ดีเอสไอ 16 มีค.-ดีเอสไอรับคดีต่างด้าวสวมสิทธิสัญชาติไทย ประกอบธุรกิจต้องห้าม เป็นคดีพิเศษ
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีคำสั่งให้รับกรณีที่ดีเอสไอ บูรณาการข้อมูลกับกรมการปกครอง พบรายชื่อต้องสงสัยว่าเป็นการสวมสิทธิคนสัญชาติไทย ในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย จำนวน 255 รายชื่อ พบรายชื่อหลายรายชื่อ มีพฤติการณ์สวมสิทธิเป็นคนไทย โดยเฉพาะราย นายอาเปา แซ่เซิน ซึ่งทางการสืบสวนมีหลักฐานเชื่อได้ว่า เมื่อได้สวมสิทธิสัญชาติไทยแล้ว ได้ไปใช้ทำการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและรับโอนหุ้นบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจต้องห้ามของคนต่างด้าว อันมีลักษณะที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
เป็นคดีพิเศษที่ 54/2564
ภายหลังจากการรับเป็นคดีพิเศษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความมั่นคง ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถพิสูจน์ได้ว่า นายอาเปา แซ่เซิน แท้จริงแล้วเป็นคนต่างด้าวสัญชาติจีน มีชื่อว่า นาย เหวิน ห้าว เหมี่ยว (Mr.Wen Haomiao) ปรากฏตามหลักฐานหนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน หมายเลข G23810848 จึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาเห็นชอบ และให้ออกหมายจับ นายเหวิน ห้าว เหมี่ยว หรือ นายอาเปา แซ่เซิน เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ในความผิดฐาน “ทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎร์อื่นโดยมิชอบ และยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และเป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี และทางการสืบสวน ทราบด้วยว่าคนต่างด้าวสัญชาติจีนดังกล่าว ได้ประสบปัญหาธุรกิจขาดทุนตกเป็นบุคคลล้มละลาย ถูกอายัดทรัพย์สิน จึงได้นำเงินทุนที่มีออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มายังประเทศไทย เชื่อว่าได้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนที่มีการออกให้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อใช้ในการเดินทางเข้าหรือออกนอกราชอาณาจักรไทย เพื่อมาหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้ จากการขยายผลในการบูรณาการข้อมูลร่วมกับ กรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายอำเภอเวียงแก่น ได้มีการเพิกถอนรายการสัญชาติไทย และยกเลิกรายการออกบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกให้กับคนต่างด้าวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 50 ราย โดยพบว่า มีคนต่างด้าวจำนวน 7 ราย ได้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ. 2542 อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ที่สายด่วน DSI Call 1202 .-สำนักข่าวไทย