ตรวจเข้มรถควันดำต้นตอฝุ่นจิ๋ว หากเกินมาตรฐานหยุดใช้ทันที

กรุงเทพฯ 7 ก.พ. – กทม. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเข้มรถควันดำรถบรรทุกขนส่งสินค้า ที่เป็นต้นตอของปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เขตคลองเตย กรุงเทพฯ หากเกินมาตรฐานหยุดใช้ทันที


นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการ ร่วมตรวจวัดควันดำรถยนต์ รถบรรทุกขนส่งสินค้า ณ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งกรุงเทพมหานคร โดย กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตคลองเตย ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กรมการขนส่งทางบก และงานตรวจพิสูจน์มลภาวะ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร (กก.5บก.จร.) ตั้งจุดตรวจวัดควันดำรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทน้ำมันดีเซล และเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ การท่าเรือแห่งประเทศไทย บริเวณจุดประตูเขื่อนฝั่งตะวันออก (ฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจนครบาลการท่าเรือ) เขตคลองเตย

นายพรพรหม เปิดเผยว่า บริเวณการท่าเรือฯ มีรถบรรทุกขนส่งสินค้าเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการเฝ้าระวังค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากต้นตอ ไม่ให้เกินมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตั้งจุดตรวจควันดำรถบรรทุกในวันนี้ ซึ่งจากข้อมูลที่ได้จะมีรถเข้าออกการท่าเรือฯ วันละหลักร้อยถึงพันคัน การงดใช้รถควันดำเกินค่ามาตรฐานจะช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้อีกทาง


ซึ่งในการตรวจรถควันดำนั้นจะมี 3 พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง คือ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก ของกรมการขนส่งทางบก พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ของกรมควบคุมมลพิษ และพระราชบัญญัติจราจรทางบก ของตำรวจ สำหรับรถที่มีควันดำเกินค่ามาตรฐานต้องหยุดใช้รถชั่วคราวและนำรถไปปรับปรุงให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนแล้วนำรถไปตรวจสภาพอีกครั้งว่ามีค่าควันดำไม่เกินตามที่กำหนดไว้ ซึ่งหากผ่านเกณฑ์ที่กำหนดแล้วจึงจะสามารถนำรถกลับมาใช้ได้

โดยกรมการขนส่งทางบกจะเป็นผู้ตรวจรถบรรทุก ซึ่งหากพบรถค่าควันดำเกินมาตรฐาน จะมีการออกหนังสือระงับการใช้รถ และพ่นเครื่องหมาย “ห้ามใช้” ไว้ที่กระจกหน้ารถ และต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท โดยหากเจ้าของรถจะใช้รถคันดังกล่าวอีกจะต้องนำรถไปปรับปรุงให้ได้ค่ามาตรฐานตามที่กำหนด แล้วนำรถเข้าตรวจสภาพที่ สำนักงานขนส่ง หรือสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ทั่วประเทศได้ทุกจังหวัด ทุกสาขาที่สะดวก เมื่อผลการตรวจว่าผ่านเกณฑ์แล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการลบ เครื่องหมาย “ห้ามใช้” ออก และยกเลิกคำสั่งห้ามใช้รถ จากนั้นสามารถนำรถกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่หากมีการฝ่าฝืนนำรถไปใช้โดยที่ยังไม่มีการแก้ไข แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบอีกครั้งจะระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.5บก.จร. และกรมควบคุมมลพิษ จะเป็นผู้ตรวจรถยนต์ดีเซลส่วนบุคคล หากตรวจพบว่ามีควันดำเกินค่ามาตรฐาน จะติดสติ๊กเกอร์ “ห้ามใช้ชั่วคราว” ระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (โดยต้องจ่ายค่าปรับภายใน 7 วัน) ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 และให้นำรถไปแก้ไขปรับปรุงภายใน 30 วัน จากนั้นนำรถเข้าตรวจสภาพได้ที่ สำนักงานขนส่งทุกจังหวัด ทุกสาขา หรือด่านตรวจควันดำในพื้นที่กรุงเทพฯ และกรมควบคุมมลพิษ เมื่อผลตรวจว่าค่าควันดำไม่เกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ และสามารถนำรถกลับมาใช้งานได้ หากมีการฝ่าฝืนนำรถที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานและมีคำสั่ง “ห้ามใช้ชั่วคราว” มาใช้โดยที่ยังไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องจะมีความผิดระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]