เผยผลวิจัยจากกิจกรรม “นักสืบสายชัวร์ x ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST”

เผยผลศึกษาวิจัยจากกิจกรรม “นักสืบสายชัวร์ x ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST” ครั้งแรกที่พัทยา มีวิทยากรถ่ายทอดกลยุทธ์การรู้เท่าทันสื่อ ข้อมูลเท็จ ข่าวลวง และภัยไซเบอร์ ให้กับผู้ร่วมงานวัยต่างกัน แต่กลับไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ภัยไซเบอร์

ในกิจกรรม “นักสืบสายชัวร์ x ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ได้นำเสนอนวัตกรรมสื่อและหลักสูตรใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้เท่าทัน ผ่านมุมมองของการสร้างกลลวง โดยทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา รวมทั้ง นักมายากล นักคอมพิวเตอร์กราฟิก นักแอนิเมชัน

ในกิจกรรมดังกล่าว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา ศาลาทอง อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการศึกษาวิจัยทัศนคติ ความพึงพอใจ ประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยใช้วิธีผสมผสาน ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อติดตามสำรวจประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียน

ในบทความนี้ เป็นผลสรุปบางส่วนเกี่ยวกับ “ความพึงพอใจและประสบการณ์การเรียนรู้” ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับเอกสารผลการศึกษาวิจัยฉบับเต็ม จะมีการเผยแพร่และนำเสนอต่อไป


ผลเชิงปริมาณ

กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 148 คน มีทั้งนักเรียน นักศึกษา บุคลากรครู และบุคคลทั่วไป

ทุกกลุ่มเห็นด้วยกับการได้รับประสบการณ์การเรียนรู้จากการเข้าร่วมกิจกรรมช่วงเช้าและช่วงบ่าย ช่วยให้เข้าใจ รู้เท่าทัน และลดความเสี่ยงเมื่อต้องพบข้อมูลเท็จและภัยไซเบอร์ ทั้งยังช่วยให้สามารถแยกแยะและรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพได้จริงตามที่คาดหวัง


ผลเชิงคุณภาพ

ผู้เข้าร่วมโครงการมีทัศนคติที่ดีต่อโครงการเป็นอย่างมาก ในกิจกรรมทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย ทุกกลุ่มรู้สึกสนุก ตื่นตาตื่นใจ และประทับใจต่อการแสดงมายากล รวมถึงการได้รับความรู้จากการบรรยายโดยวิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละศาสตร์ควบคู่ไปกับความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด สามารถอยู่ร่วมกิจกรรมจนจบได้โดยไม่เกิดความรู้สึกเบื่อ

นอกจากความหลากหลายของกลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว วิทยากรก็มีความหลากหลายเช่นกัน เป็นการนำวิทยากรจากหลายศาสตร์มาบรรยายร่วมกัน เสมือนเป็นการทลายกรอบข้อจำกัดต่อผู้เข้าร่วมโครงการทุกกลุ่มในมิติที่แตกต่างกัน เช่น เป็นการทลายกรอบข้อจำกัดด้านงบประมาณ ขอบเขตกลุ่มประชากร การจัดกิจกรรมของกลุ่มบุคลากรทางการศึกษา เป็นการก้าวข้ามรูปแบบการบรรยายที่สร้างความน่าเบื่อแก่กลุ่มนักเรียน และเป็นการนำเสนอมุมมองที่ท้าทายความเชื่อด้วยหลักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่กลุ่มคุณครู ผู้เข้าร่วมทั่วไป ตลอดจนผู้สูงวัย

ผู้เข้าร่วมโครงการมีความประทับใจต่อวิทยากรเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิทยากรมีความเป็นกันเอง มีการสนทนากับผู้เข้าร่วมโครงการทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการกล้าที่จะแสดงออก และวิทยากรกลุ่มนักมายากลสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อผู้เข้าร่วมโครงการเป็นพิเศษ




ประสบการณ์การเรียนรู้

จากการออกแบบให้กิจกรรมของโครงการมีความบูรณาการทั้งในส่วนของรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้และวิทยากร มีกิจกรรมที่หลากหลายและมีปฏิสัมพันธ์อย่างมาก ไม่ใช่แค่การบรรยายในลักษณะการสื่อสารทางเดียว ทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกมีส่วนร่วม ไม่เบื่อ รวมถึงสถานที่จัดงานที่รองรับการจัดกิจกรรมได้ดีทั้งช่วงเช้าและบ่าย

ในส่วนของวิทยากรนั้นเป็นการรวมตัวกันของวิทยากรหลาย ๆ ศาสตร์ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับมุมมอง ข้อคิดเห็น ตลอดจนข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์นั้น ๆ หลายแง่มุม เช่น จากมุมของนักมายากล นักวิทยาศาสตร์ หรือนักวิชาการ เป็นการหนุนเสริมความรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความรู้และความเท่าทันที่รอบด้าน ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่

นอกจากนี้ การอบรมช่วยให้เข้าใจ รู้เท่าทัน และช่วยลดความเสี่ยงเมื่อต้องพบข้อมูลเท็จและภัยไซเบอร์ ทั้งยังช่วยให้สามารถแยกแยะและรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพได้จริงตามที่คาดหวัง


ประสบการณ์จากกลุ่มนักเรียน

กลุ่มนักเรียนจะเป็นกลุ่มที่ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงมายากลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นประสบการณ์การชมการแสดงมายากลในรูปแบบการแสดงสดครั้งแรกของนักเรียนหลาย ๆ คน และยังมีความใกล้ชิดกับบริบทของมายากลมากกว่าด้านความเชื่อ สิ่งเร้นลับ และอภินิหาร

โดยภายหลังการเข้าร่วมโครงการ สิ่งที่กลุ่มนักเรียนได้รับจากโครงการนี้ คือ ความรู้ในการป้องกันภัยไซเบอร์และป้องกันภัยต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในโลกออนไลน์และในชีวิตจริง ได้รับความรู้ในการป้องกันตัวจากมิจฉาชีพ มีความกล้าที่จะพูดคุย ทักท้วง หรือสอบถามในที่มาและความถูกต้องจากข้อมูลที่บอกกล่าวหรือส่งต่อโดยคนรอบตัว


ประสบการณ์จากกลุ่มคุณครู

ด้านกลุ่มคุณครูและบุคลากรทางการศึกษา นอกเหนือกจากการได้รับประสบการณ์จากการแสดงมายากลและเนื้อหาด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ แล้ว ยังเป็นกลุ่มที่มองลึกลงไปในเชิงโครงสร้างเนื้อหาของโครงการเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องตัดสินใจว่าจะนำเด็กนักเรียนหรือโรงเรียนในสังกัดของตนเข้าร่วมโครงการหรือไม่ ตลอดจนเกิดการเรียนรู้ที่จะนำประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในรั้วโรงเรียนต่อไป

ภายหลังการเข้าร่วมโครงการ สิ่งที่กลุ่มบุคลากรทางการศึกษาได้รับจากโครงการนี้คือ การรู้เท่าทันเทคโนโลยี การตระหนักในต้นตอของแหล่งข่าวและข้อมูลที่ได้รับมา ตั้งคำถามต่อข้อมูลหรือข่าวที่ตนเองเห็น อ่าน หรือรับมาก่อนจะทำการเชื่อหรือส่งต่อ ตลอดจนการตระหนักรู้ว่าภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่เห็นอาจไม่ใช่ภาพที่เกิดขึ้นจริงเสมอไป


ประสบการณ์จากกลุ่มคนทั่วไปและผู้สูงวัย

กลุ่มประชาชนทั่วไปและผู้สูงวัยจะเป็นกลุ่มที่ถูกท้าทายต่อเรื่องความเชื่อเหนือธรรมชาติต่าง ๆ ที่เคยพบเจอ เช่น เหตุการณ์อิทธิฤทธิ์แม่ชีลอยน้ำ หรือเหตุการณ์แมลงบินออกจากปาก ความเชื่อและเหตุการณ์เหล่านี้ต่างถูกอธิบายด้วยมุมมองของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับวิธีการทางมายากล

ภายหลังเข้าร่วมโครงการสิ่งที่กลุ่มประชาชนทั่วไปและผู้สูงวัยได้จากโครงการนี้คือ ความเข้าใจที่มีต่อกลลวง และตั้งข้อสงสัยต่อแหล่งข้อมูลหรือความเชื่อนั้น ๆ ตลอดจนการหาข้อยืนยันจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ และนำข้อมูลดังกล่าวมาตรวจสอบข้อเท็จจริงหรืออธิบายต่อเหตุการณ์หรือข้อมูลข่าวสารที่ตนพบเจอ


ข้อแนะนำสู่การพัฒนาโครงการในอนาคต

แม้การศึกษาจะพบว่าการเข้าร่วมกิจกรรมทั้งในภาพรวม กิจกรรมช่วงเช้า และกิจกรรมช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมมีความพึงพอใจและได้รับประสบการณ์ในระดับดีมากทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่ อาหารและเครื่องดื่ม วิทยากร เนื้อหากิจกรรมการอบรม อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เพิ่มเติมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเชิงคุณภาพซึ่งเป็นประโยชน์ต่อโครงการ เพื่อการนำไปพัฒนาและปรับปรุงสำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งต่อไป โดยในภาพรวมเน้นย้ำ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. ควรเพิ่มและจัดสรรระยะเวลาสำหรับวิทยากรแต่ละคนให้มากขึ้น เนื่องจากปริมาณเนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มีค่อนข้างมาก แต่ระยะเวลาการนำเสนอของวิทยากรนั้นจำกัดและไม่เพียงพอ การเพิ่มระยะเวลาจึงอาจช่วยให้วิทยากรสามารถนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ได้ครบถ้วนมากขึ้น หรือควรจัดสรรเวลาของวิทยากรแต่ละคนให้สมดุลกับเนื้อหา

2. ควรปรับปรุงด้านการประชาสัมพันธ์ในการเข้าร่วมการอบรม โดยเพิ่มการประชาสัมพันธ์การรับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมโครงการให้มากกว่าเดิม เพื่อให้ผู้สนใจได้รับทราบ ถ้ามีการอบรมครั้งต่อไปอยากให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมมากขึ้นด้วย ทั้งนี้รูปแบบการจัดงานสามารถนำมาปรับเป็นแม่แบบเพื่อนำไปจัดกิจกรรมในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปได้

3. สถานที่ Art In Paradise มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในแง่ของเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้ และยังสามารถเดินทางได้สะดวก ซึ่งการจัดงานในพื้นที่อื่นอาจไม่สามารถหาสถานที่ลักษณะเดียวกันได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงข้อจำกัดของสถานที่เช่น การรองรับการใช้เสียง การออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกกับผู้สูงวัย หรือผู้พิการ


กิจกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาและต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้เท่าทันสำหรับประชาชน ซึ่งจะมีการขยายผลเป็นหลักสูตรที่เข้าถึงได้อย่างกว้างขวางต่อไป


บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนักสืบสายชัวร์ x ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK OR TRUST ภายใต้การสนับสนุนโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]