กรมราชทัณฑ์ 3 ก.พ.- กรมราชทัณฑ์ แจงเพิ่ม กรณีพักโทษ “สรยุทธ ทัศนะจินดา” เป็นตามเกณฑ์
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิศษของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวที่ถูกกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นการได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่ ว่า การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โดยเฉพาะโครงการพักการลงโทษนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น เป็นโครงการสำหรับนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป ที่ได้รับโทษมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3ของกำหนดโทษและเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี โดยถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 5แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์พ.ศ. 2560 ซึ่งปัจจุบัน
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีกำหนดโทษตามคำพิพากษา 6 ปี 24เดือน ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 ทั้ง 2 รอบ คงเหลือโทษจำคุกครั้งหลังสุด 3 ปี 6เดือน 20 วัน เมื่อหักวันต้องโทษจำคุกมาแล้ว จึงเหลือโทษจำคุกต่ไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน
ด้วยเหตุนี้นายสรยุทร จึงถือเป็นนักโทษที่รับโทษจำคุกมาแล้วระยะหนึ่ง และจะมีคุณสมบัติครบตามหลักกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ในวันที่ 13 มีนาคม 2564 ซึ่งเมื่อได้รับการพักการลงโทษปล่อยตัว จะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring: EM) และต้องประพฤติปฏิบัติตนตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน ตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพันโทษ
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการพิจารณาพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าว นอกจากการพิจารณาจากคุณสมบัตินักโทษที่เข้า เกณฑ์แล้ว นักโทษทุกรายยังจะต้องถูกพิจารณา โดยคณะอนุกรรมการเพื่อพิจรณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ อันประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เป็นคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณารายชื่อผู้ต้องราชทัณฑ์จากเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ โดยหากผ่านความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการฯแล้ว จะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่การกระทรวงยุติธรรมอีกชั้นหนึ่ง จึงจะถือว่าได้รับการพักการลงโทษ
โดยนอกจากนายสรยุทธยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับความเห็นชอบพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษทั้งกรณีนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น และกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง พิการหรืออายุ 70บีขึ้นไป ที่ถูกนำรายชื่อเข้าประชุมคณะอนุกรรมการฯ ในครั้งนี้ รวม 944 ราย.-สำนักข่าวไทย