ฟื้นธรรมเนียมการตีระฆังฝรั่งสามใบเถาวัดราชประดิษฐฯ

กทม.29 ส.ค.-“ระฆังฝรั่ง” วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระอารามหลวงชั้นเอก และวัดประจำรัชกาลที่ 4 กลับมาดังก้องกังวานส่งสัญญาณกิจสงฆ์อีกครั้ง หลังจากที่คณะอาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ.ได้ประดิษฐ์ชุดควบคุมการตีระฆังอัตโนมัติ เพื่อควบคุมการตีและกำหนดจังหวะการตีระฆังของวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม


ดร.ศุภฤกษ์ บุญเทียร และ ดร.ก้องเกียรติ ปุภรัตนพงษ์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เล่าถึงที่มาก่อนที่ทางมหาวิทยาลัยจะได้ประดิษฐ์เครื่องควบคุมการตีระฆังอัตโนมัติ ว่า ประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้รับแจ้งจากทางวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามว่า ทางวัดมีความประสงค์ที่จะจัดสร้างระฆังใบใหม่เพื่อทดแทนใบเดิมที่เกิดการแตกร้าว โดยประสานขอความอนุเคราะห์ให้ทางมหาวิทยาลัยฯ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของระฆังใบเก่า เพื่อนำไปใช้ประกอบในการจัดสร้างระฆังใบใหม่ให้เหมือนต้นแบบมากที่สุด ซึ่งในครั้งนั้นทางทีมงาน มจธ. นำทีมโดย รศ.ดร.เชาวลิต ลิ้มมณีวิจิตร ได้ประสานงานนำเครื่องวิเคราะห์ส่วนผสมทางเคมีของโลหะเข้าทำการทดสอบส่วนผสมทางเคมีจากระฆังใบเดิมซึ่งเป็นระฆังพระราชทาน

ทั้งนี้ ข้อมูลจากหนังสือราชประดิษฐพิพิธทรรศนา ระบุว่า ระฆังที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาสั่งให้หล่อระฆังจากโรงหล่อ Whitechapel Bell Foundry กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโรงหล่อที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1570 และยังคงดำรงอยู่จวบจนปัจจุบัน ผ่านบริษัท Colman Palmer & Company เพราะในขณะนั้น สหราชอาณาจักรหรืออังกฤษถือเป็นประเทศที่มีสัมพันธไมตรีต่อสยามมากที่สุดประเทศหนึ่ง


สำหรับระฆังดังกล่าวเป็นระฆังฝรั่ง 3 ใบ แขวนอยู่บนหอระฆังเรียงจาก ใบกลาง ใบใหญ่และใบเล็ก ซึ่งระฆังฝรั่งใบใหญ่มีความพิเศษกว่าระฆังใบอื่น คือ ตอนกลางของระฆังมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ (พระนามย่อ) ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอักษรภาษาอังกฤษ ตัวพิมพ์ใหญ่ (capital letter) ว่า SPBPMM โดยทั่วไปแล้วมีอักษรเพียง 5 ตัว คือ S.P.P.M.M. ย่อจากพระปรมาภิไธยภาษาอังกฤษ คือ Somdetch Phra Paramendr Maha Mongkut ซึ่งระฆังใบนี้มีอักษร B เพิ่มมา 1 ตัว ใต้พระปรมาภิไธยย่อบนระฆังระบุตัวเลข ค.ศ.1861 ล้อมรอบด้วยดาวหกแฉกหลายดวง ตรงกับ พ.ศ. 2404 หรือ 3 ปีก่อนการสถาปนาวัด บริเวณปากระฆังมีข้อความว่า FOUNDERS LONDON เป็นข้อความที่ระบุถึงการผลิตที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นว่า ได้ทรงเตรียมการเกี่ยวกับหอระฆังของวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามเป็นอย่างดีมาก่อนที่จะตั้งพระอารามแห่งนี้ และต้องการให้เป็นของดีสำหรับวัด

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ระฆังใบใหญ่ได้แตกร้าวไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ จึงทรงพระราชทานระฆังฝรั่งเรือรบสามใบเถาเปลี่ยนถวายเพื่อใช้ตีบอกเวลาประกอบกิจของสงฆ์ตามระเบียบของพระอารามต่อไป เป็นการสืบสานพระราชปณิธานในการอุปถัมภ์พระอารามต่อจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นเครื่องแสดงถึงพระราชศรัทธาในการทำนุบำรุงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ตราบนาน

ภายหลังจากการใช้งานมายาวนาน ระฆังฝรั่งเรือรบสามใบเถา ได้แตกร้าวจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ จำแต่ตีเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น และเปลี่ยนมาใช้การสั่นกระดิ่งเป็นการบอกเวลาประกอบกิจสงฆ์แทนในวันธรรมดา


นอกจากนี้ หอระฆังวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นหอระฆังยอดมงกุฎ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ตั้งอยู่ในเขตสังฆาวาสด้านทิศตะวันออก เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกกับสถาปัตยกรรมแบบไทย ที่มีความพิเศษจากหอระฆังแบบไทยทั่วไป คือ ไม่มีบันไดทางขึ้นไปตีระฆัง ใช้การดึงเชือกตีระฆังด้านในโดยดึงสายจากด้านล่างและลั่นระฆังจากด้านในแทนที่จะตีจากด้านนอก

ดร.ศุภฤกษ์ กล่าวว่า ทีม มจธ. ได้เข้าไปวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของระฆัง โดยใช้เครื่องวิเคราะห์ส่วนผสมทางเคมีของโลหะแบบเคลื่อนที่พบว่าระฆังมีส่วนผสมของทองแดงและดีบุก โดยมีดีบุกประมาณ 18-20% ซึ่งฝรั่งเรียกว่า bell metal ส่วนผสมดังกล่าวจะทำให้ได้ระฆังที่มีเสียงที่ไพเราะกังวานมากกว่าโลหะอื่น ถ้าเป็นระฆังที่ผลิตจากทองเหลืองธรรมดาทั่วไป เวลาเคาะเสียงจะไม่หวาน ไม่กังวาน ไม่ดังไกลเหมือนส่วนผสมของโลหะชนิดนี้

หลังจากทางวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมทางเคมีของระฆังแล้ว จึงก็ได้ประสานไปที่กรมสรรพาวุธทหารบก เกี่ยวกับโรงหล่อระฆังที่อังกฤษ ซึ่งทางกรมสรรพาวุธมีข้อมูลติดต่อกับโรงหล่อโลหะเหล่านี้ จึงทำให้ทราบว่า ยังมีโรงหล่อระฆังเก่าแก่ที่ยังเปิดอยู่ 2 โรงงาน น่าจะอยู่ในช่วงเดียวกับระฆังของวัดที่สั่งหล่อขึ้น จนนำไปสู่การหล่อระฆังของวัดในปัจจุบัน

“ซึ่งก็เป็นที่น่ามหัศจรรย์ เพราะผ่านมาถึง 156 ปี ทางโรงงานเดิมยังคงผลิตระฆังอยู่ และโรงงานยังมีข้อมูลเดิมอยู่” ดร.ศุภฤกษ์ กล่าว

พระครูอุทิจยานุสาสน์ หัวหน้าสำนักงานโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พร้อมคณะสงฆ์วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม จำนวน 3 รูป เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร ผู้แทนจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และผู้แทนบริษัท ศิวกรการช่าง จำกัด ได้เดินทางไปที่ประเทศอังกฤษภายหลังจากทราบข้อมูลของโรงงานที่ผลิตระฆัง และติดต่อเป็นเบื้องต้นแล้ว

“เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2557 อาตมาได้เดินทางไปอังกฤษ เพื่อติดต่อโรงงาน Whitechapel Bell Foundry เอารูปไปให้ดู ตอนแรกทางโรงงานบอกว่าไม่ได้ผลิต แต่เมื่อช่างทำระฆังเห็นแบบก็ยืนยันว่าโรงงานเคยผลิตระฆังแบบนี้ และเขาก็พร้อมที่ผลิตระฆังให้เรา” พระครูอุทิจยานุสาสน์ กล่าว

สำหรับชุดระฆังที่สั่งทำ ประกอบด้วย ระฆังใบเล็ก ใบกลาง และใบใหญ่ พร้อมชุดคอนโทรลอิเล็กทรอนิกส์ และมีค้อนไฟฟ้าที่เป็นตัวตีระฆังมาด้วย

“ทางโรงงานแจ้งว่า ปัจจุบันมีเทคโนโลยีกลไกอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นตัวตีแทนกำลังคน ทำให้น้ำหนักการตีเป็นระดับเดียวกัน ซึ่งแพร่หลายในยุโรป อาตมาก็บอกว่า ดี น่าจะทำให้ระฆังเรามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เพราะที่ผ่านมาใช้กำลังคนตี ซึ่งอาจจะทำให้ใช้แรงในตีไม่สม่ำเสมอ แรงบ้าง เบาบ้าง แล้วแต่กำลังของคนที่ตี ส่งผลให้ระฆังแตกร้าวง่ายและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง” พระครูอุทิจยานุสาสน์ กล่าว

เมื่อปี พ.ศ.2560 วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ได้รับระฆังจากโรงงานผู้ผลิตที่ประเทศอังกฤษทางวัดได้ติดต่อมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง เพื่อให้ช่วยติดตั้งชุดคอนโทรลตีระฆังดังกล่าว เนื่องจากทางวัดไม่มีองค์ความรู้

ดร.ศุภฤกษ์ กล่าวว่า ตนได้ประสานติดต่ออาจารย์ชนากานต์ แคล้วอ้อม จากสาขาวิชาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ช่วยดูว่าจะประกอบอย่างไร เนื่องจากชุดติดตั้งที่โรงงานให้มานั้น มีการบรรจุกล่องแยกชิ้นส่วนพร้อมแนบวงจรไฟฟ้ามาให้ซึ่งจะต้องทำการต่อวงจรและเดินสายไฟเองทั้งหมด

หลังจากติดตั้งเสร็จก็ทดสอบตีระฆังด้วยระบบอัตโนมัติ แต่ปรากฏว่าพบปัญหาเรื่องจังหวะการตีระฆัง ที่ไม่ได้เป็นทำนองโบราณแบบไทย แต่จังหวะการตีมีลักษณะแบบระฆังฝรั่ง ที่ตีไปเรื่อยๆ เสียงดัง เก๊ง เก๊ง เก๊ง ขณะที่ระฆังแบบไทยเราเสียงจะดัง เป้ง เป้ง เป้งๆๆๆ รัวๆ ซึ่งตอนนั้นได้แจ้งทางวัดไปว่า ระบบจังหวะการตีที่ต่างประเทศออกแบบมานั้นไม่รองรับจังหวะการตีแบบไทย ซึ่งหากต้องการให้ใช้งานได้จังหวะแบบไทยจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีกดเองแบบ Manual โดยต้องกดเว้น กดรัว ตามจังหวะการตีที่ต้องการ

“ตอนนั้นก็นึกในใจเกิดปัญหาแล้วจะทำอย่างไร เพราะระบบคอนโทรลเป็นการให้จังหวะตีแบบฝรั่ง พอเอามาติดตั้งจังหวะการตีมันไม่เหมือนแบบไทย เราเลยไปทำตรงนั้น ให้จังหวะเป็นของไทย “

ดร.ศุภฤกษ์ กล่าวว่า ทางทีมงาน ก็พยายามติดต่อไปทางโรงงานผู้ผลิต เพื่อให้แก้ไขชุดคอนโทรลหรือทำให้ใหม่ แต่ปรากฏว่าโรงหล่อได้ขายทอดกิจการไปแล้ว ทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องหาทางแก้ไข จึงได้ประดิษฐ์ชุดควบคุมระบบตีระฆังขึ้นมาใหม่ โดยร่วมกับ คุณสมจิตร์ อัปมะโท นักศึกษาเก่าภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ และคุณประทีป ชาญณรงค์ นักศึกษาเก่าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการศึกษาการต่อแผงวงจรชุดคอนโทรล ด้วยโจทย์ที่ทางวัดให้มา คือ การฟื้นธรรมเนียมการตีระฆังฝรั่งสามใบเถาจะเป็นการตีระฆัง สี่ช่วงเวลา คือ เช้า สาย เย็น ค่ำ ในวันธรรมดา และ เพิ่มเป็นบ่าย ในวันพระปกติ วันพระใหญ่และวันสำคัญทางพุทธศาสนา อาทิ วันมาฆบูชา เป็นต้น” ดร.ศุภฤกษ์ กล่าว และบอกว่า

“ผมไปหาวิดีโอจากยูทูปเพื่อฟังเสียงการตีระฆังของวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เนื่องจากทางวัดเองไม่ได้บันทึกไว้ หลังจากนั้นก็ส่งไปให้ทางวัดพิจารณา ว่าเสียงตีระฆังจังหวะแบบนี้หรือเปล่า ท่านก็บอกว่าประมาณนี้ แต่มันต้องรัวให้ช้ากว่านี้อีกนิด ช่วงนี้ก็จะต้องเร็วอีกหน่อย ซึ่งก็ไม่มีใครจำจังหวะได้พอดีๆ ทางวัดจึงเสนอแนวคิดเป็นเวลาออกมาเป็นตัวเลขให้เป็นเบื้องต้นเพื่อใช้เป็นหลักในการออกแบบ เช่น เคาะครั้งแรกห่างกันกี่วินาที แล้วเคาะซ้ำกี่ครั้ง แล้วในแต่ละครั้งให้เวลาลดลงเรื่อย ๆ สามวินาที สองวินาที หนึ่งวินาที เขียนเป็นจังหวะให้เรา ทำให้เราทำงานง่ายขึ้น” ดร.ศุภฤกษ์ กล่าว

ด้าน ดร.ก้องเกียรติ กล่าวเสริมว่า “ชุดควบคุมการตีระฆังที่พัฒนาขึ้นใหม่ใช้เวลาประมาณสามเดือนในการทำระบบคอนโทรลระฆังอัตโนมัติ โดยออกแบบการทำงานของระบบให้ง่าย ไม่ยุ่งยาก มีเพียง 4 ปุ่ม ปุ่มที่ 1 สำหรับวันธรรมดา ปุ่มที่ 2 วันพระเล็ก ปุ่มที่ 3 วันพระใหญ่ และปุ่มที่ 4 สำหรับวันพิเศษ เมื่อกดปุ่มเครื่องตีระฆังก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งใน 1 วันจะกดเพียงครั้งเดียว ระบบก็จะทำงานตามช่วงเวลาที่ตั้งไว้”

สำหรับหลักการทำงานของระบบควบคุม เมื่อกดปุ่มที่ต้องการแล้วพอถึงเวลาระบบจะสั่งจ่ายกระแสไฟเข้าไปที่จานแม่เหล็กไฟฟ้า ตัวค้อนจะถูกดึงเข้าหาจานแม่เหล็กไฟฟ้าพร้อมกับเคาะที่ตัวระฆัง จากนั้นสปริงจะทำหน้าที่ดึงค้อนกลับห่างออกจากจานแม่เหล็กไฟฟ้า พอจ่ายไฟอีกทีค้อนก็จะถูกดูดมาเคาะที่ระฆังอีกครั้ง ที่สำคัญจังหวะการเคาะที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัตินี้ จะช่วยทำให้ตัวระฆังมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น ด้วยจังหวะการตีที่สม่ำเสมอกว่าการที่ใช้แรงคนตี เนื่องจากการตีด้วยคนนั้นบางครั้งความหนัก ความเบา ความแรงในแต่ละวันไม่เท่ากัน และประกอบกับตัวเคาะเดิม คือ กระดิ่ง ซึ่งเป็นเหล็ก ถ้าอยากให้เสียงดัง ก็ต้องออกแรงดึงเชือกให้แรง

“อย่างไรก็ตาม แม้เราไม่สามารถเซ็ตระบบตลอดทั้งปีได้ เนื่องจากปฏิทินวันพระมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี เพราะฉะนั้นหากวันใดตรงกับวันพระทางวัดเพียงแค่กดปุ่มสำหรับวันพระไว้ก่อนเวลาตีระฆังปกติในตอนเช้าและกดปุ่มวันธรรมดาในเช้าวันถัดไป ซึ่งผลทดสอบระบบในช่วงที่ผ่านมาประมาณเดือนกว่า ทั้งในวันพระใหญ่ พระเล็ก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังได้ออกแบบชุดควบคุมแบบแยกระบบระหว่างระฆังแต่ละใบ ทั้งระบบควบคุมเวลาและระบบจ่ายไฟ เพื่อทำให้ง่ายต่อการดูแล ถ้ามีชิ้นส่วนไหนเสียหาย ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะระบบควบคุมเวลานั้นไม่ต้องกังกลเรื่องไฟฟ้าดับเพราะ แม้ปราศจากไฟฟ้าแบตเตอรี่ของระบบควบคุมเวลายังสามารถทำงานต่อเนื่องได้นาน 6 เดือน โดยไม่ต้องมาตั้งนาฬิกาใหม่ เป็นผลให้หลังเกิดไฟดับก็จะไม่กระทบกับช่วงเวลาการตีระฆัง ระฆังก็จะยังทำงานได้ต่อเนื่องตามเวลาที่ตั้งไว้” ดร.ศุภฤกษ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยเกือบทั่วทุกภาคฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 17 พ.ค.- กรมอุตุฯ เผยเกือบทั่วทุกภาคของไทยมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และด้านตะวันตกของประเทศไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

ศาลไม่ให้ประกันผู้ต้องหาคดีตึก สตง.ถล่ม ส่งคุมขังเรือนจำ

16 พ.ค.- ศาลไม่ให้ประกัน “เปรมชัย” และผู้ต้องหาคดีตึก สตง.ถล่ม คุมตัวทั้งหมดเข้าเรือนจำ ชี้คดีมีความเสียหายใหญ่หลวง น่าสะพรึงกลัว กระทบสังคม ญาติและทนายความของผู้ต้องหาทั้งหมดได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง ศาลได้ไต่สวนพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้ต้องหา แล้วมีคำสั่งเมื่อเวลา 20.00 น. ว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับคดีนี้จนเกิดความเสียหายใหญ่หลวงน่าสะพรึงกลัว กระทบต่อสังคมอย่างยิ่ง ทั้งพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนียากแก่การติดตามตัว ทั้งคดีต้องสอบสวนพยานอีก 15 ปาก กรณีมีเหตุผลอันสมควรจะรอผลการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วค่อยพิจารณามีคำสั่งโดยละเอียดรอบคอบต่อไป ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ยกคำร้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป.-สำนักข่าวไทย

จับครบทีม 4 คนร้ายฆ่าเผานั่งยาง 3 ศพ-ฆ่าฝังดิน 1 ศพ

ตรัง 16 พ.ค. – ปิดคดีฆ่าเผานั่งยาง 3 ศพ และฆ่าฝังดิน 1 ศพ ในสวนปาล์ม จ.ตรัง ตำรวจจับครบแล้ว 4 คน โดย 2 คนสุดท้ายเพิ่งนำตัวลงมาจากเขา คนร้ายที่ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพ และฆ่าฝังดิน 1 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ไม่ไหว ล่าสุดยอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว เพราะกลัวจะถูกวิสามัญ โดย 2 คนแรกคือ นายศุภกรณ์ หรือ บิน หัวหน้าแก๊ง กับนายจรณชัย หรือ แต้ม ตำรวจควบคุมตัวได้ช่วงเช้ามืดวันนี้ ส่วนอีก 2 คนคือ นายปิยศักดิ์ หรือ แจ็ค และนายรพีพันธ์ หรือ เทือก ตำรวจเข้าควบคุมตัวได้ช่วงเย็นที่ผ่านมา ขณะที่หนีไปกบดานอยู่ในป่าบ้านถ้ำน้ำผุด อ.เมืองตรัง ซึ่งคือบ้านเกิดของนายแจ็ค […]

เปิดสัมพันธ์ลับ “ทิดแย้ม-สีกา”

16 พ.ค. – เปิดความสัมพันธ์ลับระหว่าง “ทิดแย้ม-สีกา” เริ่มตั้งแต่สีกายังเรียนหนังสือในโรงเรียนวัดไร่ขิง อดีตเจ้าอาวาสให้ความเมตตา จึงเอ่ยปากยืมเงิน 40 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนตั้งแต่ปี 2564 ความสัมพันธ์ระหว่างนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเจ้าคณะภาค 14 หรือ ทิดแย้ม กับสีกา คือ น.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งได้ข้อมูลจากการสอบปากคำทั้ง 2 คน ตลอดคืน รวมถึงหลักฐานสำคัญในโทรศัพม์มือถือของทั้ง 2 คน ทำให้พบว่าความสัมพันธ์นี้ถึงขั้นลึกซึ้ง น.ส.อรัญญาวรรณ รับสารภาพว่ารู้จักกับทิดแย้มมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดไร่ขิง โดยอดีตเจ้าอาวาสขณะนั้นให้ความเมตตา จึงลองเอ่ยปากขอยืมเงิน 40 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนตั้งแต่ปี 2564 สอดคล้องกับที่ทิดแย้มให้การว่าได้โอนเงินไปให้กับ น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ช่วงปี 2564 นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานสำคัญคือ คลิปการสนทนาระหว่างทิดแย้ม และ น.ส.อรัญญาวรรณ ที่มีการพูดคุยถึงเรื่องการทวงเงินเพราะครบดีล ถึง 4 ครั้ง ครั้งละ 5 […]