ตาก 10 พ.ค. – กระทรวงแรงงานพร้อมให้แรงงานข้ามชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส เข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศไทยตาม MOU โดยไม่ต้องกักตัว ลดค่าใช้จ่ายนายจ้าง แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน
นายสุชาติ ชมกลิ่น มอบหมายนายอรเทพ อินทรสกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และนายภัทรวุธ เภอแสละ ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการนำแรงงานสัญชาติเมียนมากลุ่มแรกเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MOU ผ่านด่านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยนายสุชาติ กล่าวว่า วันนี้แรงงานสัญชาติเมียนมา จำนวน 288 คน ได้เดินทางผ่านเส้นทางย่างกุ้ง-เมียวดี-แม่สอด เพื่อเข้ามาทำงานตาม MOU โดยแรงงานเมียนมากลุ่มนี้ถือเป็นแรงงานกลุ่มแรกที่เข้ามาทำงานหลังศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) มีมติผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 โดยวันพรุ่งนี้ (11 พ.ค.) จะมีแรงงานสัญชาติเมียนมา กลุ่มที่ 2 จำนวน 301 คน เดินทางตามเข้ามาทางด่านเดียวกัน รวมทั้งสิ้น 589 ราย โดยหากฉีดวัคซีนครบโดส หรือหากฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT-PCR ใน 72 ชั่วโมง สามารถเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนไม่ครบ และไม่มีผลตรวจ RT- PCR ให้เข้าระบบกักตัวที่ลดเหลือ 5 วัน
“รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ประเมินสถานการณ์การระบาดในประเทศ พบว่าเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงปรับมาตรการครั้งสำคัญเพื่อให้ประเทศไทยสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งภาคการท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรมให้กลับมาแข็งแรง มีศักยภาพในการแข่งขันทัดเทียมนานาประเทศดังก่อนเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งกระทรวงแรงงานเองได้เตรียมความพร้อมวางแนวทางการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย ให้สอดคล้องกับมาตรการที่รัฐบาลกำหนด เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าแรงงานข้ามชาติของนายจ้าง สถานประกอบการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับนายจ้าง สถานประกอบการที่ต้องการนำแรงงานข้ามชาติมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MOU ให้ปฏิบัติตามแนวทางการปรับลดมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ดังนี้ 1. มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 1.1 ให้แรงงานแสดงเอกสารหลักฐานที่ยืนยันหรือแสดงว่ามีนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการรับรองโดยกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับแรงงานเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร (Name List) 1.2 หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด 1.3 กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19 ครอบคลุมความคุ้มครอง ในวงเงินไม่น้อยกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ 1.4 กรณีรับวัคซีนครบโดสนายจ้างแจ้ง วัน เวลาเดินทางที่ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างล่วงหน้า และกรณีรับวัคซีนไม่ครบโดส และไม่มีผลตรวจ RT-PCR ใน 72 ชั่วโมง แจ้งกำหนดวันเดินทางเข้ามาในประเทศ หลักฐานการยืนยันว่ามีสถานที่กักตัว (อย่างน้อย 5 วัน)
2.มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร แรงงานข้ามชาติสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยหากรับวัคซีนครบโดส หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT-PCR ใน 72 ชั่วโมง ไม่ต้องกักตัว สามารถรับการตรวจเอกสารหลักฐาน ตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 2 ปี ตรวจสุขภาพ 6 โรค ตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หากไม่พบเชื้อโควิด-19 แรงงาน 3 สัญชาติจะเข้ารับการอบรม ณ ศูนย์แรกรับฯ รับใบอนุญาตทำงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด และเข้าทำงานในสถานประกอบการได้เลย กรณีพบเชื้อโควิด-19 ถ้าไม่มีอาการ หรือกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ หากมีอาการกลุ่มสีเหลือง หรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป
กรณีแรงงานข้ามชาติที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดส จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เมื่อเข้ามาจะต้องกักตัวอย่างน้อย 5 วัน หากครบกำหนดให้ดำเนินการเช่นเดียวกับกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส ทั้งนี้ การตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย กรณีที่ตรวจพบเชื้อให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาล ซึ่งในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด. -สำนักข่าวไทย