เร่งขับเคลื่อน “การบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย”

กทม. 30 ก.ค.- สปสช. รับยื่นจดหมายเปิดผนึก เครือข่ายท้องไม่พร้อมฯ และเครือข่าย 59 องค์กร พร้อมร่วมแก้ปัญหาดูแล “หญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ที่มีความเสี่ยงทางสุขภาพให้เข้าถึงบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมาย”


นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา ประธานประธานกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รับยื่นจดหมายเปิดผนึก เรื่อง การบริการและส่งต่อยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย กรณีความเสี่ยงต่อสุขภาพ และทารกมีความเสี่ยงพิการหรือโรคทางพันธุกรรม จากตัวแทนเครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม และสมาคมพัฒนาเครือข่ายอาสา RSA (Referral System for Safe Abortion) สายด่วนท้องไม่พร้อม 1663 มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และองค์กรภาคีรวม 59 องค์กร เพื่อขอให้ สปสช. เร่งดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ สปสช. เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล ผู้ประสานงานเครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม กล่าวว่า ประเทศไทยได้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยการทำแท้ง ตาม พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 28 ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 มีสาระที่สำคัญในมาตรา301 ให้หญิงทำแท้งได้โดยไม่มีความผิดทางอาญาที่อายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์ และมีข้อยกเว้นความผิดทางอาญาในการทำแท้งโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภาตามมาตรา 305 ในกรณีที่หญิงตั้งครรภ์ (1) มีความเสี่ยงต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ (2) ทารกคลอดออกมามีความเสี่ยงพิการหรือโรคทางพันธุกรรม (3) การตั้งครรภ์ที่เกิดจากความผิดเกี่ยวกับเพศ (4) หญิงยืนยันยุติการตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และ (5) การตั้งครรภ์ในอายุครรภ์ที่เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่ถึง 20 สัปดาห์ที่หญิงยืนยันยุติการตั้งครรภ์ภายหลังการตรวจและรับคำปรึกษาทางเลือก ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนด จึงถือเป็นสิทธิของหญิงตั้งครรภ์ที่จะได้เข้าถึงการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย


ผ่านไป 18 เดือนหลังประกาศบังคับใช้ พบว่าสถานบริการสุขภาพจำนวนมากยังขาดความเข้าใจข้อกฎหมายนี้ ทำให้มีผู้หญิงที่ประสบปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมที่อายุครรภ์ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ที่ขอเข้ารับบริการนี้ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลรัฐถูกปฏิเสธบริการ นอกจากนี้กฎหมายลูกตามมาตรา 305(5) ซึ่งคือหลักเกณฑ์และการตรวจและรับคำปรึกษาทางเลือกที่อายุครรภ์ที่เกิน 12 สัปดาห์แต่ไม่ถึง 20 สัปดาห์ก็ยังไม่มีการประกาศใช้

ด้วยความร่วมของภาคประชาสังคมเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการ ทำให้ผู้หญิงที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อมที่อายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์ เข้าถึงบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย แต่สำหรับการตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์สูงๆ การตั้งครรภ์ที่พบปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต และการตั้งครรภ์ที่ทารกคลอดออกมามีความเสี่ยงพิการหรือโรคทางพันธุกรรมยังพบข้อจำกัด ทั้งสาเหตุจากขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยยืนยันที่ล่าช้าที่ทำให้อายุครรภ์มากขึ้น และการถูกปฏิเสธการทำยุติการตั้งครรภ์จากแพทย์และโรงพยาบาล ทั้งที่โรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนโดยไม่มีการส่งต่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย ทางเครือข่ายฯ จึงร่วมขับคลื่อนโดยทำหนังสือจดหมายเปิดผนึกไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหานี้ดูแลกลุ่มหญิงท้องไม่พร้อมให้ปลอดภัย

ทั้งนี้เครือข่ายฯ มีข้อเสนอต่อ สปสช. โดยขอให้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข วางแนวทางการให้บริการตรวจความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์และการยุติการตั้งครรภ์ ภายใต้โรงพยาบาลในสังกัดเพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหาสุขภาพเข้าถึงบริการได้ทันท่วงที และทำความร่วมมือกับอีก 2 กองทุน คือ สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลางในการ ในการจัดทำรายละเอียดในด้านระเบียบค่าใช้จ่าย การบริการ และส่งต่อตามสิทธิสุขภาพ พร้อมให้ สปสช. ทำความชัดเจนในการเบิกจ่ายค่าบริการยุติการตั้งครรภ์ของหน่วยบริการรวมทั้งตรวจสอบการเรียกเก็บเงินจากผู้รับบริการและเปิดช่องทางการร้องเรียนให้แก่ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างทั่วถึง


ด้าน นพ.สุพรรณ กล่าวว่า ขอบคุณเครือข่ายฯ ที่ได้นำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมานำเสนอให้ทราบ ซึ่งบทบาทของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพฯ จะได้ไปติดตามเพื่อให้เกิดบริการที่เป็นมาตรฐาน พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิบัตรทองที่พึ่งได้ ข้อมูลที่จะได้รับในวันนี้จะเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาตามทิศทางนโยบายและหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อร่วมแก้ปัญหาต่อไป

ขณะที่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า วันนี้ สปสช. ได้รับจดหมายเปิดผนึกจากเครือข่ายฯ แล้ว ซึ่งข้อเสนอที่ได้รับมาทั้ง 3 เรื่องนี้ สปสช.จะนำไปพิจารณาเพื่อดำเนินการโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ สปสช. ยังจะร่วมกลไกการทำงานร่วมกันระหว่าง สปสช. กับภาคีเครือข่ายท้องไม่พร้อมสายด่วน 1663 ปรึกษาปัญหาเอดส์และท้องไม่พร้อม และเครือข่ายฯ 59 องค์กรเพื่อขับเคลื่อนในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อมให้เข้าถึงการดูแลตามสิทธิอย่างปลอดภัย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”