ชลบุรี 7พ.ค.-กรมการศาสนา จับมือ องค์การทางศาสนาทั้ง 5 ศาสนา จัดอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ 2568 ระหว่าง วันที่ 5-9 พ.ค.2568
กรมการศาสนาร่วมมือจากองค์การทางศาสนาทั้ง 5 ศาสนา จัดโครงการอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ ณ โรงแรม Eco Hotel by Thammasat อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งผู้เข้าร่วมรวม 150 คน ประกอบด้วยเยาวชนจากส่วนกลางและจังหวัดในภาคใต้ รวมทั้งเยาวชนที่สมัครเข้าร่วมผ่านช่องทางออนไลน์ ครูพี่เลี้ยง ผู้แทนองค์การศาสนา เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดในภาคใต้ และเจ้าหน้าที่จากกรมการศาสนา
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา (อศน.) เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายส่งเสริมงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ที่มุ่งเน้นให้สถาบันทางสังคมร่วมปลูกฝังและพัฒนาให้เด็ก เยาวชน และประชาชนเป็นคนดี มีคุณธรรมและจริยธรรม เทิดทูนสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะการปลูกฝังเด็กและเยาวชนได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอน ความแตกต่างในวิถีชีวิต ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม และการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยนำเยาวชนเข้าร่วมการอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ในหลักสูตรพื้นฐานและหลักสูตรผู้นำ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักธรรมคำสอนทางศาสนาที่ตนนับถือและต่างศาสนา เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม

โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ กรมการศาสนาได้รับความร่วมมือจากองค์การทางศาสนาทั้ง 5 ศาสนาได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ พร้อมทั้งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดในภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา จัดอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ หลักสูตรพื้นฐาน ภายใต้แนวคิด “The Green Religion” ระหว่างวันที่ 5 – 9 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรม Eco Hotel by Thammasat อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยให้เยาวชนต่างศาสนาได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เรียนรู้วัฒนธรรม ความแตกต่าง ความเชื่อ ความศรัทธาอย่างเคารพซึ่งกันและกัน พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น
1. กิจกรรมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ประกอบด้วยกิจกรรมที่ออกแบบเพื่อการละลายพฤติกรรม สร้างความคุ้นเคยระหว่างศาสนา เสริมสร้างทักษะด้านการทำงานเป็นทีม ความพร้อมเพียง การเรียนรู้นิสัยใจคอ และการไว้วางใจซึ่งกันและกัน
2. กิจกรรมฐานการเรียนรู้ (Walk Rally)ประกอบด้วย ฐานศาสนาพุทธ ฐานศาสนาอิสลาม ฐานศาสนาคริสต์ ฐานศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ฐานศาสนาซิกข์ ฐานมารยาทไทย และฐานการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีทั้งความสนุกสนาน และการสอดแทรกความรู้ด้านหลักธรรมและข้อปฏิบัติทางศาสนาการฝึกปฏิบัติมารยาทไทยและมารยาทด้านอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม และการเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีม ทั้งการวางแผนและการสื่อสาร
3. กิจกรรมทัศนศึกษาศาสนสถาน จำนวน 4 แห่ง คือ พระพุทธศาสนา : วัดญาณสังวราราม, ศาสนาอิสลาม : มัสยิดดารุ้ลอิบาดะห์, ศาสนาคริสต์ : โบสถ์พระมหาไถ่ และศาสนาซิกข์ : วัดซิกข์ พัทยา
เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการอบรมได้เรียนรู้หลักปฏิบัติในการเข้าศาสนสถาน รวมถึงเรียนรู้สถาปัตยกรรม พิธีกรรม ความเชื่อ และประเพณีของแต่ละศาสนา
4. กิจกรรมระดมความคิด Hackathonเป็นการระดมความคิด นำข้อมูลและสิ่งที่ได้รับจากการทัศนศึกษามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันในชุมชน โดยจะนำไปต่อยอดและขยายผลให้แก่บุคคลในชุมชนได้
5. กิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับ สถาบันหลักของชาติ และส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากประสบการณ์จริง จากกิจกรรมเปิดประสบการณ์นั่งรถสะเทินน้ำสะเทินบก ปลูกป่าชายเลนและฐานโครงการให้ความรู้ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว
6. กิจกรรม “เสริมพลังความคิดและพฤติกรรมเชิงบวก” ฝึกทักษะการเป็นผู้นำการวางแผน และการฟัง ผ่านเกมเป็ดมรณะ
7. กิจกรรม 1 เดียว คือ ศาสนิกสัมพันธ์ สลายความเป็น “พวกฉัน – พวกเธอ” ให้เป็น “พวกเรา” โดยการนำผ้าพันคอของผู้เข้ารับการอบรมทุกกลุ่มที่เป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งกลุ่มในการทำกิจกรรมมาผูกต่อกันเป็นคำว่า “ศาสนิกสัมพันธ์”
8. กิจกรรมราตรีสมานฉันท์ ในช่วงภาคค่ำคืนสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ มีการเปิดให้ผู้เข้าร่วมได้สร้างสรรค์การแสดงทางวัฒนธรรมในมิติศาสนา รวมไปถึงกิจกรรมสันทนาการ และช่วงเวลาแห่งการแบ่งปันความรู้สึกที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ
9. กิจกรรมนำเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ที่ได้รับจากค่าย ที่จะจัดขึ้นในวันสุดท้ายของโครงการอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พร้อมทั้งกิจกรรมการมอบรางวัลแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการศาสนาได้ให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ให้แก่เยาวชนแต่ละศาสนาได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่าง เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง และดำเนินการจัดอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์มาตลอดทุกปี เว้นการอบรมไปช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยเยาวชนที่เข้าการอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ เป็นเยาวชนจากส่วนกลางและจังหวัดในภาคใต้ รวมทั้งเยาวชนที่สมัครเข้าร่วมผ่านช่องทางออนไลน์ อายุระหว่าง 15 – 17 ปี ครูพี่เลี้ยง ผู้แทนองค์การศาสนา เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดในภาคใต้ และเจ้าหน้าที่จากกรมการศาสนา รวม 150 คน
อธิบดีกรมการศาสนา (อศน.) กล่าวทิ้งท้ายว่าเยาวชนที่ผ่านการอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ ซึ่งกรมการศาสนาและองค์การทางศาสนา มีความเชื่อมั่นว่า เยาวชนจะได้รับการปลูกฝังจิตสำนึกแห่งความเคารพซึ่งกันและกันในความแตกต่างหลากหลายด้านเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และวิถีชีวิต พร้อมทั้งส่งเสริมบทบาทของเยาวชนในการเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความสงบสุข สันติ และยั่งยืนในอนาคต.-สำนักข่าวไทย612