โผล่หลายจังหวัด เร่งตรวจสอบเสาไฟประติมากรรม

ภูมิภาค 18 มิ.ย. – หน่วยงานเข้าตรวจสอบการจัดสร้างเสาไฟประติมากรรมหลายพื้นที่ ที่ระยองพบอีก เสาไฟกินรี ใช้งบเกือบ 35 ล้านบาท ที่กาญจนบุรี ป.ป.ช เก็บข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง 13 อำเภอ พบเสาไฟรูปช้างและกามเทพ ส่วนที่ประจวบฯ เสาไฟสับปะรดกว่า 300 ต้น ถูกทิ้งร้าง ด้าน สตง.สมุทรปราการ ลงพื้นที่สอบเสาไฟกินรี อบต.ราชาเทวะ เผยจุดไหนประชาชนสงสัย ทยอยสอบทั้งหมด


โผล่อีก ร้องสอบเสาไฟกินรี เทศบาลตำบลเชิงเนิน จ.ระยอง
ชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลเชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ออกมาร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเสาไฟฟ้าแสงสว่างประติมากรรมกินรี ที่ติดตั้งเรียงรายริมถนนพัฒนาประเสริฐ ในหมู่ 3, 4, 6 และหมู่ 7 ต.เชิงเนิน กว่า 300 ต้น พบว่าใช้งบประมาณจัดสร้างเกือบ 35 ล้านบาท ในช่วงแรกก่อสร้างเมื่อปีงบประมาณ 2557 ในพื้นที่หมู่ 3 และ 4 ใช้งบประมาณ 22.9 ล้านบาท ระยะทาง 1 กิโลเมตรครึ่ง มีเสาไฟฟ้าส่องสว่าง จำนวน 150 ต้น เฉลี่ยต้นละ 1.5 แสนบาท ส่วนการสร้างในระยะที่ 2 ระยะทาง 2 กิโลเมตรเศษ ในหมู่ 4 และหมู่ 6, 7 ใช้งบประมาณ 11.8 ล้านบาท ใช้เสาไฟฟ้าแสงสว่าง จำนวน 180 ต้น ราคาเฉลี่ยต้นละ 66,000 บาท

ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดการก่อสร้างทั้ง 2 ระยะ ที่ระยะเวลาห่างกัน 3 ปี จึงมีราคาถูกลงต่างกันครึ่งต่อครึ่ง ทั้งที่ขนาดเสามีความสูงเท่ากัน คือเป็นเสาสแตนเลส สูงประมาณ 7 เมตร บนยอดเสามีรูปกินรี และติดโคมไฟฟ้าส่องสว่างเหมือนกัน


ชาวบ้านยังให้ข้อมูลด้วยว่า ไฟส่องสว่างบางช่วงไม่ได้เปิดใช้งาน บางช่วงมีแสงสว่างไม่เพียงพอ จึงอยากเรียกร้องขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณในการสร้างเสาไฟฟ้าส่องสว่างประติมากรรมกินรีของเทศบาลตำบลเชิงเนิน ว่าได้จัดซื้อจัดจ้างในราคาที่เหมาะสมหรือไม่ และสร้างแล้วเกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่นจริงหรือไม่

ป.ป.ช.กาญจนบุรี ลงพื้นที่สอบเสาไฟประติมากรรม

ส่วนที่ จ.กาญจนบุรี ป.ป.ช.กาญจนบุรี ลงพื้นที่สังเกตการณ์โครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี ตามโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ โดยตั้งแต่ 15-17 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี แล้ว 13 อำเภอ เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการณ์จัดทำรายงานข้อเสนอแนะให้ส่วนราชการในจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการอย่างระมัดระวังและถูกต้องตามระเบียบ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างเสาไฟฟ้าส่องสว่างประติมากรรมรูปต่างๆ ซึ่งพบว่ามีหลายพื้นที่ เช่นที่ เทศบาลท่าม่วง ตรวจสอบพบว่ามีการจัดทำโครงการเสาไฟประติมากรรมรูปช้าง โครงการมูลค่าถึง 10 ล้านบาท ซึ่งทางเทศบาลชี้แจงว่าเป็นโครงการถนนเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นถนน 1 อำเภอ 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ


น.ส.สุนันทา จำปาเงิน ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า แม้ทางเทศบาลจะอ้างว่าการก่อสร้างเสาไฟส่องสว่าง เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ แต่ก็ต้องดูให้เหมาะสม จากการตรวจสอบโครงการนี้ใช้งบประมาณไป 10 ล้านบาท

ขณะที่พื้นที่ อ.ท่ามะกา พบโครงการก่อสร้างเสาไฟฟ้าประติมากรรมรูปกามเทพ ของเทศบาลตำบลหวายเหนียว ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเมื่อปี 2549 เพื่อก่อสร้างถนน คสล. พร้อมลดระดับบ่อพักฝาตะแกรงเหล็ก และติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง งบประมาณทั้งสิ้น 9,076,000 บาท โดยมีเนื้องานทั้งหมด 3 งาน ได้แก่ งานก่อสร้างถนน คสล. ยาว 470 เมตร งานลดระดับบ่อพักฝา คสล. พร้อมทำฝาตระแกรงเหล็ก 47 บ่อ และงานก่อสร้างไฟฟ้าแสงสว่างรูปกามเทพ จำนวน 62 ชุด ประกอบด้วย มูลค่าเสาไฟพร้อมกามเทพ สายไฟ ท่อ PE รวมเฉลี่ยชุดละ 65,139.13 บาท รวมเงินค่าสร้างเสาไฟทั้งสิ้น 4,038,626 บาท จากการตรวจสอบสภาพเสาไฟชำรุดทรุดโทรม โคมไฟเสียหายบางส่วน เนื่องจากใช้งานมานาน 15 ปีแล้ว

นายช่างเทศบาลตำบลหวายเหนียว ชี้แจงว่า ปัจจุบันจะใช้ไฟส่องสว่างอีกฝั่งหนึ่งของถนนเป็นหลัก ส่วนเสาไฟประติมากรรมจะมีการซ่อมแซมและเปลี่ยนหลอดไฟ เพราะวัสดุบางอย่างปัจจุบันหาซื้อได้ยาก จึงทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมได้เหมือนของเดิมทั้งหมด เบื้องต้น ป.ป.ช. จังหวัดกาญจนบุรี และสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 7 อยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอผู้บังคับดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ฝากถึงประชาชนที่พบเห็นเสาไฟฟ้าประติกรรมในพื้นที่ของตนเอง สามารถแจ้งข้อมูลเบื้องต้นมาได้ทางเพจเฟซบุ๊กสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี หรือโทรศัพท์หมายเลข 034 -511300 -2

ชาวประจวบฯ ร้องสอบเสาไฟสับปะรดถูกทิ้งร้าง

นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องเรียนการใช้งบพัฒนาจังหวัดของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบฯ มากกว่า 50 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บนเขาช่องกระจก และด้านหน้าศาลากลางจังหวัด หลังจากประชาชนและนักท่องเที่ยวร้องเรียนปัญหาการใช้งบประมาณจากงบดังกล่าว

จากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีงบประมาณบำรุงรักษาและซ่อมแซม โดยเฉพาะโคมไฟรูปสับปะรดในสวนสาธารณะหน้าศาลากลางหลังใหม่ ไม่สามารถใช้การได้ทั้งหมด ไม่มีหน่วยราชการใดจัดงบซ่อมแซม เนื่องจากพื้นที่รอบเขาช่องกระจกยังไม่มีหน่วยงานใดรับเป็นเจ้าของพื้นที่ นอกจากนี้ พบว่าโคมไฟรูปสับปะรดที่ติดตั้งริมถนนเสียบชายหาด รอบอ่าวประจวบฯ ความยาวหลายกิโลเมตร ซึ่งมีมากกว่า 300 ต้น ชำรุดเสียหาย บางช่วงใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเสาไฟส่องสว่างขนาดใหญ่ หรือเสาไฟไฮเมส ชำรุดเสียหายไม่สามารถใช้การได้นานกว่า 5 ปี

ด้านนายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบ เปิดเผยว่า ตนเองยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัด เนื่องจากเพิ่งได้รับคัดเลือกให้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเป็นปีแรก แต่ในเบื้องต้นโครงการดังกล่าวเป็นของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบฯ ซึ่งมีหลายโครงการ และบางโครงการเทศบาลก็ได้มีการรับมาดูแล แต่ไม่มีงบประมาณในการดูแลซ่อมบำรุง แต่ก็พยายามเข้าไปดูแลซ่อมแซม เพื่อให้สามารถใช้งานได้ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการประสานพูดคุยกับโยธาธิการและผังเมืองประจวบฯ รวมถึงคณะผู้บริหารเทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาและซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

สตง.ลงพื้นที่สอบเสาไฟกินรี อบต.ราชาเทวะ

เจ้าหน้าที่ สตง.สมุทรปราการ ลงพื้นที่ตรวจสอบเสาไฟกินรี ระบบโซลาร์เซลล์ ที่ อบต.ราชาเทวะ ซึ่งเป็นโครงการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างปี 2562-2564 ใช้งบประมาณรวมกว่า 642 ล้านบาท โดยมีเจ้าหน้าที่ อบต.ราชาเทวะ พาลงพื้นที่ด้วย

จุดแรกที่เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ คือ บริเวณถนนปูนเลียบคลองหนองงูเห่า ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีลักษณะการติดตั้งเสาใช้แผ่นเหล็กยึดกับสะพานปูน เช่นเดียวกับการติดตั้งเสาในซอยกิ่งแก้ว 1 โดยเจ้าหน้าที่สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดสมุทรปราการมีการนับจำนวนเสาที่ติดตั้ง วัดระยะห่างระหว่างเสาแต่ละต้น รวมถึงความกว้างความหนาของฐานเสา และระยะเส้นรอบวงเสากินนารี

นายบุญแท้ วงศ์กรนาวิน ผู้อำนวยการสำนักตรวจเงินแผ่นดิน จังหวัดสมุทรปราการ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่าผู้ที่จะให้ข้อมูลได้คือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินส่วนกลาง ซึ่ง สตง.สมุทรปราการ จะต้องสรุปข้อมูลส่งให้ และหลังจากนี้จะมีการสุ่มลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่าเสาไฟที่ติดตั้งได้มาตรฐานหรือไม่ โดยจุดที่ประชาชนและสื่อมวลชนมีการตั้งข้อสงสัย สตง.จะทยอยตรวจสอบทั้งหมด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]