กทม. 15 ส.ค.-อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ต้องเป็นไปตามกลุ่มเป้าหมาย พร้อมให้ คกก.โรคติดต่อจังหวัดตรวจสอบ
กรมควบคุมโรค ย้ำหากประชาชนพบข้อมูลสงสัยจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ไม่เป็นไปตามกลุ่มเป้าหมาย ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นส่งเรื่องมายัง ก.สาธารณสุข ซึ่งมีคณะทำงานพิจารณาเรื่องนี้
กรณีสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า หลังจากกระทรวงสาธารณสุขมีการจัดสรรวัคซีน Pfizer ลอต 1.5 ล้านโดสที่สหรัฐอเมริกาสนับสนุนไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามกลุ่มเป้าหมาย กลับพบว่าในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ มีการจัดสรรวัคซีนให้นอกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นสายงาน Back office ทำหน้าที่ด้านเอกสารได้รับวัคซีนก่อนบุคลากรด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยตรง
วันนี้ (15 สิงหาคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรมควบคุมโรคมีการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไฟเซอร์ เป็นไปตามจำนวนที่มีการสำรวจ และจัดสรรให้กับกลุ่มเป้าหมายตามที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อจัดส่งให้กับพื้นที่ต่างๆ ต้องดำเนินการตามนโยบายในการให้บริการวัคซีนไฟเซอร์กับกลุ่มเป้าหมายก่อน ดังนั้น เมื่อมีข้อร้องเรียนว่า พบการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มนอกเป้าหมาย ที่ไม่ได้กำหนดไว้ ขอให้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ไม่ว่าจังหวัดใดก็ตามหากมีเรื่องลักษณะนี้ ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
“เมื่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรวจสอบแล้ว ขอให้รวบรวมข้อมูลส่งเรื่องเข้ามาที่ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กรณีวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ (Pfizer) จะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป เนื่องจากตามนโยบายการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ลอตนี้ต้องเป็นไปตามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด โดยต้องเน้นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโควิดก่อน และกลุ่มเสี่ยง” นายแพทย์โอภาส กล่าว
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า สถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิดในประเทศไทย ข้อมูลสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ถึงวันที่ 14 ส.ค.2564 เวลา 18.00 น. มีผู้รับบริการฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวน 23,476,869 โดส หากแยกรายละเอียดเข็มที่ 1 จำนวน 17,879,206 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 24.8 ส่วนผู้รับบริการที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มมีจำนวน 5,073,672 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 7
ทั้งนี้สำหรับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์จะฉีดให้กับ 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 2.ผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป 3.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง 4.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย