ผลศึกษาประสิทธิผลวัคซีน เข็ม 2 ป้องกันโอไมครอนไม่ได้

สธ. 7 ก.พ.-สธ.เผยผลศึกษาประสิทธิผลวัคซีนโควิด-19 จากการใช้จริงในไทยพบเข็ม 2 ประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อลดจนไม่สามารถป้องกันโอไมครอนได้ จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นเข็ม 3 ด้าน ผอ.กองระบาดวิทยา เผยผู้เสียชีวิต 12 รายวันนี้ ยังเป็นกลุ่มเสี่ยงและสูงอายุที่ไม่รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น


นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลประสิทธิผลวัคซีนโควิด-19 จากการใช้จริงของประเทศไทย ที่ติดตามมาตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.2564 ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 พบสามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูงกว่าคนที่ไม่ได้ติดเชื้อร้อยละ 65 ป้องกันป่วยรุนแรงเสียชีวิตสูงขึ้นร้อยละ 88 ส่วนคนที่ได้รับเข็ม 3 เพิ่มประสิทธผลสูงขึ้น เมื่อเทียบกันแล้วสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 94 ป้องกันป่วยรุนแรงเสียชีวิตร้อยละ 98

ส่วนประสิทธิผลวัคซีนต่อเนื่องรายเดือน พบในผู้ได้รับวัคซีน 2 เข็ม ประสิทธิผลในช่วงเดือน ก.ค.เคยสูงถึงร้อยละ 81 แต่พอเวลาผ่านไปลดลง จนถึง ธ.ค.ประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อลดเหลือร้อยละ 50 แต่คนที่ฉีด 2 เข็ม ในแง่การป้องกันป่วยรุนแรงเสียชีวิตลดลงไม่มาก จากร้อยละ 89 ในเดือน ก.ค. เหลือร้อยละ 79 ในเดือน ธ.ค. แสดงว่าฉีด 2 เข็ม ป้องกันการติดได้ในช่วงแรกแล้วจะลดลง แต่ยังป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ ขณะที่คนที่ได้ฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 พบประสิทธิผลการป้องกันการเพิ่มขึ้น จากป้องกันการติดเชื้อที่ร้อยละ 82 ในเดือน ก.ค.เพิ่มเป็นร้อยละ 90 ในเดือน ธ.ค. ส่วนการป้องกันการป่วยรุนแรงเสียชีวิตจากร้อยละ 94 เพิ่มเป็นร้อยละ 96 เมื่อเทียบประสิทธิผลวัคซีนช่วงการระบาดเชื้อสายพันธุ์เดลตา เดือน ต.ค.-ธ.ค.2564 กับสายพันธุ์โอไมครอน ช่วงเดือน ม.ค.2565


จากข้อมูล จ.เชียงใหม่ การฉีด 2 เข็ม ช่วงเดลตาระบาด ป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 71 ป้องกันเสียชีวิตร้อยละ 97 ช่วงโอไมครอนระบาด ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ป้องกันการเสียชีวิตได้ร้อยละ 89 แต่สำหรับผู้ได้รับวัคซีน 3 เข็ม ช่วงการระบาดเดลตา ป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 93 ป้องกันการเสียชีวิตได้ร้อยละ 99 แต่ช่วงระบาดของโอไมครอน แต่ละสูตรป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ไม่เท่ากัน โดยสูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยแอสตราเซเนกา ป้องกันการติดเชื้อโอไมครอนได้ร้อยละ 78 สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ ป้องกันได้ร้อยละ 63 สูตรซิโนฟาร์ม 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ ป้องกันได้ร้อยละ 66 สูตรไขว้ซิโนแวค 1 เข็ม ตามด้วยแอสตราฯ 2 เข็ม ป้องกันได้ร้อยละ 68 สูตรแอสตราฯ 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ ป้องกันได้ร้อยละ 62 เมื่อเฉลี่ยทั้ง 5 สูตร สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 68 แต่เข็ม 3 ทุกสูตรสามารถป้องกันการเสียชีวิตจากโอไมครอนได้ร้อยละ 96

สรุปคือวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยช่วงปีที่ผ่านมาช่วยป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการป่วยรุนแรงได้ค่อนข้างดีมาก แต่ฉีดเพียง 2 เข็ม แม้ป้องกันป่วยและเสียชีวิตได้ แต่ป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้ จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ขอประชาชนร่วมใจกันมารับวัคซีน สำหรับผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยงป่วยรับวัคซีน 2 เข็ม ครอบคลุมให้ได้ร้อยละ 80-90 และเมื่อถึงเวลาฉีดเข็ม 3 ให้มารับการฉีดกระตุ้น โดยฉีดให้ได้ร้อยละ 70 ควบคู่กับการปฏิบัติตามาตรการ VUCA จะช่วยให้การคุมโควิดของไทยประสบความสำเร็จ

ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา เผยสำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดเกือบจะได้เห็นจำนวนผู้ติดเชื้อ 400 ล้านราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมทั้งหมดอยู่ที่ 395,882,670 ราย ซึ่งประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล ฝรั่งเศส และอังกฤษ ตามลำดับ โดยรอบบ้านเรา ยังคงพบจำนวนผู้ติดเชื้อสูง โดยสถานการณ์ขณะนี้แถบอเมริกา ยุโรป มีผู้ติดเชื้อลดลง แต่ในประเทศในฝั่งเอเชียพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ


สำหรับการติดเชื้อในไทย วันนี้อยู่ที่ 10,470 ราย ยอดเฉลี่ย 7 วัน 9,561 ราย ผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบคงตัวอยู่ที่ 535 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 102 ราย และเสียชีวิต 12 ราย โดยค่าเฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่ 19 ราย สิ่งสำคัญที่จะทำให้ไปกระทบกับอาการป่วยจนเสียชีวิต คือ กลุ่มเสี่ยง โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 12 รายนี้ เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมด และไม่ได้รับวัคซีนเข้มกระตุ้นเลยแม้แต่รายเดียว และมีการกระจายไปตามสถานที่เสี่ยงต่างๆ คลัสเตอร์ต่างๆ โดยขณะนี้มีผู้ที่กำลังรักษาอยู่ 92,784 ราย โดยจังหวัดที่เสี่ยงคือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จังหวัดที่มีพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว และจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว เช่น ชลบุรี ภูเก็ต ฯลฯ ที่ยังพบผู้ติดเชื้อสูงอยู่

ผู้ติดเชื้อทั้งหมดกว่าร้อยละ 96 เป็นคนไทย ร้อยละ 1 เมียนมา ร้อยละ 0.3 กัมพูชา และอื่นๆ ร้อยละ 3 ในส่วนของกลุ่มอายุ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 9 ปี สัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่ที่ร้อยละ 10.4 จากร้อยละ 1-2 มีการเพิ่มขึ้นทุกๆ สัปดาห์ โดยเป็นเด็กวัยเรียน ซึ่งสอดคล้องกับการแพร่ระบาดในโรงเรียนหลายแห่ง และในจำนวนผู้ที่ติดเชื้อ 32,758 ราย มีอาการป่วย 17,970 ราย คิดเป็นร้อยละ 54.86 และไม่มีอาการป่วย 14,788 ราย คิดเป็นร้อยละ 45.14.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]