กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – “ราชทัณฑ์” แจงผู้ต้องขังคดีการเมืองติดโควิดเพิ่ม 1 ราย พร้อมย้ำดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำด้วยมาตรฐานเดียวกับผู้ป่วยโควิด-19 ภายนอก
วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2564 เวลา 15.00 น. นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์และการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จากเดิมจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือ ฟ้า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และนายสิริชัย นาถึง หรือนิว นั้น เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 ได้รับแจ้งจากผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรี ว่า ได้ส่งตัวผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติม 1 คน เนื่องจากผลการตรวจหาเชื้อผู้ต้องขัง 4 คน ที่เป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่รอบ Day 7 ประกอบด้วย นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ นายชาติชาย แกดำ นายณัฐชนน ไพโรจน์ และนาย Sam Samart หรือ แซม สาแมท เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ทั้งในรูปแบบ ATK และ RT-PCR เพื่อยืนยันความแน่นอน เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูงจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังติดเชื้อภายในห้อง 2/2 โดยผลการตรวจแบบ ATK ปรากฏผลเป็นลบทั้งหมด 4 คน แต่ในส่วนของผลการตรวจแบบ RT-PCR ผลออกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 ปรากฏผลตรวจเป็นลบ 3 คน และมีผลเป็นบวก 1 คน คือ นายแซม สาแมท และได้นำตัวส่งไปรับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 เป็นที่เรียบร้อย
นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยแพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่า นายพริษฐ์ รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง หายใจเหนื่อยหลังทำกิจกรรมเล็กน้อย หลังจากนั่งพักบนเตียงหายใจสะดวก ไม่มีอาการหอบเหนื่อย มีเจ็บคอ คอแดงเล็กน้อย อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที อัตราการเต้นของชีพจร 50 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 115/74 มิลลิเมตรปรอท ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด 97% รับประทานอาหารได้ สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เอง จมูกได้กลิ่น และลิ้นรับรสได้ปกติ นอนพักหลับได้ปกติ แพทย์ให้การรักษาด้วยยา Favipiravir ร่วมด้วยกับยาพ่นโรคประจำตัว และยารักษาตามอาการ ในส่วนของนายสิริชัย รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ สามารถนอนหลับพักได้ รับประทานอาหารได้น้อย โดยแจ้งว่าไม่อยากรับประทานอาหารภายในเรือนจำ แพทย์ให้การรักษาด้วยยา Favipiravir และยารักษาตามอาการ นายพรหมศร รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ มีไข้ อ่อนเพลีย การได้กลิ่นรับรสลดลง ปวดศีรษะ ไอมีเสมหะเล็กน้อย สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์ให้การรักษาด้วยยา Favipiravir และยารักษาตามอาการ และนายแซม รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง รับประทานอาหารพอได้ สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เอง ไม่มีไข้ จมูกเริ่มไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสได้ ผู้ป่วยแจ้งว่าเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ได้รับการ X-rays ปอด วันที่ 19 สิงหาคม 2564 ผลปกติ
นายธวัชชัย กล่าวต่อไปว่า ผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำชั่วคราวรังสิต จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ นายชาติชาย แกดำ และนายณัฐชนน ไพโรจน์ จากการตรวจสุขภาพ วัดอุณหภูมิ สัญญาณชีพ และค่าออกซิเจน โดยผลการตรวจทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถรับประทานอาหารได้ มีการสนทนาพูดคุยกันเป็นปกติ และในส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง จำนวน 3 คน ได้แก่ นายอานนท์ นำภา นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และนายเวหา แสนชนชนะศึก ทั้ง 3 คน ไม่มีอาการเจ็บป่วย สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดีเช่นกัน
ในส่วน น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกูล หรือ ต๋ง ทะลุฟ้า ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง จากการตรวจสุขภาพของพยาบาลเรือนจำฯ พบว่า อุณหภูมิ ค่าชีพจร และค่าออกซิเจน ทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ปกติ นอกจากนี้ ทัณฑสถานฯ ได้มอบหมายนักจิตวิทยาเข้าพบเพื่อพูดคุยคลายความวิตกกังวล และจัดหาหนังสือประเภทนวนิยายให้อ่าน แต่ น.ส.ปนัดดา ประสงค์ขอพบนักจิตวิทยาคนใหม่ เนื่องจากตนเองยังคงมีความเครียดอยู่ ทั้งนี้ เนื่องจากทัณฑสถานฯ มีนักจิตวิทยา จำนวน 1 คน จึงได้ประสานกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในเขตพื้นที่ เพื่อจัดหาพยาบาลวิชาชีพและผู้ดูแลงานด้านจิตเวช พร้อมทั้งได้แนะนำให้ น.ส.ปนัดดา จัดทำแบบประเมินภาวะสุขภาพจิตสำหรับผู้ต้องขังฯ (PMHQ-Thai) เพื่อประเมินภาวะสุขภาพจิตในเบื้องต้น เพื่อวางแนวทางการดูแลต่อไป
นายธวัชชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวถึงมาตรการดูแลผู้ต้องขังในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 นั้น ขอเรียนว่า กรมราชทัณฑ์ได้กำหนดมาตรฐานการกักกันโรคในผู้ต้องขังแรกรับ ตามมาตรฐานการดำเนินงานด้านสาธารณสุข โดยผู้ต้องขังแรกรับหรือรับใหม่ทุกรายต้องได้รับการแยกกักโรคในแดนแรกรับ อย่างน้อย 21 วัน และต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ ATK อย่างน้อย 2 ครั้ง คือ ก่อนเข้าห้องกักโรค 1 ครั้ง และก่อนออกจากห้องกักโรคอีก 1 ครั้ง โดยเมื่อมีผู้ต้องขังเข้าใหม่ครบตามจำนวนที่จะรับไว้ต่อห้องแล้วจะทำการปิดห้องกักโรค และไม่รับผู้ต้องขังเพิ่มอีก (นับเป็นวันที่ 0) จนครบระยะเวลาอย่างน้อย 21 วัน โดยผู้ต้องขังทุกรายในห้องจะต้องมีผลตรวจเป็นลบติดกัน 2 ครั้ง จึงจะปล่อยเข้าสู่แดนในตามปกติ
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า ได้เน้นย้ำให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของเรือนจำ (SOPs) อย่างเคร่งครัด ภายใต้กรอบของกฎหมายและมาตรฐานสากลที่สำคัญ เช่น พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง หรือข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) และข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำฯ หรือข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) เป็นต้น. – สำนักข่าวไทย