มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล วอนลุกขึ้นจัดการความสัมพันธ์ก่อนคร่าชีวิตคนรัก

กรุงเทพฯ 23 ต.ค.-มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล วิเคราะห์ปม “พ่อฆ่าลูก” สูงขึ้นจาก “ทัศนคติ” หลายด้าน “ชายเป็นใหญ่ – ลูกคือสมบัติ” ซ้ำถูกกระตุ้นด้วยแอลกอฮอล์ยิ่งขาดสติ ขณะที่แนวคิด “ครอบครัวสมบูรณ์” ทำผู้หญิงยอมจำนนปัญหาความรุนแรงในครอบครัว วอนลุกขึ้นจัดการความสัมพันธ์ก่อนคร่าชีวิตคนที่รัก


เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2564 นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์พ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยงจนถึงแก่ชีวิต ที่จังหวัดสระบุรี ว่า สถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวขณะนี้มีแนวโน้มพบได้มากขึ้น ทั้งความรุนแรงทางร่างกาย และละเมิดทางเพศ ส่วนใหญ่ประมาณ 80% เป็นกรณีสามีทำร้ายภรรยา ส่วนกรณีสามีฆ่าลูกก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยจากการเก็บข้อมูลจากข่าวที่มีการเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ปี 2559 มีข่าวพ่อเลี้ยงฆ่าลูกเลี้ยง 9 เหตุการณ์ ขณะที่พ่อแท้ๆ ฆ่าลูก 8 เหตุการณ์ ส่วนปี 2561 พบข่าวพ่อเลี้ยงฆ่าลูกเลี้ยง 12 เหตุการณ์ พ่อแท้ๆ ฆ่าลูก 13 เหตุการณ์ รวมแล้ว 25 เหตุการณ์ จะเห็นว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นพ่อแท้ๆ เป็นผู้กระทำ หรือพ่อเลี้ยงเป็นผู้กระทำก็ตาม และเมื่อดูในรายละเอียดลักษณะการก่อเหตุมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย

นางสาวอังคณา กล่าวว่า จากเหตุการณ์เหล่านี้ รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นที่จังหวัดสระบุรี พบว่าสังคมมุ่งเป้าโจมตีไปที่ผู้หญิงซึ่งเป็นแม่ ซึ่งหากฟังจากคำให้การที่เจ้าตัวระบุว่า พยายามที่จะรักษาความเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ที่มีพ่อ แม่ ลูก ซึ่ง วิธีคิดแบบนี้ทำให้ผู้หญิงหลายคนเวลาถูกกระทำความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง หรือลูก ทั้งทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งลูกถูกข่มขืน ก็ยังต้องอดทนอยู่กับปัญหาต่อไป ดังนั้นก็ต้องตั้งคำถามกับสังคมด้วยว่า การหล่อหลอมวิธีคิดเช่นนี้ รวมถึงการหล่อหลอมทัศนคติชายเป็นใหญ่ และทัศคติที่ท่องว่าลูกเป็นสมบัติ พ่อแม่เป็นเจ้าของชีวิต และความเชื่อที่ว่าการทำความรุนแรง ลงโทษนั้นทำไปเพราะความรัก เพราะความเชื่อเหล่านี้ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว โดยที่ผู้กระทำไม่ทันคิดว่าเป็นสิ่งที่ผิด แต่ทำไปเพราะความรัก อีกทั้งการยอมของผู้หญิงเพื่อรักษาคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์นั้นทำให้ปัญหาลุกลาม บานปลายจนถึงขั้นเสียชีวิต และจากข่าวล่าสุดนี้พบด้วยว่าพ่อเลี้ยงมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงเช่นกัน


“เคสนี้แม่อยู่ในบ้านด้วย เข้าใจว่าผู้หญิงหลายคนมีสถานะที่ต้องพึ่งพาผู้ชายทั้งร่างกายและอารมณ์ เขามองว่าผู้ชายเป็นคนดี เพราะไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับภรรยา และรู้สึกว่าการมีครอบครัวสมบูรณ์จึงต้องอดทน ทำให้ผู้หญิงหลายคนยอมจำนนต่อปัญหา แต่จริงๆ แล้วควรลุกมาจัดการความสัมพันธ์ เพื่อปกป้องตัวเอง และลูก เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นเสียชีวิตของใครก็ตาม การลุกขึ้นมานั้นเข้าใจว่ายาก แต่มีกลไกลขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐ และภาคประชาชนอยู่ แต่อีกปัญหาคือการแจ้งความยังมีข้อจำกัดเหมือนเดิม โดยเฉพาะทัศนคติของตำรวจในการมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว” นางสาวอังคณา กล่าว

ด้าน นางทิชา ณ นคร ที่ปรึกษามูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ค่านิยมภายใต้ระบบสังคมชายเป็นใหญ่ ได้พรากชีวิตเด็กที่บริสุทธิ์ไปนับไม่ถ้วน และทุกครั้งที่เกิดความสูญเสีย จะมีเสียงเกรี้ยวกราดต่อผู้กระทำและผู้ไม่ได้กระทำ แต่ไม่ปกป้องเด็กอย่างสมเหตุสมผล พอเวลาผ่านไปการส่งเสียงจะน้อยลง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอีก จึงจะออกมาส่งเสียงกันอีกวนลูปเช่นนี้ซ้ำๆ ซากๆ ทั้งนี้ปัญหาสำคัญ ที่ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวความรุนแรงต่อเด็กอยู่ตลอดนั้นเพราะสังคมมีการ ยอมรับการใช้ความรุนแรงด้วยการมองว่า เป็นเรื่องผัวเมีย, คนนอกไม่เกี่ยว, เป็นเรื่องในครอบครัว, เป็นเรื่องลิ้นกับฟัน, เดี๋ยวก็ดีกัน อย่าเข้าไปยุ่งเปลืองตัว เพราะฉะนั้นทุกๆคน คือ ส่วนหนึ่งของการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความรุนแรงนี้ไปด้วยกัน ดังนั้นต้องไม่นิ่งเฉยต่อความรุนแรง ต้องหาทางช่วยเหลือแจ้งประสานหน่วยที่เกี่ยวข้อง และแน่นอนว่า คนทำผิดต้องไม่ลอยนวล กฎหมายต้องศักดิ์สิทธ์ ผู้เสียหายต้องได้รับความยุติธรรมเสมอภาค เท่าเทียม และไม่มีเงื่อนไข.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นหาร่างใต้ตึกถล่ม

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง.หรือไม่

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง. หรือไม่ ปัจจุบันการทำงานบริเวณทางเชื่อมด้านอาคารจอดรถด้านหลังยังลงไปไม่ถึงพื้นของชั้นใต้ดิน

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบ ตร.พาผู้ต้องหาลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบกรณีมีตำรวจพาผู้ต้องหาลักลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำใครผิดว่าไปตามผิด

รวบมือปาหิน

รวบแล้วมือปาหินใส่รถ ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า

รวบแล้วมือปาหินใส่รถประชาชน ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า พบประวัติเคยถูกจับมาแล้ว 12 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

แจ้งความผู้ว่าสตง.

2 พิธีกรดังเข้าแจ้งความกล่าวโทษผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.ถล่ม

สองพิธีกรชื่อดัง เข้าแจ้งความกล่าวโทษ ผู้ว่าฯ สตง. และอดีตผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม แต่ไม่มีใครรับผิดชอบ มองอาจไม่ชอบมาพากล หวั่นเวลาผ่านไปเอาผิดใครไม่ได้

ข่าวแนะนำ

หนีแตนตกเหว

หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก หนีฝูงแตนตกเหวตาย

หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก หนีฝูงแตนไล่ต่อย พลัดหลงกับก๊วน หายไปตั้งแต่ 1 พ.ค. เพื่อนช่วยกันออกตามหา แต่ไร้วี่แวว ล่าสุดพบร่างตกเหว เขาห้วยผีหลอก

Trump uses AI generated himself as Pope

วิจารณ์ยับ “ทรัมป์” โพสต์ภาพเอไอเป็นโป๊ป

เวสต์ปาล์มบีช 4 พ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โพสต์ภาพที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) เป็นภาพเขาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาหรือโป๊ป จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกอินเทอร์เน็ต นายทรัมป์ วัย 78 ปี ไม่ใช่คริสตชนคาทอลิกและไม่ได้เข้าโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ เขาโพสต์ภาพดังกล่าวลงในบัญชีทรูธโซเชียล ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อค่ำวันที่ 2 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นได้โพสต์ซ้ำหรือรีโพสต์ในบัญชีเอ็กซ์ หลังจากที่เขาได้ไปร่วมพิธีปลงพระศพโป๊ปฟรังซิสที่สำนักวาติกันได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 26 เมษายน ขณะที่ทำเนียบขาวก็รีโพสต์ภาพดังกล่าวในบัญชีเอ็กซ์เช่นกัน ภาพที่สร้างขึ้นจากเอไอเป็นภาพทรัมป์หน้านิ่ง สวมชุดโป๊ปสีขาว นั่งบนเก้าอี้ และชูนิ้วชี้ข้างขวา โฆษกสำนักวาติกันไม่แสดงความเห็นใด ๆ ขณะที่คนในโลกอินเทอร์เน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมถึงกลุ่มสมาชิกพรรครีพับลิกันต่อต้านทรัมป์ที่ระบุว่า เป็นการดูหมิ่นชาวคาทอลิกอย่างร้ายแรง และล้อเลียนความศรัทธาของพวกเขา ขณะที่นายมัตเตโอ เรนซี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลีโพสต์เอ็กซ์ว่า เป็นภาพที่ดูหมิ่นผู้ศรัทธาและสถาบัน และเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้นำโลกผู้นี้สนุกกับการเป็นตัวตลก ในขณะที่เศรษฐกิจอเมริกันเสี่ยงถดถอยและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคารผู้นำสหรัฐเพิ่งกล่าวติดตลกว่า ต้องการเป็นตัวเลือกลำดับแรกในการเลือกโป๊ปองค์ใหม่ ก่อนกล่าวว่า พระคาร์ดินัลทิโมธี โดแลน อาร์ชบิชอป หรืออัครมุขนายกแห่งนิวยอร์ เป็นตัวเลือกที่ดีมากรูปหนึ่ง รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า พระคาร์ดินัลโดแลนไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้มีโอกาสได้รับเลือก แต่พระคาร์ดินัลโจเซฟ โทบิน อาร์ชบิชอปแห่งนวร์ก […]