สธ.7 ก.พ.- สธ.แจงยังคุมได้ แม้ยอดคนป่วยแตะหมื่นมา 3 วัน ชี้มองอย่างเข้าใจ โรคไม่ได้รุนแรง เพราะอัตราป่วยหนัก เสียชีวิตคงที่ ยันไม่ผ่อนมาตรการ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบอุปกรณ์การตรวจวินิจฉัยเชื้อโควิด-19 และอุปกรณ์การฉีดวัคซีนจากสหรัฐอเมริกา มูลค่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 49 ล้านบาท จากนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา พร้อม ระบุสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งหลักหมื่นคนเป็นวันที่ 3 ว่าโอไมครอนติดเชื้อง่าย แต่ความรุนแรงไม่เท่ากับสายพันธุ์เดิมในอดีต (เดลตา) การรับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดส มีส่วนช่วยให้อัตราการติดเชื้อหรือป่วยหนักลดลง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้ป่วยหนักใส่ท่อช่วยหายใจรวมถึงปอดอักเสบและเสียชีวิตไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็เข้าใจความวิตกกังวลของประชาชน เมื่อเห็นตัวเลข แต่เราเคยผ่านเหตุการณ์พบผู้ป่วยจำนวนมากกว่านี้มาแล้ว จึงเตรียมปรับวิธีการรายงานตัวเลขใหม่เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น พร้อมยืนยันยังไม่มีแนวคิดผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เช่นเดียวกับการล็อกดาวน์ทุกอย่างยังคงมาตรการเดิมไว้ โดยยังคงเหลือเรื่องของการงดเปิดผับบาร์ คาราโอเกะ
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าควบคุมโรคได้ แนวโน้มการระบาดที่เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ (7 ก.พ.) 10,470 คน เสียชีวิต 12 คน จะเห็นว่าอัตราตายอยู่ที่ 0.22% ต่ำกว่า 1% ด้วยซ้ำ เทียบจากเดิมอยู่ที่ 2% ถือว่าลดกว่าเดิมมาก ทั้งนี้จากข้อมูลผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม 608 และเป็นคนที่ยังไม่รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดส (เข็ม 3) ดังนั้นต้องเร่งสนับสนุนและทำความเข้าใจให้ผู้ที่ถึงคิวการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมารับวัคซีนให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันผู้ที่รับวัคซีน เข็ม1และเข็ม 2 อยู่ที่ 80%
ส่วนที่ 3 ก็ควรได้รับวัคซีนให้ครบ 80% ของคนที่รับเข็ม 2 เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ตัวเลขผู้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือเข็มที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งการรับวัคซีนในกลุ่มนี้จะเป็นไปตามรอบระยะเวลาของการมารับวัคซีน จึงไม่สามารถเร่งการฉีดวัคซีนได้ ส่วนอัตราการครองเตียง ในปัจจุบันก็น้อยกว่าอดีต ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการถึง 85%
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อำนาจการปรับ ผ่อนคลาย มาตรการต่างๆ เป็นของ ศบค. เชื่อว่าในอนาคตโควิดก็จะคล้ายๆกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคตามฤดูกาลหรือประจำถิ่น โดยขณะนี้พบคนป่วยหนักไม่ถึง 1% คนนอนโรงพยาบาลอยู่ในระบบ รวม Home Isolation มีแค่ 50,000 คน ปอดอักเสบมีประมาณ 500 คน ใส่ท่อช่วยหายใจประมาณ 100 คน ซึ่งถือว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้และเชื้อไม่ได้รุนแรงไปกว่าเดิม พร้อมเผย 3 สูตรวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งแอสตราฯ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ไม่แตกต่าง ทั้งการป้องกันการติดเชื้อได้ 60-70% และป้องกันอัตราการตาย 96-98%.-สำนักข่าวไทย