สพฉ.แจงรวมเบอร์ 1669 กับ 191 ส่งต่อข้อมูลได้เร็วขึ้น

3 ต.ค. – สพฉ.แจงกรณีรวมเบอร์สายด่วนฉุกเฉิน 1669 เปลี่ยนไปใช้เบอร์ 191 ยันระบบใหม่จะส่งต่อข้อมูลรวดเร็วขึ้น-โชว์พิกัดผู้แจ้ง


ร.อ.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงการควบรวมหมายเลขฉุกเฉิน 1669 ไปใช้หมายเลขฉุกเฉิน 191 ร่วมกับตำรวจ ก่อนอื่นขอชี้แจงว่า สพฉ.ไม่ได้มีการยุบ 1669 ตามที่บางสื่อใช้คำว่ายุบ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด แต่เป็นการพัฒนายกระดับสายด่วน 1669 ให้บริการประชาชนได้สะดวกขึ้น

ส่วนความคืบหน้า ยังไม่ทราบทางฝั่งตำรวจชัดเจนว่าอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว แต่ในระหว่างนี้ทางฝั่งของ สพฉ.ก็มีการพัฒนาระบบให้เป็นดิจิทัลเพื่อรอการไปเชื่อมกับ 191ในอนาคต ย้ำว่าปัจจุบันการดำเนินการ ศูนย์ฯ 1669 ยังมีอยู่ทั่วประเทศเหมือนเดิมอย่างกว่า 80 ศูนย์ และมีหน่วยบริการที่ให้บริการประชาชนก็ยังมีเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างเมื่อมีการพัฒนาระบบ คือจะทำให้หน่วยต่างๆ และผู้ปฏิบัติงานให้เป็นดิจิทัล


เลขาฯ สพฉ. กล่าวด้วยว่าหากเริ่มดำเนินการรวมหมายเลขฉุกเฉินแล้ว จะต้องโทรเข้า 191 เป็นอันดับแรก เพื่อคัดกรองก่อน หากเป็นเรื่องฉุกเฉินทางการแพทย์ ก็จะส่งต่อมาที่ 1669 โดยจะมีบุคคลากรผู้รับสายที่ผ่านการอบรมเฉพาะ จะเป็นผู้ที่มีพื้นฐานความรู้ สามารถแยกแยะสายได้ หากเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ป่วยเกี่ยวข้องก็อาจจะส่งเรื่องไปทางตำรวจ หากมีผู้ป่วยก็จะต้องส่งเรื่องมาที่การแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ซึ่งเมื่อรับเรื่อง ก็ทำงานตามแนวปฎิบัติตามปกติ จะมีการคัดกรองคัดแยกคนไข้ฉุกเฉินเพื่อที่จะส่งหน่วยที่เหมาะสมอาจเป็นทางบกทางน้ำ ทางอากาศ เฮลิคอปเตอร์ มองว่านี่เป็นเรื่องการวางแผนสู่อนาคต ซึ่งประเทศไทยกำลังวางแผนในการพัฒนาให้ดีขึ้น

เลขาฯ สพฉ.ย้ำว่าระยะเวลาการให้บริการก็ยังจะคงรวดเร็ว หรือเร็วขึ้น อย่างในปัจจุบันการโทรไปยังหน่วยรับแจ้ง 1669 ก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ในการส่งรถ ส่งทีมออกไปยังผู้แจ้ง หากเป็นคนไข้สีแดงทีมที่ออกไปจะต้องไปถึงคนไข้ภายใน 8 นาที หากเป็นคนไข้สีเหลืองหรือสีเขียวก็อาจจะใช้เวลานานกว่านั้น 15 นาที 20 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอาการคนไข้ ซึ่งในอนาคตระบบใหม่จะพัฒนาให้สามารถแสดงพิกัดที่ต้นทางแจ้งเรื่องทันที ไม่ต้องเสียเวลาสอบถามเส้นทางและพิกัด เช่นเดียวกับในหลายประเทศทั่วโลกใช้แนวทางนี้

ทั้งนี้ จากข้อมูลการโทรสายด่วน 1669 อยู่ที่ประมาณ 6 ล้านครั้งต่อปี ส่วน 191 อยู่ที่ประมาณ 5 ล้านครั้งต่อปี โดยจากสถิติ ในจำนวนในจำนวนสายที่โทรมาที่ 1669 จำนวน 6 ล้านครั้งต่อปีนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน 1 ใน 3 หรือประมาณ 2 ล้านครั้ง ที่เหลือยังมีการโทรเข้ามาหลายเรื่อง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องผู้ป่วย เช่น แจ้งเหตุรถเสีย งูเข้าบ้าน ถามร้านอาหารอร่อย sex phone โทรเข้ามาก่อกวน ซึ่งทำให้รบกวนสายของผู้ที่ต้องการจะขอความช่วยเหลือด้านการแพทย์จริงๆ โดยหวังว่าหากมีการพัฒนาระบบที่จะเห็นพิกัดของผู้แจ้งก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาผู้ที่โทรมาก่อกวนได้บ้าง ย้ำว่าการพัฒนาระบบตามแผนทั้งหมดนี้เป็นการพัฒนาเพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]