“สมศักดิ์” แถลงยอมรับความผิดพลาด

กระทรวงยุติธรรม 24 พ.ย.- รมว.ยุติธรรม ยอมรับขาด “องค์ความรู้” กรณีวัตถุต้องสงสัยโกดังแปดริ้วกลายเป็นไตรโซเดียมฟอสเฟต ไม่ใช่เคตามีน แจงผลทดสอบเบื้องต้นให้สารสีม่วงทำไขว้เขว ประสาน พฐ.-กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์-ป.ป.ส เร่งไขข้อข้องใจสังคม ขณะที่ ป.ป.ส.สันนิษฐานใช้โซเดียมฯ อำพรางขนเคตามีน


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม (ยธ.) และนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส) ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีการตรวจพิสูจน์วัตถุต้องสงสัยว่าจะเป็นยาเสพติดจำนวน 475 กระสอบ จำนวน 11.5 ตันที่พบในโกงดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากผลตรวจเบื้องต้นจากชุดทดสอบพบว่าให้สารสีม่วงที่มีลักษณะบ่งชี้ว่าเป็นองค์ประกอบของเคตามีน และต่อมา ป.ป.สได้นำวัตถุดังกล่าวเข้าตรวจสอบในห้องปฎิบัติทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า เป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟตจำนวน 66 กระสอบ ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีความผิดพลาดทางวิชาการในการตรวจสอบภาคสนามจึงทำให้เข้าใจว่าวัตถุดังกล่าวเป็นเคตามีน เนื่องจากผลการตรวจเบื้องต้นพบว่ามีสีม่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่ป.ป.ส.ไม่เคยพบมาก่อนว่า ไตรโซเดียมฟอสเฟตให้ผลการตรวจเป็นสีม่วง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับเคตามีน อย่างไรก็ตามความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ และยังอาจจะแก้ไขไม่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว


ส่วนปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการทำงานของ ป.ป.ส.และกระทรวงยุติธรรม หรือไม่ ตนเองยอมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และยอมรับผิดจากทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นความผิดพลาดทางวิชาการที่หน่วยงานขาดองค์ความรู้ใหม่ๆ และเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ประสานให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ ป.ป.ส.ร่วมกันนำวัตถุดังกล่าวไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาตร์ของแต่ละหน่วยงานให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้

ส่วนที่มีนักวิชาการหรือหน่วยงานวิชาการอื่นๆ ต้องการจะร่วมตรวจหรือขอตัวอย่างไปตรวจสอบด้วยก็ยินดี เพราะต้องการให้ประชาชนรับทราบความชัดเจนของผลตรวจในห้องปฎิบัติการ และยืนยันว่าของกลางทั้งหมดไม่ได้หายหรือมีการเคลื่อนย่ายไปไหนทั้งสิ้น

ส่วนข้อสงสัยว่ารัฐมนตรีมีอำนาจในการเซ็นรับรองของกลางนั้น ยืนยันว่า ตามระเบียบราชการไม่ได้ให้อำนาจรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องในการเก็บของกลาง


ขณะที่สังคมสงสัยว่า ป.ป.ส.ด่วนตัดสินใจที่แถลงข่าว ขาดความรอบคอบหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น

“ยอมรับว่าอาจจะเร็วเกินไปที่แถลงข่าวผลการจับกุมวัตถุต้องสงสัยแต่เมื่อป.ป.ส.ได้รับการประสานผลการจับกุมยาเคตามีนได้ที่ใต้หวัน และ ป.ป.ส.ก็ได้สืบสวนจนพบแหล่งที่มา จึงเป็นความเชื่อมโยงที่ปฎิเสธไม่ได้แต่ถ้าผมไม่ได้ไปแถลงข่าวก็ถือว่าบกพร่อง ซึ่งกรณีแบบนี้ทาง UNODC เคยแจ้งว่า ปัญหาลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่เพิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก ซึ่งในวันแถลงข่าว ผมก็ไม่ได้ฟันธง 100% ว่าเป็นเคตามีน “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

นอกจากนี้ ผลกระทบจากความเข้าใจผิดของคนในสังคมทำให้มีการนำข่าวไปเชื่อมโยงจนเกิดความเสียหายกับบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ตนจึงได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจติดตามการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จทางคอมพิวเตอร์ โดยมีปลัด ยธ.เป็นประธานคณะทำงานร่วมกับดีเอสไอ ผู้แทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด และตำรวจ ปอท. ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่เป็นเท็จและดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ขอชี้แจงว่าการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งประชาชนที่แสดงความคิดเห็น สิ่งที่เป็นผลกระทบต่อกระทรวงยุติธรรมหรือ ป.ป.ส.นั้นตนยอมรับได้ ผิดก็ต้องยอมรับ แต่การสร้างความสับสนเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น เป็นสิ่งที่ไม่สมควร จึงต้องตั้งคณะกรรมการสอบ

ด้าน นายวิชัย ชี้แจงว่าผลการตรวจวัตถุต้องสงสัยที่บ่งชี้ว่าเข้าข่ายเป็นสารเสพติดเคตามีนในวันแถลงข่าว มี 2 หน่วยงานที่ร่วมตรวจ คือ กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และป.ป.ส.ซึ่งผลตรวจเป็นบวกเหมือนกันทั้ง 2หน่วยที่บ่งชี้ว่าเป็นยาเสพติด โดยผลการตรวจของ พฐ.ให้ผลสีส้ม ขณะที่ ป.ป.ส.ให้ผลสีม่วง ซึ่งสารเสพติดที่ให้ผลสีม่วง ไม่ได้มีเฉพาะเคตามีนอย่างเดียวแต่มีอีก 2-3 ชนิดที่ให้ผลสีม่วง ยืนยันว่าไตรโซเดียมฟอสเฟตไม่ใช่สารเสพติด แต่เป็นสารที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และผลิตภัณฑ์นมเพื่อไม่ให้ตกตะกอน

ส่วนสารดังกล่าวจะนำเข้ามาจากที่ไหนหรือนำไปใช้ในกิจการใดนั้นเป็นอำนาจการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องขยายผลต่อไป แต่เชื่อว่า มีการนำมาใช้เพื่ออำพรางยาเสพติด หรือเคตามีเนื่องจากมีลักษณะทางกายภาพที่ไม่แตกต่างกัน

“ป.ป.ส.ยังไม่มีข้อมูลของเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนกลุ่มนี้ไม่เคยกระทำความผิด ส่วนที่ไม่มีการจับกุมผู้เช่าโกดัง เนื่องจากผู้เช่าได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ตามตัวไปยังภูมิลำเนาเพื่อรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับในคดีที่เชื่อมโยงกับการจับกุมเคตามีนได้ที่ใต้หวันแล้ว ”เลขาฯป.ป.ส.กล่าว

อย่างไรก็ตามเร็วๆ นี้ ป.ป.ส.จะจัดสัมมนาเพื่อหาองค์ความรู้ในเรื่องสารเสพติดที่ให้ผลตรวจสีม่วง โดยจะร่วมกับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐ(DEA) และ UNODC รวมทั้งสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อรวบรวมองค์ความรู้ใหม่ๆ อย่างช้าที่สุด คือ ในสัปดาห์หน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย