กองทุนสื่อฯ ชี้แจงใช้งบสนับสนุนรายการฯ

กรุงเทพฯ20 พ.ค.-กองทุนสื่อฯแจงกระบวนการพิจารณาทุนปี64 รอบคอบ ตามหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ของกองทุน หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การสนับสนุนเงินจากกองทุนในรายการหนึ่ง


ตามที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้ประกาศผลการพิจารณาโครงการที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประจำปี 2564 และรายการ “ลายกนก ยกสยามสัญจร” ของบริษัท ท็อปนิวส์ดิจิตัลมีเดีย จำกัด (ช่องท็อปนิวส์) ซึ่งได้การสนับสนุนงบประมาณ 4.8 ล้านบาทด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการพิจารณาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากจุดประสงค์หลักของกองทุนฯ คือการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ขณะที่สื่อท็อปนิวส์และพิธีกรในรายการดังกล่าว ถูกมองว่าไม่เป็นกลางและแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน กรณีดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากในสื่อสังคมออนไลน์

นายธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสรรค์กล่าวว่า กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกโครงการหรือกิจกรรมที่ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนประจำปีงบประมาณ 2564 ด้วยความรัดกุม รอบคอบ เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกฎหมายและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุน ผลการพิจารณาขึ้นอยู่กับคณะทำงาน 11 ชุด และคณะอนุกรรมการ 2 คณะ แต่ละคณะต่างก็มีเหตุผลสนับสนุนว่าทำไม่ควรได้หรือไม่ได้


กรณีโครงการลายกนก ยกสยามสัญจร มีการให้เหตุผลในการพิจารณาของคณะทำงานและคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ อย่างชัดเจน กล่าวคือ ในชั้นคณะทำงานฯ ที่ประชุมเห็นว่าโครงการมีข้อเสนอที่ดี เนื่องจากเป็นการต่อยอดรายการเดิมที่มีอยู่แล้วของผู้ขอรับการสนับสนุนให้มีรายละเอียดและมีความสมบูรณ์มากขึ้น สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์ของกองทุนที่มุ่งส่งเสริมสนับสนุนการใช้สื่อเพื่อสร้างการเรียนรู้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาชุมชน รวมทั้งการสอดแทรกสาระความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ มีฐานผู้ชมจำนวนมาก แต่เนื่องจากโครงการที่เสนอมีมูลค่าสูง เห็นควรให้สนับสนุนงบประมาณในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท พร้อมกับมีข้อเสนอแนะให้การผลิตและเผยแพร่ให้มีความละเอียดเกี่ยวกับประเด็นประวัติศาสตร์มากขึ้น และหากได้รับการอนุมัติมีข้อเสนอให้ปรับลดงบประมาณ

ต่อมาในชั้นคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพัฒนาโครงการ ที่ประชุมเห็นควรสนับสนุนโครงการลายกนก ยกสยามสัญจร งบประมาณไม่เกิน 5 ล้านบาทตามที่คณะทำงานฯ เสนอ และเมื่อโครงการเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารฯ ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้โครงการลายกนก ยกสยามสัญจร ได้รับงบประมาณสนับสนุน จำนวน 4.8 ล้านบาท โดยมีเหตุผลในการอนุมัติว่า เป็นรายการมีความน่าสนใจ เป็นการต่อยอดรายการเดิมที่ผลิตสารคดีท่องเที่ยวชุมชน สอดแทรกเกร็ดความรู้ประเด็นประวัติศาสตร์ มานำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน มีฐานผู้ชมจำนวนมาก ทั้งนี้รายการไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองจึงเห็นควรให้โอกาส

ผู้จัดการกองทุนกล่าวอีกว่า ทุกโครงการต้องผ่านกระบวนการพิจารณาตามลำดับชั้นเหมือนกันทุกโครงการ ตั้งแต่ชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นพิจารณาอนุมัติ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของกองทุนฯ ดังนี้
(1) เมื่อได้รับคำขอ สำนักงานกองทุนฯ จะตรวจสอบแบบคำขอรับการสนับสนุน ข้อมูลเอกสาร และหลักฐานภายในสามสิบวันนับจากวันรับแบบคำขอรับการสนับสนุน และรวมทั้งหลักฐานเพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพัฒนาโครงการพิจารณา
(2) กระบวนการพิจารณาขั้นต้นเริ่มจากคณะทำงานชุดต่างๆจำนวน 11 คณะซึ่งสำนักงานแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกับประเด็นพิจารณา โดยรายชื่อคณะทำงานทุกคณะสำนักงานได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพัฒนาโครงการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนมีคำสั่งแต่งตั้ง การพิจารณาเป็นไปตามแนวทางและหลักเกณฑ์ที่กองทุนกำหนดไว้อย่างชัดเจน
(3) คณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพัฒนาโครงการ พิจารณาโครงการหรือกิจกรรมที่ผ่านการพิจารณาชั้นต้นมาจากคณะทำงาน โดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพัฒนาโครงการอาจเห็นพ้องหรือเห็นต่างกับคณะทำงานก็ได้ แล้วสรุปผลการพิจารณาเสนอต่อคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เพื่อพิจารณาอนุมัติ
(4) คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายในการอนุมัติโครงการหรือกิจกรรมที่ขอรับการสนับสนุน ได้พิจารณาโครงการหรือกิจกรรมที่ผ่านการเห็นชอบจากอนุกรรมการกลั่นกรองและพัฒนาโครงการ โดยได้พิจารณาลงในรายละเอียดรายโครงการ มุ่งเน้นประเด็นต่างๆ อาทิ ขอบเขตการดำเนินงานหรือกิจกรรม งบประมาณ และความเป็นไปได้ในการติดตามประเมินซึ่งจะนำไปกำหนดเป็นตัวชี้วัดผล รวมตลอดถึงความเสี่ยง และความน่าเชื่อถือของผู้รับทุน
(5) เมื่ออนุกรรมการบริหารพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติโครงการหรือกิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว สำนักงานกองทุนฯ จัดทำวาระเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เพื่อทราบต่อไป


กระบวนการต่างๆข้างต้นนี้จะเห็นว่าการพิจารณามีกระบวนการและขั้นตอนที่ชัดเจน ซึ่งการพิจารณาข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมที่ขอมาในปีนี้ใช้เวลาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ถือเป็นระยะเวลาที่เพียงพอในการสอบทานให้เกิดความรอบคอบ

“กองทุนฯ ขอยืนยันว่า การพิจารณาอนุมัติโครงการหรือกิจกรรมการให้ทุนทุกประเภทได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ กฎ กติกา ตามที่คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์กำหนดและปฏิบัติถูกต้องตามข้อบังคับซึ่งเป็นวิธีการและกลไกที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แล้ว” ผจก.กองทุนสื่อฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย