แยกๆ ปัญหาขัดแย้งสายสีเขียว ทีดีอาร์ไอ.ชี้ทางออกแล้ว

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.-ปัญหาขัดแย้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว คมนาคมงัด กทม. ประเด็นค่าโดยสาร แสนแพงสูงสุด 104 บาท – ต่อสัมปทาน 30 ปี  ล่าสุดทีดีอาร์ไอชี้ทางออก  ย้ำผู้มีอำนาจตัดสินใจต้องรีบทำ  กางโครงข่ายรถไฟฟ้าเอามาคิดราคาแบบโครงข่ายทั้งหมด  ชี้ปล่อยไปแบบนี้มีปัญหารออีกเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากประเด็นปัญหาที่มีความเห็นต่างกัน ระหว่างกรุงเทพมหานคร กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งบีทีเอสเป็นผู้รับสัมปทานจากกรุงเทพมหานคร เดินรถบริการอยู่ในปัจจุบันและขณะนี้ ได้มีการเดินรถตลอดเส้นทาง ส่วนต่อขยายจากสถานีที่เป็นสัปทานเดิม คือจาก หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รวมกับการเปิดเดินรถ ถึงจังหวัดสมุทรปราการก่อนหน้านี้ ทำให้รถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดให้บริการครบ 59 สถานี มีระยะทางรวม  68 กิโลเมตร โดยที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ได้มีประกาศฉบับใหม่ กำหนดอัตรค่าโดยสาร รถไฟฟ้า บีทีเอส อีกครั้ง โดยจะให้มีผลบังคับใช้  หากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ  16 กุมภาพันธุ์นี้ โดยค่าโดยสารใหม่ จะมีราคาสูงสุดไม่เกิน 104 บาท  ส่งผลทำให้เกิดกระแสการคัดค้านหนัก ทั้งผู้ใช้บริการ กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม จนถึงคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร


นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยว่า ความขัดแย้งครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เกิดจากปัญหาการลงทุนในระบบรางของไทย  ที่มีหลายสัมปทาน แยกขึ้นกับหลายหน่วยงานรัฐ ทั้งที่กำกับโดย กทม.,การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. และการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท.(สายสีแดง)  ซึ่งจากข้อมูลของทีอีอาร์ไอ พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียว ที่รถไฟฟ้าแต่ละสัมปทาน มีตารางคิดค่าโดยสารค่าแรกเข้าต่างกัน

“ไทยเป็นประเทศเดียว ที่ผู้โดยสารออกจากรถไฟฟ้าระบบหนึ่ง ไปเข้าอีกระบบก็ต้องเสียค่าโดยสารในอัตราค่าแรกเข้า และตารางคำนวณค่าโดยสารที่ต่างกัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกิดจากปัญหาตั้งแต่เริ่มการลงทุน การกำนดสัมปทาน การเจรจาจากหน่วยงานผู้ให้สัมปทานที่ต่างกัน” นายสุเมธ กล่าว


ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาจำเป็นต้องมีคนกลางที่มีอำนาจตัดสินใจ นำภาพรวมโครงข่ายระบบรางทั้งหมดมากาง ทั้งที่เปิดบริการแล้ว กำลังก่อสร้าง และจะเปิดให้บริการในอนาคต เพื่อคำนวณค่าโดยสารเป็นโครงข่ายครั้งเดียว โดยมีแนวคิดเรื่องอายุการให้สัมปทาน ที่สามารถใช้กับผู้รับสัมปทานเดิมด้วย เช่น รถไฟฟ้าเส้นใดผู้โดยสารเยอะ มีโอกาสกำไร หรือคืนทุนเร็ว สัมปทานจะต้องมีอายุสั้น หากเส้นทางใดผู้โดยสารน้อย ก็ต้องให้ระยะเวลาสัมปทานยาว  เพื่อให้เอกชนมีโอกาสรอการคืนทุน และพอมีกำไร โดยวิธีนี้รัฐจะสามารถใช้ฐานราคาเดียว กำหนดค่าโดยสารทั้งระบบ ที่ประชาชนรับได้  

นักวิชาการ ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ ระบุ ด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสายสีเขียว เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น  หากในอนาคต รถไฟฟ้าเส้นอื่น เปิดให้บริการขึ้นอีก แม้รัฐบาลจะมีบันทึกในสัญญาสัมปทานไว้แล้ว เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง )  สีชมพู (แคลาย-มีนบุรี )  ว่าเอกชนจะต้องรับเงื่อนไข เก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียว แต่ในข้อเท็จจริง  หากผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้า หลายระบบ และต้องเข้าไปเดินทางรถไฟฟ้าที่เป็นสัมปทานเดิม ก็จะเกิดปัญหายุ่งยาก ต่อการเจรจากับเอกชน  ผู้ถือสัมปทานเหล่านี้  หากภาครัฐเตรียมรับมือกับปัญหาเหล่านี้ไม่ดี จะเกิดปัญหาตามมา อาจกลายเป็นข้อพิพาท  หรือ ค่าโง่ เกิดขึ้นได้

“ยกตัวอย่าง การเดินทางของประชาชน  หากมาจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สำโรง-ลาดพร้าว) เชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เดิม  ในส่วนนี้ ผู้โดยสารไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าระบบที่ 2 และผู้โดยสารคนเดิม  เดินทางไปต่อรถไฟฟ้าอีกสาย คือ สายสีชมพู ถือเป็นการเดินทางเชื่อมรถไฟฟ้า 3 ระบบ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นแน่นอน  และเมื่อเดินทางขากลับ จากสายสีชมพู ไปเข้าน้ำเงิน ไปสีเหลือง ก็เช่นเดียวกัน เท่ากับผู้ให้สัมปทาน ที่อยู่ตรงกลางระบบเดินทาง 3 ต่อนี้ จะไม่ได้ค่าแรกเข้าเลย ประเด็นนี้ต้องมีการเจรจาก่อน ให้เอกชนผู้ถือสัมปทานเดิมยอม เพราะรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และชมพู จะเปิดให้บริการในต้นปี 2565 แล้ว ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ภาครัฐต้องรีบดำเนินการ” ผู้อำนวยการวิจัย ทีดีอาร์ไอกล่าว


ในขณะเดียวกัน นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ยืนยันอีกครั้งว่า ค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยนั้นแพง หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีสูตรคำนวณค่าโดยสารเป็นโครงข่ายชัดเจน โดยมีประเด็นที่ต้องคิดให้ละเอียด เช่น ในสิงคโปร์ เมื่อรัฐบาลเพิ่มส่วนต่อขยาย ป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยรัฐบาลเป็นผู้ลงทุน เอกชนก็ต้องปรับลดราคาโดยสารลง ให้สอดคล้องกับผู้โดยสารที่มากขึ้นและมีโอกาสของรายได้มากขึ้น ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

“โชต้า” แข้งลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

สเปน 3 ก.ค. – “ดิโอโก้ โชต้า” กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล และทีมชาติโปรตุเกส เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุระหว่างการพักผ่อนที่ประเทศสเปนกับน้องชาย “มาร์ก้า” สื่อชื่อดังของสเปน รายงานข่าวว่า ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล วัย 28 ปี เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จังหวัดซาโมรา ทางตะวันตกของประเทศสเปน ระหว่างการเดินทางไปพักผ่อนกับ อังเดร น้องชาย เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณกิโลเมตรที่ 65 ของทางหลวงสาย เอ-52 ใกล้เขตซานาเบรีย โดยโชต้าอยู่ในรถคันดังกล่าวพร้อมกับอังเดร น้องชายวัย 26 ปี ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน และเล่นให้กับสโมสรเปนาฟีแอล ในลีกโปรตุเกส รถยนต์ที่ทั้งสองโดยสาร ประสบเหตุหลุดออกจากถนนและเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง มีพยานในที่เกิดเหตุโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินหมายเลข 112 ระบุว่า รถถูกไฟคลอกทั้งคัน ดิเอโก้ โชต้า ย้ายจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส มาร่วมทัพลิเวอร์พูลในปี 2020 ด้วยค่าตัวราว 44.7 ล้านยูโร ราว 1,700 […]

สั่งปิดประชุมสภาฯ หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 3 ก.ค. – การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก ประเดิมด้วยกระทู้สดเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และขณะนี้ประธานสั่งปิดประชุมแล้ว หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ประเดิมด้วยการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชนชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการ รมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีกรณีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีคุยกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยระบุว่าขณะนี้มีสัญญาณดี กัมพูชายอมคุยด้วยแล้ว ทางฝ่ายระดับสูงของกัมพูชาเริ่มมีการคุยว่า เชิญไปประชุมทวิภาคี จีบีซี หารือ 2 ประเด็น ถอนกำลังพล-ลดเข้มงวดมาตรการชายแดน แต่ด้วยสถานการณ์ทางด้านโซเชียลฯ ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาทำให้การพูดคุยในเรื่องเงื่อนไขเราก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน ขอเรียนว่า มีสัญญาณบวกและวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลยังคงมาตรการในการควบคุมด่านอยู่ มีไว้เพื่อสร้างแรงกดดันที่ต้องใช้อย่างเหมาะสม ยืนยันกองทัพทำตาม นโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้หลังการถามกระทู้ ที่ประชุมเตรียมพิจารณารายงานของกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอที่ประชุมให้นับองค์ประชุม เพื่อตรวจสอบจำนวน สส.ภายในห้องประชุม ซึ่งขณะนี้มี […]

ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง

ทำเนียบ 3 ก.ค.-ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกฯ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับดังนี้1.นายภูมิธรรม เวชยชัย2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค4.นายพิชัย ชุณหวชิร5.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ทั้งนี้ ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการ หรือองค์กรใด ส่วนในกรณีที่ผู้รักษาราชการแทนตาม 2-5 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบฯ อันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ กองอาลักษณ์ฯ เห็นว่า การเสนอ ครม. พิจารณาการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและเป็นอำนาจของ ครม. ตามความในมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังนั้น จึงเห็นควรเสนอ ครม. ต่อไป […]

เจ้าอาวาสวัดม่วง ยันบริสุทธิ์ใจ ยินดีให้ตรวจสอบ

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ลงพื้นที่วัดม่วง ตรวจสอบกรณีเงินสด 10 ล้าน และทองคำ 300 บาท หายไป เจ้าอาวาสวัด เผยบริสุทธิ์ใจ ยอมเสียเงินดีกว่าเสียชื่อเสียง ยืนยันแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีวัด โดยบัญชีวัดจะมีคณะกรรมการและไวยาวัจกรดูแล ส่วนเงินที่หายไป เป็นเงินส่วนตัวที่จะนำไปใช้ทำบุญวันเกิด ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เดินเข้ามาภายในวัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ โดยปฏิเสธให้ข้อมูล เบื้องต้นตอบเพียงว่าเดินทางมาตรวจสอบข้อมูลการเงินของวัด หลังปรากฏข่าวออกไป เจ้าอาวาสวัดม่วง บอกว่าเงินที่หายไปเป็นปัจจัยที่เบิกมา เพื่อเตรียมนำมาทำบุญวันเกิด โดยจะนำเงินส่วนนี้ไปแจกให้กับเด็กนักเรียน และนำไปนิมนต์พระมาทำบุญ รวมถึงจะนำบางส่วนไปใช้ในการก่อสร้างเจดีย์ โดยวันที่ไปเบิกเงินที่ธนาคารไปกับคนสนิท 2 คน และเบิกเงินจำนวน 10 ล้านบาท หลังจากนั้นเดินทางกลับ และนำปัจจัยใส่กระเป๋าวางไว้ใต้โต๊ะในกุฏิ เนื่องจากภายในเซฟมีการเก็บเงินของวัดไว้ จึงไม่ต้องการนำไปรวม ตนเองเองรู้ที่เก็บเงินเพียงคนเดียว ยืนยันมีการแยกบัญชีเงินส่วนตัวและเงินของวัด ในส่วนของวัดจะมีกรรมการและไวยาวัจกรดูแล แต่เงินของตัวเองซึ่งเก็บมากว่า 40 ปี มีอยู่ประมาณ […]