ทางออก “ครอบครัวไทยปมขัดแย้งการเมือง”

กรุงเทพฯ 24 ต.ค.-เสวนาหาทางออกครอบครัวไทย ขัดแย้งการเมือง ปมทุกข์ทั้งบ้าน เปิดใจรับฟังรักษาสัมพันธภาพครอบครัว ไม่ห้าม ไม่ใช้ความรุนแรง ทำให้บ้านเป็นที่ปลอดภัย ด้านแพทย์แนะใช้ประเด็นการเมืองเป็นแบบฝึกหัด เปิดโอกาส พื้นที่ ผู้ใหญ่เด็กร่วมเรียนรู้ เคารพความเห็นต่าง


เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2563 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)จัดงานเสวนา “ทางออก…ครอบครัวไทยในวิกฤตการเมือง”

นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวทำให้เกิดความทุกข์ทั้งสองฝ่าย ทั้งมุมพ่อแม่และมุมลูก แต่ไม่ควรใช้วิธีเถียงกันเรื่องของข้อมูลเพราะจะทำให้พังทั้งสองฝ่าย ต้องทำความเข้าใจว่า ต่างยุคต่างสมัย ต่างมีข้อมูลคนละชุด แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องคำนึงถึงความสัมพันธภาพครอบครัว สุดท้ายแล้วการเมืองจบแต่ความสัมพันธ์ในครอบครัวยังคงอยู่ ในบทบาทของความเป็นผู้ใหญ่นั้นต้องการให้ลูกเชื่อฟัง แต่เราต้องเปิดใจฟังลูกด้วย ฟังโดยไม่โต้แย้ง ต่อว่า แล้วพูดเสริมว่าพ่อแม่เป็นห่วงลูกที่ต้องไปร่วมชุมนุม พ่อแม่อาจเดินทางไปด้วยสักครั้งสองครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นห่วง ซึ่งมีตัวอย่างของครอบครัวที่โทรเข้าปรึกษาบอกว่ารับฟังลูก 2 ชม.และลูกได้กล่าวขอบคุณพ่อแม่ที่รับฟัง บรรยากาศในครอบครัวดีขึ้น


นางฐาณิชชา กล่าวต่อว่า สำหรับพ่อแม่ ควรหาเพื่อนพูดคุยเพื่อปรับทุกข์ นอกจากนี้พ่อแม่ไม่ควรใช้ความรุนแรง ห้ามปราม หรือตัดเงินไปโรงเรียน เพราะเด็กวัยนี้จะเชื่อเพื่อนแล้วจะไม่กลับบ้าน แต่ครอบครัวต้องทำให้เด็กรู้สึกว่ากลับบ้านแล้วปลอดภัย มีใครสักคนที่บ้านที่เขาไว้ใจ เพราะเด็กยังไม่เข้าใจว่าทำไมไปชุมนุมแล้วไม่ปลอดภัย ขณะเดียวกันเมื่อเด็กไปชุมนุมแล้วยังไปเรียนหนังสือ ที่น่าห่วงคือ บางครอบครัวลูกอยู่กับปู่ย่าตายายอาจจะคุยกันยาก แต่ก็ต้องพยายามรับฟังให้มากขึ้น

พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน กล่าวว่า อยากให้พ่อแม่เปิดใจมองเห็นพลังของเด็กวัยรุ่นที่ลุกขึ้นมาตั้งคำถาม สร้างการเปลี่ยนแปลง ถือเป็นพลังความเชื่อในรูปแบบหนึ่ง ในมุมหนึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีที่เขาคิดวิเคราะห์ แล้วเกิดการลงมือลงแรงที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เขาเชื่อ เพราะฉะนั้นให้มองเป็นเรื่องที่มีแง่มุมดีๆ ซึ่งการรับฟังที่ดีไม่ใช่ฟังเพื่อการสั่งสอนแต่เป็นการรับฟังความต้องการและความรู้สึกที่เกิดขึ้น การที่กลุ่มเด็กลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว เกิดคำถามว่าเขารู้สึกอึดอัดคับข้องใจ หรือว่ามีสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นเราอาจจะรับฟังความรู้สึกตรงนั้น

“อยากให้พ่อแม่ชวนให้เขาคิดชวนให้เขาเข้าใจ ชวนให้เขารู้สึกคิดถึงคุณค่าของความแตกต่างในสังคม เมื่ออยู่ในสังคมที่คิดแตกต่างกันแต่อยู่ร่วมกันได้ โดยเคารพความแตกต่างกัน ถือเป็นทักษะที่สำคัญมากที่เด็กรุ่นใหม่จะเติบโตไป นอกจากนี้ผู้ใหญ่ต้องให้พื้นที่เพื่อจะให้เด็กได้แสดงออก ซึ่งการได้ยินเสียงของเด็กถือว่าสำคัญมาก อย่างน้อยก็รู้ว่าเขากำลังคิดถึงอะไร แม้เราจะไม่เห็นด้วย บางอย่างมองว่าไม่ดี แต่การได้ลงมือทำในสิ่งที่เชื่อคือการเรียนรู้ในรูปแบบหนึ่งและเรียนรู้ด้วยการกระทำด้วยตัวเอง คือการเรียนรู้เพื่อช่วยในการเติบโต” พญ.จิราภรณ์ กล่าว


พญ.จิราภรณ์ กล่าวต่อว่า การที่พ่อแม่และลูกคิดแตกต่างกันถือเป็นแบบฝึกหัดที่ดีมาก เพราะอนาคตก็อาจมีความคิดแตกต่างกันอีก ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือทำความเข้าใจและเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ต้องระมัดระวังเพราะการที่ไปตัดสินหรือตีตรา จะทำให้ไม่เกิดการรับฟังจริงๆ ซึ่งคนที่เสียประโยชน์จากการตัดสินจากคำพูดเหล่านั้นคือตัวพ่อแม่ เมื่อไปตัดสินหรือตีตราใครเราแทบจะไม่ได้ฟังในเรื่องที่เขาสื่อออกมาจริง ๆเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรจะฝึกคุยกันให้ได้ เพื่อจะรับฟังความต้องการของกันและกัน ฝึกแชร์ข้อมูลที่เราได้มาหรือเรารู้ โดยไม่คาดหวังว่าเขาจะเชื่อ เพราะเราอาจมีความไม่พอใจถ้าเขาไม่เชื่อ

น.ส.ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ นักกระบวนกรการสื่อสารอย่างสันติ กล่าวว่า การสื่อสารอย่างสันติด้วยหัวใจ เปรียบเทียบง่ายๆ กับการสื่อสารด้วยสัญญาณไฟในใจของเรา 3 ระดับไฟเขียวคือ การสื่อสารด้วยความเข้าใจ สนใจใคร่รู้ เปิดใจ ยอมรับ เข้าใจ ซึ่งไม่ได้แปลว่าเห็นด้วย บางคนกลัวเสียจุดยืนของตนเอง จริงๆควรกลับมาที่พื้นฐานของครอบครัวคือความรัก ระดับไฟเหลือง คือเมื่อเราเริ่มโกรธ เราควรหยุดรอ หยุดเพื่อคิดหาทางออกหรือวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ซ้ำเติมให้เกิดความรุนแรง แต่ถ้าเป็นระดับไฟแดง เป็นระดับอันตราย มีโอกาสเกิดความรุนแรง หรือเกิดภาวะซึมเศร้า ต้องหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดึงไฟแดงกลับมาที่ไฟเขียว ไม่ว่าจะโกรธขนาดไหน เราต้องมีสติ อาจใช้วิธีใช้มือมาจับที่หัวใจ สัมผัสที่หัวใจรู้ตัวว่าโกรธ แล้วกลับมาที่พื้นฐานความรัก จะช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]