ชัวร์ก่อนแชร์: โควิด-19 ไม่ทำให้คนตายเพิ่มขึ้น แต่วัคซีนทำให้คนตายเพิ่มขึ้น จริงหรือ?

20 มีนาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : Full Fact (สหราชอาณาจักร)
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ประเภทข่าวปลอม : ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. ข้อมูลของ ONS ยืนยันว่าในปี 2020 ที่โควิด-19 เริ่มระบาด มีคนหนุ่มสาวเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
  2. ข้อมูลจากนิวซีแลนด์ยืนยันว่า อัตราการตายส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นในปี 2021 ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ในสหราชอาณาจักร โดย ดร.กาย แฮชาร์ด แพทย์ผู้อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ GB News เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2022 เพื่อโจมตีความไม่ปลอดภัยของวัคซีน โดยอ้างผลวิจัยที่พบว่าวัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมองและระบบภูมิคุ้มกัน, การติดเชื้อโควิด-19 ไม่ทำให้คนหนุ่มสาวเสียชีวิตมากขึ้นในปี 2020 และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในปี 2021 ทำให้ยอดการเสียชีวิตต่อปีเพิ่มขึ้น พร้อมย้ำว่าน้ำหนักตัวคือปัจจัยเสี่ยงสูงสุดที่จะทำให้ป่วยหนักจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ทำยอดรับชมทาง Facebook และ YouTube รวมกันกว่า 250,000 ครั้ง

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


จากการตรวจสอบโดย Full Fact พบว่าคำกล่าวอ้างของ ดร.กาย แฮชาร์ด ไม่ถูกต้องหลายประการ แบ่งเป็นประเด็นต่างๆ ได้ดังนี้

  1. จากการทดลองในสิ่งมีชีวิต ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าวัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมองและระบบภูมิคุ้มกัน

ข้ออ้างที่ ดร.กาย แฮชาร์ด ระบุว่าวัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมองและระบบภูมิคุ้มกัน นำมาจากงานวิจัยจากประเทศโปแลนด์ ซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ bioRxiv

อย่างไรก็ดี งานวิจัยที่เผยแพร่ทาง bioRxiv ล้วนเป็นงานวิจัยก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) ซึ่งยังไม่ผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ ซึ่งทาง bioRxiv ระบุไว้อย่างชัดเจนว่างานวิจัยทั้งหมดยังไม่ผ่านการ Peer Review และไม่สามารถใช้อ้างอิงหรือรายงานผ่านสื่อมวลชนในฐานะงานวิจัยที่สมบูรณ์ได้

ดร.ปีเตอร์ อิงลิช อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Vaccines in Practice และอดีตกรรมาธิการสมาคมการแพทย์อังกฤษ (BMA) อธิบายว่าผลวิจัยดังกล่าวยังไม่ใช่การทดลองในสิ่งมีชีวิต จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหลอดทดลองจะเกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์หรือไม่

แม้ผลวิจัยจะชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าวัคซีน mRNA จะแทรกซึมผ่านตัวกั้นระหว่างเลือดกับสมอง (Blood-brain barrier) แต่การตรวจสอบโดย ดร.ปีเตอร์ อิงลิช ไม่พบหลักฐานว่า มีวัคซีนอยู่ในเนื้อเยื่อระบบประสาทแต่อย่างใด

ดร.ปีเตอร์ อิงลิช ย้ำว่าเมื่อวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย ส่วนใหญ่จะอยู่แค่บริเวณที่ฉีดยา ส่วนที่จะหลุดรอดเข้าสู่กระแสเลือดจะมีความเจือจางมาก ๆ ซึ่งตัวกั้นระหว่างเลือดกับสมองจะยับยั้งไม่ให้วัคซีนเข้าไปถึงระบบประสาทส่วนกลาง ดังนั้นวัคซีนที่เข้าสู่ระบบภูมิคุ้มกันได้จะมีปริมาณที่น้อยมากๆ ซึ่ง ดร.ปีเตอร์ อิงลิช สรุปว่า ในฐานะแพทย์และนักระบาดวิทยา เขาไม่เชื่อมั่นในผลวิจัยชิ้นนี้ จนกว่าจะมีงานวิจัยต่อยอดที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งกว่านี้

  1. ชาวอังกฤษและเวลส์เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 14% ในปี 2020

มาร์ค สเตน ผู้ดำเนินรายการร่วมกับ ดร.กาย แฮชาร์ด ระบุว่าในปี 2020 ที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก อัตราการตายส่วนเกิน (Excess mortality) ไม่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในวัยเกินอายุขัยเฉลี่ยอยู่แล้ว

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) พบว่าอัตราการตายส่วนเกินในประเทศอังกฤษและเวลส์เมื่อปี 2020 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการตายส่วนเกินในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาที่ 14%

ONS ชี้แจงว่า แม้ผู้เสียชีวิตระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ จะเป็นคนกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตสูงอยู่แล้วในเวลาไม่กี่วัน, ไม่กี่สัปดาห์ หรือไม่กี่เดือน แต่ก็มีหลักฐานยืนยันว่า กลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปีก็มีอัตราการตายส่วนเกินมากกว่าช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างชัดเจน และเป็นหลักฐานยืนยันว่าโควิด-19 ไม่ได้เป็นภัยแค่คนกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะเสียชีวิตในอนาคตอันใกล้เท่านั้น

  1. อัตราการตายส่วนเกินในปี 2021 ของนิวซีแลนด์ ไม่เกี่ยวกับวัคซีน

ดร.กาย แฮชาร์ด อ้างว่าในปี 2021 ประเทศนิวซีแลนด์มีอัตราการตายส่วนเกินถึง 2,000 ราย ซึ่งเป็นปีที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างแพร่หลาย

ข้อมูลด้านสถิติที่เผยแพร่โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ระบุว่า ในปี 2021 มีชาวนิวซีแลนด์เสียชีวิต 34,932 ราย มากกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการตายส่วนเกินในรอบ 5 ปีประมาณ 2,200 ราย

อย่างไรก็ดี อัตราการตายส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นในปี 2021 แทบไม่เกี่ยวกับการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19

ระบบรายงานความปลอดภัยจากวัคซีนโควิด-19 ของนิวซีแลนด์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 2022 พบว่ามีรายงานการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer จำนวน 156 ราย โดย 89 รายได้รับการยืนยันว่าการเสียชีวิตไม่น่าจะมีความสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน, 51 รายไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอ, 14 รายยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ และมีเพียง 2 รายที่การเสียชีวิตด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบน่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 และกำลังรอผลยืนยันจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพอยู่ในขณะนี้

  1. อายุคือปัจจัยที่มีผลต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด

มาร์ค สเตน ผู้ดำเนินรายการอ้างว่า น้ำหนักตัวคือปัจจัยที่มีผลต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐานที่ 40 ปอนด์หรือ 18 กิโลกรัม

ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS) ที่ระบุว่ากลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มอ้วนมาก (severe obesity) หรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 40 คือกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19

ผลการสำรวจชาวอังกฤษจำนวน 6.9 ล้านคน พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างดัชนีมวลกายที่เพิ่มขึ้น กับอัตราการรักษาตัวในห้องฉุกเฉินจากโรคโควิด-19

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่มีผลต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดไม่ใช่น้ำหนักตัว แต่เป็นอายุของผู้ป่วย

มูลนิธิโรคหัวใจแห่งชาติอังกฤษ ระบุว่าอายุของคนไข้คือปัจจัยที่มีผลต่อการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป (ECDC) ยืนยันเช่นเดียวกันว่า ความเสี่ยงของการป่วยหนักจากโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นตามอายุของผู้ป่วยที่มากขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง:

https://fullfact.org/health/guy-hatchard-mark-steyn-gb-news/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]