11 ต.ค. – กระทรวงแรงงาน แจงด่วนหลังมีกระแสร้องเรียน แรงงานไทยในอิสราเอลบางส่วนถูกนายจ้างขายต่ออีกทอด เผยตามกฎหมายอิสราเอล การส่งต่อให้นายจ้างรายใหม่ถือว่าทำได้ ไม่เป็นความผิดและไม่ผิดกฎหมายแรงงาน
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงแรงงานไทยในอิสราเอลร้องเรียนมายังเพจต่างๆ ว่าถูกนายจ้างนำไปขายต่อให้กับนายจ้างรายอื่น และกล่าวว่าเป็นการซื้อขายแรงงานนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังทูตแรงงานที่กรุงเทลอาวีฟแล้ว พบว่าตามกฎหมายของประเทศอิสราเอลถือว่าทำได้ การส่งต่อไปให้กับนายจ้างรายใหม่ไม่ถือเป็นความผิด และไม่ผิดกฎหมายแรงงาน
“วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้สั่งการให้ทูตแรงงานที่กรุงเทลอาวีฟ ลงพื้นที่ออกไปเยี่ยมแรงงานไทยที่จุดอพยพ ซึ่งมีแรงงานย้ายออกมาจากโมชาฟ จำนวน 42 คน เพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจและรับลงทะเบียนแรงงานที่ประสงค์กลับประเทศไทย จำนวน 25 คน และมีขอย้ายงาน 4 คน ที่เหลือยังอยู่กับนายจ้างเดิม นอกจากนี้ยังได้ชี้แจงให้ทราบเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์จากเงินกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รวมถึงเจรจากับนายจ้างเรื่องเงินเดือนค้างจ่าย และเงินปิชูอิมของแรงงาน ทั้งนี้ คาดว่าแรงงานทั้ง 25 คน จะได้เดินทางกลับประเทศไทย วันที่ 18 ตุลาคม 2566 นี้”
ในส่วนของความคืบหน้าสถานการณ์ของแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอลนั้น ล่าสุดเมื่อวานนี้ (10 ต.ค.) มีรายงานแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 13 ราย เป็นชายทั้งหมด มีอาการหนัก 2 ราย ส่วนรายอื่นออกมาพักฟื้นที่แคมป์คนงานนายจ้าง ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต 20 รายนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบยืนยัน และมีแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันอีก 14 ราย ในส่วนของผู้ที่แจ้งความประสงค์เดินทางกลับประเทศไทยนั้นเพิ่มเป็น 5,205 คน ทั้งนี้ แรงงานกลุ่มแรก จำนวน 15 คน ที่จะเดินทางกลับถึงไทยในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ กระทรวงแรงงานจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าดูแล ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่ออำนวยความสะดวก เกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียน การได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ตลอดจนสิทธิประกันสังคมต่างๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดตามภูมิลำเนาที่แรงงานอาศัยอยู่มารับเดินทางกลับต่อไป. -สำนักข่าวไทย