคโนโลยีทำให้ดูเหมือนจริง ในยุคที่เรียกว่า Hyperreality ที่ดูเสมือนจริงมาก

ปัจจุบันไม่ได้มีเพียงคนที่เป็นสื่อมืออาชีพหรือองค์กรเท่านั้นที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาได้ เราอยู่ในยุคที่ใคร ๆ ก็เป็นสื่อได้”


รู้เท่าทันข่าวลวง-ข้อมูลเท็จ เป็นเรื่องของ “ทุก Gen”

ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “นักสืบสายชัวร์ X ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST” ครั้งนี้ มีหลายช่วงวัย ตั้งแต่ 7 – 74 ปี มีทั้งนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และประชาชนทั่วไป จากพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล และเมืองพัทยา สะท้อนให้เห็นว่าการรู้เท่าทันข่าวลวงและข้อมูลเท็จ เป็นเรื่องของคนทุก Generations

ถึงแม้มีความแตกต่างกัน แต่กิจกรรม TRICK or TRUST ก็ทำลายกำแพงแห่งวัย ซึ่งนอกจากความสนุกสนานที่ได้ สาระความรู้ที่สอดแทรกอยู่ในทุกกิจกรรม ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ จากการตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนจะแชร์ต่อ



จุดประกายรับข้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบรอบด้าน สร้างสังคมรู้เท่าทัน

ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ฝึกการตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามต่อข้อมูลและภาพที่เห็น ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ ตรวจสอบข้อมูลก่อนส่งต่อ โดยมีเสียงสะท้อนว่าควรบรรจุเนื้อหาสาระความรู้ที่เหมาะสมในหลักสูตรการเรียนการสอนให้เยาวชน ประชาชนจะได้เรียนรู้ทักษะการรู้เท่าทันสื่อ

ปิดท้ายด้วยมุมมองของ คุณพีรพล อนุตรโสตถิ์ ผู้จัดการศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท กล่าวว่า “นี่คือการริเริ่มของศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

เราพยายามทำให้คนรู้เท่าทันสื่อ เพราะสิ่งนี้คือภูมิคุ้มกันที่จะป้องกันทุก ๆ คนให้พ้นจากเรื่องที่อันตรายมาก ๆ คือเรื่องของภัยจากข้อมูลข่าวสารในยุคนี้

จริง ๆ แล้วทุกคนต้องมีภูมิคุ้มกัน และการที่ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันได้ก็คือการเรียนรู้ เราจึงเปิดตัวมุมมองของหลักสูตรการเรียนรู้อีกแบบหนึ่ง จากเดิมที่บอกว่าระวังข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ เราจะต้องตรวจสอบก่อนจะแชร์ต่อ ตอนนี้เรามองว่าเขาหลอกกันอย่างไร อะไรทำให้หลอก อะไรทำให้คนตกเป็นเหยื่อและเครื่องมือ”


ทั้งหมดทั้งปวงนี้ก็คืออีกหนึ่งหลักสูตรดี ๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมที่รู้เท่าทัน


บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนักสืบสายชัวร์ x ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST ภายใต้การสนับสนุนโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]