ชัวร์ก่อนแฉ : 7 ข่าวปลอมดาราดัง! อุทาหรณ์สอนใจผู้เสพข่าว

วันนี้ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท จะพาไปพบกับ 7 ข่าวปลอมของดาราดังที่สร้างความเสียหายต่อเจ้าตัวและคนรอบข้างอย่างมาก ทั้งผลกระทบด้านอาชีพ ชื่อเสียง และจิตใจ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดจนต้องออกมาแก้ข่าวกันอย่างเร่งด่วน ซึ่งทุกคนได้ออกมาเล่าผ่าน Scoop “ชัวร์ก่อนแฉ” ช่วงที่จะพาดารามาแชร์เกี่ยวกับประสบการณ์ข่าวปลอมของตนเอง เรามาดูกันว่ามีใครบ้างที่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม



1. บุ๊กโกะ ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล ถูกปล่อยข่าวปลอมว่าขับรถชนคนเสียชีวิต สาเหตุจากตุ๊กตาลูกเทพขัดเบรก 


ในขณะที่กำลังดำเนินการถ่ายงาน ดีเจบุ๊กโกะกลับได้รับสายโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่อย่างเป็นห่วง เนื่องจากมีการปล่อยข่าวว่าเจ้าตัวขับรถชนคนเสียชีวิต ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ตุ๊กตาลูกเทพตกลงไปขัดเบรก สร้างความเข้าใจผิดเป็นวงกว้าง

ตนเองจึงต้องเร่งอธิบายและชี้แจงผ่านอินสตาแกรมว่าไม่ได้ประสบอุบัติเหตุใด ๆ แต่บางครั้งก็ยังมีคนถามเกี่ยวกับคดีความเนื่องจากไม่เห็นคำชี้แจงบนโซเชียลมีเดีย สร้างความเดือดร้อนอย่างยิ่ง 

ทั้งนี้ ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของครอบครัว คนใกล้ชิด และผู้คนรอบข้าง รวมไปถึงอาจจะกระทบต่ออาชีพการงานในอนาคต


เจ้าตัวจึงได้ออกมาเตือนผ่านรายการว่าอยากให้คนสร้างข่าวปลอมตระหนักว่าปัจจุบันมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และกฎหมาย PDPA ที่สามารถฟ้องเอาผิดได้ 

และฝากถึงผู้เสพข่าวว่าต้องใช้วิจารณญาณในการเสพ ไม่อยากให้อ่านพาดหัวข่าวเอาสนุก บางครั้งอาจเป็นการพาดหัวข่าวเพื่อดึงดูดความสนใจและเรียกยอดไลก์ แต่เนื้อหาภายในอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้



2. ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ ถูกนำข่าวเก่าเกี่ยวกับการแยกทางกับสามีมาใส่สีตีไข่เล่นข่าวใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

แม้ว่าจะเลิกรากับสามีเก่าไปเป็นเวลานาน คุณแม่ตุ๊ก ชนกวนันท์ ก็ยังตกเป็นข่าวซ้ำ ๆ แถมยังมีการใส่สีตีไข่เพื่อความสนุกปาก รวมถึงเวลาถ่ายรูปกับผู้ชายคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน รุ่นน้องในวงการ หรือครูสอนพิเศษก็มักจะโดนกล่าวหาว่ามีแฟนใหม่เสมอ แม้กระทั่งพากลูกไปซ้อมกีฬาสเก็ตก็มีคนเข้ามาถามเกี่ยวกับการแต่งงานใหม่

ซึ่งข่าวเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจเจ้าตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากกังวลว่าลูกจะไม่สบายใจ ทั้งยังเกิดความน้อยใจว่าตนเองตั้งใจเป็นแม่ที่ดีแล้วทำไมจึงต้องมาโดนสร้างข่าวปลอมอย่างนี้ บางเรื่องเป็นสิทธิส่วนบุคคลและนับว่าเป็นการหมิ่นประมาท ถึงกับกล่าวว่าอาจเป็นสาเหตุไปสู่โรคซึมเศร้า

จึงตั้งใจฝากถึงทุกคนว่าหากอยากมีจิตที่ดี สุขภาพดี ก็ต้องเลือกกินของดี ๆ เลือกเสพข่าวดี ๆ หรือมีสติกับข่าว เพราะเมื่อเราวิจารณ์ข่าวก็จะทำให้จิตใจมีสุขภาพแย่ลง ทั้งที่จริงข่าวนั้นอาจไม่เป็นความจริงหรืออาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้

ทั้งนี้ ยังฝากถึงผู้ที่ทำข่าวต่าง ๆ ว่าหากยังไม่ทราบเรื่องราวจากปากของเจ้าตัวจริง ๆ ก็ขอให้ “ชัวร์ก่อนแฉ” ทำข่าวบนความเป็นจริง



3. หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ ถูกปล่อยข่าวลือว่าป่วยหนักจนต้องหามส่งโรงพยาบาลด่วน

ครั้งหนึ่งเจ้าตัวได้รับโทรศัพท์จากมารดาด้วยความเป็นห่วงและตกใจ เนื่องจากมีผู้ไม่ประสงค์ดีปล่อยข่าวว่าตนเองล้มป่วยหนักจนต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล รวมถึงมีคนนำรูปตอนที่ป่วยหนักเนื่องจากล้มหัวฟาดพื้นเมื่อนานมาแล้วไปให้คุณแม่ดู สร้างความเข้าใจผิด จนต้องเฟซไทม์เพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นอะไร

เมื่อตามหาต้นตอของเพจที่ปล่อยข่าวปลอมเจอแล้วโทร.ไปก็ไม่มีการตอบรับ รวมถึงการส่งข้อความผ่านเฟซบุ๊กและอีเมลเช่นกัน จึงได้โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตนเองเพื่อแก้ข่าว

เจ้าตัวกล่าวว่าข่าวปลอมนี้สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด รวมถึงสร้างความไม่สบายใจให้แก่ครอบครัวและคนรอบข้าง ห่วงว่าอาจนำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ จากความเครียด เช่น โรคความดันเลือดสูง

จึงได้ฝากผ่านรายการว่าหากจะเสพข่าวใด ๆ ควรเลือกดูข่าวที่น่าเชื่อถือจากสำนักข่าวใหญ่ที่อยู่มานานมากกว่าข่าวจากแหล่งที่ไม่มีที่มาที่ไป เพราะคิดว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่า และอยากให้เช็กข่าวให้ชัวร์ก่อนแชร์ต่อ เพราะข่าวแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในปัจจุบัน



4. แอร์ ภัณฑิลา ฟูกลิ่น ถูกนำภาพไปใช้ในทางอนาจาร พร้อมข้อความเชิงคุกคามทางเพศ

เจ้าตัวพบภาพของตนเองผ่านโพสต์บนทวิตเตอร์พร้อมข้อความเชิงคุกคามทางเพศ มีลักษณะคล้ายการแต่งนิยาย มีการเล่าเรื่องต่าง ๆ เหมือนกับว่าเกี่ยวข้องกับภาพนั้น แต่กลับไม่มีความจริงอยู่เลย ซึ่งภาพนั้นมาจากนิตยาสารต่าง ๆ ที่ตนเองได้ไปร่วมงานถ่ายแบบ

โดยเจ้าตัวกล่าวว่ารู้สึกแย่และโกรธมากในครั้งแรกที่เห็น เนื่องจากมองว่าสิ่งนี้เป็นการล่วงละเมิดทางเพศด้วยคำพูด และถือเป็นสิ่งที่หยาบคายจนตนเองรับไม่ได้ รวมถึงส่งผลให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

เมื่อเจอเหตุการณ์เหล่านี้เจ้าตัวจึงได้อธิบายผ่านสื่อโทรทัศน์และบอกว่าหากยังไม่ลบโพสต์จะทำการรีพอร์ตและแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ยังฝากถึงผู้เสพข่าวทุกคนว่าก่อนแชร์ข่าวหรือข้อมูลใด ๆ ควรกลั่นกรองก่อน ค่อย ๆ วิเคราะห์ว่าข่าวนั้นเป็นจริงหรือไม่ เพื่อไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นในภายหลัง



5. เต๋อ รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ถูกนำภาพไปโพสต์โดยไม่ได้รับอนุญาต และชี้นำให้โจมตีเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม

ดาราและพธีกรหนุ่ม เต๋อ รัฐนันท์ ถูกโจมตีเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม หลังจากงานเปิดตัวซีรีส์ซีซั่นใหม่พร้อมจมูกที่ผ่านการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีหลายเพจนำภาพไปโพสต์โดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมข้อความชี้นำให้โจมตีเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมใบหน้าของเจ้าตัว

โดยเจ้าตัวได้ออกมาบอกว่าการทำศัลยกรรมครั้งนี้มีสาเหตุมาจากร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน สร้างพังผืดขึ้นบริเวณจมูก ทำให้เกิดอาการรั้ง จึงต้องเปลี่ยนซิลิโคนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจมูกทะลุ

เมื่อมีเพจโจมตีและชี้นำ คนที่ไม่เข้าใจก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เช่น จมูกใหม่เหมือนแม่มด ชอบจมูกเก่ามากกว่า ฯลฯ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าคอมเมนต์ 90% เป็นคำด่าและวิพากษ์วิจารณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง แชร์ต่อกันอย่างสนุกสนาน ส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจ สร้างบาดแผลในใจ และส่งผลกระทบต่อจิตใจอยู่พักใหญ่ จนเพื่อน ๆ ต้องถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

เจ้าตัวจึงฝากผ่านรายการว่าก่อนจะแสดงความคิดเห็นหรือแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ต้องเช็กที่มาและเหตุผลของการกระทำนั้นก่อน ทุกคนมีเหตุผลของตนเอง เราต้องเคารพความเชื่อและความคิดของทุกคน แม้ว่าบางครั้งจะเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นสำหรับเราก็ตาม



6. บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ถูกปล่อยข่าวปลอมว่าไปขายบริการที่ประเทศบรูไน

ดาราที่ทำงานเพื่อสังคมอย่าง บุ๋ม ปนัดดา เคยถูกปล่อยข่าวปลอมว่าเดินทางไปขายบริการที่ประเทศบรูไน ทั้งที่จริงแล้วเจ้าตัวเพียงไปร่วมงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศบรูไนเท่านั้น

ส่งผลให้เจ้าตัวรู้สึกเสียใจที่ถูกใส่ความ สร้างข่าวเสียหายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่ตนเองตั้งใจทำงานเพื่อสังคมมานานหลายปี

ทั้งยังฝากไว้ว่าหากเห็นข่าวหรือข้อความอะไรก็ตาม ต้องอ่าน คิด และกลั่นกรองให้ดี ต้องเช็กให้ชัวร์ก่อนแฉหรือส่งต่อออกไป



7. แพท ณปภา ตันตระกูล เคยถูกคอมเมนต์ในเชิงคุกคามทางเพศ

เจ้าตัวเล่าว่าบางเพจมีการลงข่าวและมีคอมเมนต์ในเชิงคุกคามทางเพศหรือบางคำพูดที่ไม่สามารถรับได้ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับข่าวนั้น ๆ ก็ตาม บางครั้งก็มีการลงข่าวเหมือนพยายามจะแฉ แต่สุดท้ายเมื่อโดนฟ้องก็หงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บางคนก็อ้างว่าเป็นแฟนคลับ เพียงแค่วิจารณ์ตามน้ำเท่านั้น

โดยเจ้าตัวได้เตือนว่าหากจะแชร์อะไรบนโซเชียลต้องเช็กให้ดีก่อน รวมถึงคำพูดที่ใช้แสดงความคิดเห็นด้วย เพราะปัจจุบันโลกโซเชียลหมุนเร็วมาก อย่าคิดว่าเขาจะไม่ฟ้องร้อง หากทำอะไรลงไปแล้วจะต้องได้รับผลของการกระทำนั้น



จากข่าวปลอมของดาราหลายท่านคงจะเป็นอุทาหรณ์และบทเรียนชั้นดีของผู้เสพข่าว แม้ว่าจะไม่ได้สร้างข่าวปลอมด้วยตนเองก็ตาม เพราะการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลบนโลกโซเชียลในปัจจุบันเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางครั้งอาจเป็นไปตามกระแสสังคมจนขาดการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน

ดังนั้น ควรหยุดคิด วิเคราะห์ ตรวจสอบ และมีสติในการเสพข่าวเสมอ เพื่อป้องกันการเป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ข่าวปลอมซึ่งนำไปสู่การสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่o


บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนักสืบสายชัวร์ x ชัวร์ก่อนแชร์สโมสร TRICK or TRUST ภายใต้การสนับสนุนโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]