คนกรุงยังไม่มั่นใจ ขอซื้อกลับบ้านปลอดภัยกว่านั่งกินในร้าน

กทม. 16 พ.ค. – คนกรุงยังไม่คิดมานั่งกินอาหารในร้าน หลัง ศบค. มีมาตรการผ่อนคลายให้นั่งกินอาหารในร้านได้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (17 พ.ค.) เป็นต้นไป ส่วนใหญ่ยังเห็นว่าการซื้ออาหารกลับไปกินที่บ้านปลอดภัย และเหมาะสมกว่า


หลัง ศบค. มีมาตรการผ่อนคลาย อนุญาตให้กลับมานั่งรับประทานอาหารในร้านได้ในอัตราส่วน 1 ใน 4 มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) เป็นต้นไป บรรยากาศการจับจ่ายซื้ออาหารในวันนี้ยังมีคนออกมาหาซื้ออาหารจากร้านกลับไปกินที่บ้านกันตามปกติ และส่วนใหญ่มองว่าแม้จะมีมาตรการคลายล็อกให้มานั่งกินในร้านได้ แต่เห็นว่าการซื้อกลับไปกินที่บ้าน หรือใช้บริการเดลิเวอรี่ ปลอดภัยกว่า และเริ่มเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนี้แล้ว ในอนาคต หากเปอร์เซ็นต์ของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนมีเพิ่มขึ้น หรือเกินครึ่งของคนทั้งประเทศ รวมทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อแต่ละวันลดลง ก็จะมั่นใจกลับมากินอาหารที่ร้านได้เหมือนเดิม

ด้านผู้ประกอบการ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ บอกว่า ยอดขายที่ลดฮวบลงเหลือเพียง 30% การอนุญาตให้มานั่งกินในร้านได้อาจจะช่วยกระตุ้นยอดขายอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวที่ต้องกินร้อนได้เพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่เข้าใจ รายละเอียดมาตรการคลายล็อดนี้ว่าจะนั่งโต๊ะละหนึ่งคนอย่างที่เป็นข่าวอย่างไร เพราะเมื่อมากัน 2-3 คน ก็ย่อมต้องนั่งโต๊ะเดียวกันอยู่แล้ว


กทม.ประกาศขยายเวลาปิดสถานที่ 17-31 พ.ค.นี้
ล่าสุด ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ลงนามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 29) มีเนื้อหาระบุว่า

จากที่ ศบค.ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายกิจการร้านอาหาในพื้นที่ กทม. คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จึงได้ประชุมพิจารณามาตรการผ่อนคลายกิจการร้านอาหาร ให้เป็นไปตามข้อกำหนดฯ แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ที่กำหนดให้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดซึ่งมีมติให้ร้านอาหาร สามารถนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. โดยนั่งได้ไม่เกิน 25% ของจำนวนที่นั่งปกติ จำหน่ายอาหารแบบนำไปบริโภคที่อื่นได้ (Take way) ไม่เกิน 23.00 น. ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

และยังคงปิดสถานที่ตามประกาศกรุงเทพมหานครปิดสถานที่ เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) และ(ฉบับที่ 26) ต่อไป มีผลตั้งแต่วันที่ 17-31 พ.ค. 64 ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 29)


ผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดตาม ม.52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิด ม.18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

ทุจริตยาโรงพยาบาล

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย