ชัวร์ก่อนแชร์: โควิด-19 ไม่ทำให้คนตายเพิ่มขึ้น แต่วัคซีนทำให้คนตายเพิ่มขึ้น จริงหรือ?

20 มีนาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : Full Fact (สหราชอาณาจักร)
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ประเภทข่าวปลอม : ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. ข้อมูลของ ONS ยืนยันว่าในปี 2020 ที่โควิด-19 เริ่มระบาด มีคนหนุ่มสาวเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
  2. ข้อมูลจากนิวซีแลนด์ยืนยันว่า อัตราการตายส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นในปี 2021 ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ในสหราชอาณาจักร โดย ดร.กาย แฮชาร์ด แพทย์ผู้อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ GB News เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2022 เพื่อโจมตีความไม่ปลอดภัยของวัคซีน โดยอ้างผลวิจัยที่พบว่าวัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมองและระบบภูมิคุ้มกัน, การติดเชื้อโควิด-19 ไม่ทำให้คนหนุ่มสาวเสียชีวิตมากขึ้นในปี 2020 และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในปี 2021 ทำให้ยอดการเสียชีวิตต่อปีเพิ่มขึ้น พร้อมย้ำว่าน้ำหนักตัวคือปัจจัยเสี่ยงสูงสุดที่จะทำให้ป่วยหนักจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ทำยอดรับชมทาง Facebook และ YouTube รวมกันกว่า 250,000 ครั้ง

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


จากการตรวจสอบโดย Full Fact พบว่าคำกล่าวอ้างของ ดร.กาย แฮชาร์ด ไม่ถูกต้องหลายประการ แบ่งเป็นประเด็นต่างๆ ได้ดังนี้

  1. จากการทดลองในสิ่งมีชีวิต ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าวัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมองและระบบภูมิคุ้มกัน

ข้ออ้างที่ ดร.กาย แฮชาร์ด ระบุว่าวัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมองและระบบภูมิคุ้มกัน นำมาจากงานวิจัยจากประเทศโปแลนด์ ซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ bioRxiv

อย่างไรก็ดี งานวิจัยที่เผยแพร่ทาง bioRxiv ล้วนเป็นงานวิจัยก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) ซึ่งยังไม่ผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ ซึ่งทาง bioRxiv ระบุไว้อย่างชัดเจนว่างานวิจัยทั้งหมดยังไม่ผ่านการ Peer Review และไม่สามารถใช้อ้างอิงหรือรายงานผ่านสื่อมวลชนในฐานะงานวิจัยที่สมบูรณ์ได้

ดร.ปีเตอร์ อิงลิช อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Vaccines in Practice และอดีตกรรมาธิการสมาคมการแพทย์อังกฤษ (BMA) อธิบายว่าผลวิจัยดังกล่าวยังไม่ใช่การทดลองในสิ่งมีชีวิต จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหลอดทดลองจะเกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์หรือไม่

แม้ผลวิจัยจะชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าวัคซีน mRNA จะแทรกซึมผ่านตัวกั้นระหว่างเลือดกับสมอง (Blood-brain barrier) แต่การตรวจสอบโดย ดร.ปีเตอร์ อิงลิช ไม่พบหลักฐานว่า มีวัคซีนอยู่ในเนื้อเยื่อระบบประสาทแต่อย่างใด

ดร.ปีเตอร์ อิงลิช ย้ำว่าเมื่อวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย ส่วนใหญ่จะอยู่แค่บริเวณที่ฉีดยา ส่วนที่จะหลุดรอดเข้าสู่กระแสเลือดจะมีความเจือจางมาก ๆ ซึ่งตัวกั้นระหว่างเลือดกับสมองจะยับยั้งไม่ให้วัคซีนเข้าไปถึงระบบประสาทส่วนกลาง ดังนั้นวัคซีนที่เข้าสู่ระบบภูมิคุ้มกันได้จะมีปริมาณที่น้อยมากๆ ซึ่ง ดร.ปีเตอร์ อิงลิช สรุปว่า ในฐานะแพทย์และนักระบาดวิทยา เขาไม่เชื่อมั่นในผลวิจัยชิ้นนี้ จนกว่าจะมีงานวิจัยต่อยอดที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งกว่านี้

  1. ชาวอังกฤษและเวลส์เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 14% ในปี 2020

มาร์ค สเตน ผู้ดำเนินรายการร่วมกับ ดร.กาย แฮชาร์ด ระบุว่าในปี 2020 ที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก อัตราการตายส่วนเกิน (Excess mortality) ไม่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในวัยเกินอายุขัยเฉลี่ยอยู่แล้ว

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) พบว่าอัตราการตายส่วนเกินในประเทศอังกฤษและเวลส์เมื่อปี 2020 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการตายส่วนเกินในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาที่ 14%

ONS ชี้แจงว่า แม้ผู้เสียชีวิตระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ จะเป็นคนกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตสูงอยู่แล้วในเวลาไม่กี่วัน, ไม่กี่สัปดาห์ หรือไม่กี่เดือน แต่ก็มีหลักฐานยืนยันว่า กลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปีก็มีอัตราการตายส่วนเกินมากกว่าช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างชัดเจน และเป็นหลักฐานยืนยันว่าโควิด-19 ไม่ได้เป็นภัยแค่คนกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะเสียชีวิตในอนาคตอันใกล้เท่านั้น

  1. อัตราการตายส่วนเกินในปี 2021 ของนิวซีแลนด์ ไม่เกี่ยวกับวัคซีน

ดร.กาย แฮชาร์ด อ้างว่าในปี 2021 ประเทศนิวซีแลนด์มีอัตราการตายส่วนเกินถึง 2,000 ราย ซึ่งเป็นปีที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างแพร่หลาย

ข้อมูลด้านสถิติที่เผยแพร่โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ระบุว่า ในปี 2021 มีชาวนิวซีแลนด์เสียชีวิต 34,932 ราย มากกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการตายส่วนเกินในรอบ 5 ปีประมาณ 2,200 ราย

อย่างไรก็ดี อัตราการตายส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นในปี 2021 แทบไม่เกี่ยวกับการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19

ระบบรายงานความปลอดภัยจากวัคซีนโควิด-19 ของนิวซีแลนด์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 2022 พบว่ามีรายงานการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer จำนวน 156 ราย โดย 89 รายได้รับการยืนยันว่าการเสียชีวิตไม่น่าจะมีความสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน, 51 รายไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอ, 14 รายยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ และมีเพียง 2 รายที่การเสียชีวิตด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบน่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 และกำลังรอผลยืนยันจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพอยู่ในขณะนี้

  1. อายุคือปัจจัยที่มีผลต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด

มาร์ค สเตน ผู้ดำเนินรายการอ้างว่า น้ำหนักตัวคือปัจจัยที่มีผลต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐานที่ 40 ปอนด์หรือ 18 กิโลกรัม

ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS) ที่ระบุว่ากลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มอ้วนมาก (severe obesity) หรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 40 คือกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19

ผลการสำรวจชาวอังกฤษจำนวน 6.9 ล้านคน พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างดัชนีมวลกายที่เพิ่มขึ้น กับอัตราการรักษาตัวในห้องฉุกเฉินจากโรคโควิด-19

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่มีผลต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดไม่ใช่น้ำหนักตัว แต่เป็นอายุของผู้ป่วย

มูลนิธิโรคหัวใจแห่งชาติอังกฤษ ระบุว่าอายุของคนไข้คือปัจจัยที่มีผลต่อการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป (ECDC) ยืนยันเช่นเดียวกันว่า ความเสี่ยงของการป่วยหนักจากโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นตามอายุของผู้ป่วยที่มากขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง:

https://fullfact.org/health/guy-hatchard-mark-steyn-gb-news/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]