โผล่หลายจังหวัด เร่งตรวจสอบเสาไฟประติมากรรม

ภูมิภาค 18 มิ.ย. – หน่วยงานเข้าตรวจสอบการจัดสร้างเสาไฟประติมากรรมหลายพื้นที่ ที่ระยองพบอีก เสาไฟกินรี ใช้งบเกือบ 35 ล้านบาท ที่กาญจนบุรี ป.ป.ช เก็บข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง 13 อำเภอ พบเสาไฟรูปช้างและกามเทพ ส่วนที่ประจวบฯ เสาไฟสับปะรดกว่า 300 ต้น ถูกทิ้งร้าง ด้าน สตง.สมุทรปราการ ลงพื้นที่สอบเสาไฟกินรี อบต.ราชาเทวะ เผยจุดไหนประชาชนสงสัย ทยอยสอบทั้งหมด


โผล่อีก ร้องสอบเสาไฟกินรี เทศบาลตำบลเชิงเนิน จ.ระยอง
ชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลเชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ออกมาร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเสาไฟฟ้าแสงสว่างประติมากรรมกินรี ที่ติดตั้งเรียงรายริมถนนพัฒนาประเสริฐ ในหมู่ 3, 4, 6 และหมู่ 7 ต.เชิงเนิน กว่า 300 ต้น พบว่าใช้งบประมาณจัดสร้างเกือบ 35 ล้านบาท ในช่วงแรกก่อสร้างเมื่อปีงบประมาณ 2557 ในพื้นที่หมู่ 3 และ 4 ใช้งบประมาณ 22.9 ล้านบาท ระยะทาง 1 กิโลเมตรครึ่ง มีเสาไฟฟ้าส่องสว่าง จำนวน 150 ต้น เฉลี่ยต้นละ 1.5 แสนบาท ส่วนการสร้างในระยะที่ 2 ระยะทาง 2 กิโลเมตรเศษ ในหมู่ 4 และหมู่ 6, 7 ใช้งบประมาณ 11.8 ล้านบาท ใช้เสาไฟฟ้าแสงสว่าง จำนวน 180 ต้น ราคาเฉลี่ยต้นละ 66,000 บาท

ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดการก่อสร้างทั้ง 2 ระยะ ที่ระยะเวลาห่างกัน 3 ปี จึงมีราคาถูกลงต่างกันครึ่งต่อครึ่ง ทั้งที่ขนาดเสามีความสูงเท่ากัน คือเป็นเสาสแตนเลส สูงประมาณ 7 เมตร บนยอดเสามีรูปกินรี และติดโคมไฟฟ้าส่องสว่างเหมือนกัน


ชาวบ้านยังให้ข้อมูลด้วยว่า ไฟส่องสว่างบางช่วงไม่ได้เปิดใช้งาน บางช่วงมีแสงสว่างไม่เพียงพอ จึงอยากเรียกร้องขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณในการสร้างเสาไฟฟ้าส่องสว่างประติมากรรมกินรีของเทศบาลตำบลเชิงเนิน ว่าได้จัดซื้อจัดจ้างในราคาที่เหมาะสมหรือไม่ และสร้างแล้วเกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่นจริงหรือไม่

ป.ป.ช.กาญจนบุรี ลงพื้นที่สอบเสาไฟประติมากรรม

ส่วนที่ จ.กาญจนบุรี ป.ป.ช.กาญจนบุรี ลงพื้นที่สังเกตการณ์โครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี ตามโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ โดยตั้งแต่ 15-17 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี แล้ว 13 อำเภอ เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการณ์จัดทำรายงานข้อเสนอแนะให้ส่วนราชการในจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการอย่างระมัดระวังและถูกต้องตามระเบียบ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างเสาไฟฟ้าส่องสว่างประติมากรรมรูปต่างๆ ซึ่งพบว่ามีหลายพื้นที่ เช่นที่ เทศบาลท่าม่วง ตรวจสอบพบว่ามีการจัดทำโครงการเสาไฟประติมากรรมรูปช้าง โครงการมูลค่าถึง 10 ล้านบาท ซึ่งทางเทศบาลชี้แจงว่าเป็นโครงการถนนเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นถนน 1 อำเภอ 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ


น.ส.สุนันทา จำปาเงิน ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า แม้ทางเทศบาลจะอ้างว่าการก่อสร้างเสาไฟส่องสว่าง เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ แต่ก็ต้องดูให้เหมาะสม จากการตรวจสอบโครงการนี้ใช้งบประมาณไป 10 ล้านบาท

ขณะที่พื้นที่ อ.ท่ามะกา พบโครงการก่อสร้างเสาไฟฟ้าประติมากรรมรูปกามเทพ ของเทศบาลตำบลหวายเหนียว ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเมื่อปี 2549 เพื่อก่อสร้างถนน คสล. พร้อมลดระดับบ่อพักฝาตะแกรงเหล็ก และติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง งบประมาณทั้งสิ้น 9,076,000 บาท โดยมีเนื้องานทั้งหมด 3 งาน ได้แก่ งานก่อสร้างถนน คสล. ยาว 470 เมตร งานลดระดับบ่อพักฝา คสล. พร้อมทำฝาตระแกรงเหล็ก 47 บ่อ และงานก่อสร้างไฟฟ้าแสงสว่างรูปกามเทพ จำนวน 62 ชุด ประกอบด้วย มูลค่าเสาไฟพร้อมกามเทพ สายไฟ ท่อ PE รวมเฉลี่ยชุดละ 65,139.13 บาท รวมเงินค่าสร้างเสาไฟทั้งสิ้น 4,038,626 บาท จากการตรวจสอบสภาพเสาไฟชำรุดทรุดโทรม โคมไฟเสียหายบางส่วน เนื่องจากใช้งานมานาน 15 ปีแล้ว

นายช่างเทศบาลตำบลหวายเหนียว ชี้แจงว่า ปัจจุบันจะใช้ไฟส่องสว่างอีกฝั่งหนึ่งของถนนเป็นหลัก ส่วนเสาไฟประติมากรรมจะมีการซ่อมแซมและเปลี่ยนหลอดไฟ เพราะวัสดุบางอย่างปัจจุบันหาซื้อได้ยาก จึงทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมได้เหมือนของเดิมทั้งหมด เบื้องต้น ป.ป.ช. จังหวัดกาญจนบุรี และสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 7 อยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอผู้บังคับดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ฝากถึงประชาชนที่พบเห็นเสาไฟฟ้าประติกรรมในพื้นที่ของตนเอง สามารถแจ้งข้อมูลเบื้องต้นมาได้ทางเพจเฟซบุ๊กสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี หรือโทรศัพท์หมายเลข 034 -511300 -2

ชาวประจวบฯ ร้องสอบเสาไฟสับปะรดถูกทิ้งร้าง

นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องเรียนการใช้งบพัฒนาจังหวัดของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบฯ มากกว่า 50 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บนเขาช่องกระจก และด้านหน้าศาลากลางจังหวัด หลังจากประชาชนและนักท่องเที่ยวร้องเรียนปัญหาการใช้งบประมาณจากงบดังกล่าว

จากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีงบประมาณบำรุงรักษาและซ่อมแซม โดยเฉพาะโคมไฟรูปสับปะรดในสวนสาธารณะหน้าศาลากลางหลังใหม่ ไม่สามารถใช้การได้ทั้งหมด ไม่มีหน่วยราชการใดจัดงบซ่อมแซม เนื่องจากพื้นที่รอบเขาช่องกระจกยังไม่มีหน่วยงานใดรับเป็นเจ้าของพื้นที่ นอกจากนี้ พบว่าโคมไฟรูปสับปะรดที่ติดตั้งริมถนนเสียบชายหาด รอบอ่าวประจวบฯ ความยาวหลายกิโลเมตร ซึ่งมีมากกว่า 300 ต้น ชำรุดเสียหาย บางช่วงใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเสาไฟส่องสว่างขนาดใหญ่ หรือเสาไฟไฮเมส ชำรุดเสียหายไม่สามารถใช้การได้นานกว่า 5 ปี

ด้านนายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบ เปิดเผยว่า ตนเองยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัด เนื่องจากเพิ่งได้รับคัดเลือกให้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเป็นปีแรก แต่ในเบื้องต้นโครงการดังกล่าวเป็นของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบฯ ซึ่งมีหลายโครงการ และบางโครงการเทศบาลก็ได้มีการรับมาดูแล แต่ไม่มีงบประมาณในการดูแลซ่อมบำรุง แต่ก็พยายามเข้าไปดูแลซ่อมแซม เพื่อให้สามารถใช้งานได้ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการประสานพูดคุยกับโยธาธิการและผังเมืองประจวบฯ รวมถึงคณะผู้บริหารเทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาและซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

สตง.ลงพื้นที่สอบเสาไฟกินรี อบต.ราชาเทวะ

เจ้าหน้าที่ สตง.สมุทรปราการ ลงพื้นที่ตรวจสอบเสาไฟกินรี ระบบโซลาร์เซลล์ ที่ อบต.ราชาเทวะ ซึ่งเป็นโครงการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างปี 2562-2564 ใช้งบประมาณรวมกว่า 642 ล้านบาท โดยมีเจ้าหน้าที่ อบต.ราชาเทวะ พาลงพื้นที่ด้วย

จุดแรกที่เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ คือ บริเวณถนนปูนเลียบคลองหนองงูเห่า ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีลักษณะการติดตั้งเสาใช้แผ่นเหล็กยึดกับสะพานปูน เช่นเดียวกับการติดตั้งเสาในซอยกิ่งแก้ว 1 โดยเจ้าหน้าที่สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดสมุทรปราการมีการนับจำนวนเสาที่ติดตั้ง วัดระยะห่างระหว่างเสาแต่ละต้น รวมถึงความกว้างความหนาของฐานเสา และระยะเส้นรอบวงเสากินนารี

นายบุญแท้ วงศ์กรนาวิน ผู้อำนวยการสำนักตรวจเงินแผ่นดิน จังหวัดสมุทรปราการ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่าผู้ที่จะให้ข้อมูลได้คือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินส่วนกลาง ซึ่ง สตง.สมุทรปราการ จะต้องสรุปข้อมูลส่งให้ และหลังจากนี้จะมีการสุ่มลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่าเสาไฟที่ติดตั้งได้มาตรฐานหรือไม่ โดยจุดที่ประชาชนและสื่อมวลชนมีการตั้งข้อสงสัย สตง.จะทยอยตรวจสอบทั้งหมด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย