27 ก.ค. – กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 บอมบ์ถล่มพื้นที่เป้าหมาย หลังทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่ 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วง พร้อมกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบก ปกป้องอธิปไตยของไทย
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊ก เพจกองทัพบก ระบุข้อความว่า กัมพูชายังมีการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้อาวุธ ยิงสนับสนุนระยะไกล ยิงเข้ามาในฝั่งไทย บริเวณหน้าแนวมีการปะทะในหลายจุดอย่างต่อเนื่อง พบมีอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลไปตกนอกเขตพื้นที่เป้าหมายทางทหารจำนวนมากในจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างเช่น จรวด และปืนใหญ่ ที่ยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องได้รับผลกระทบ หรือมีการสูญเสีย
และเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.68) เวลาประมาณ 15.30 น. กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชายังคงพุ่งเป้าใส่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านซำเม็ง ม.3 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับความเสียหายอย่างหนักที่ตัวอาคาร แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปก่อนแล้ว
อีกทั้งยังปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหว ว่าอาจมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพ เช่น PHL-03, RM 70, BM-21 ที่อาจมีแนวโน้มที่จะเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับฝ่ายกัมพูชา นั่นอาจแสดงถึงท่าทีของกัมพูชา ที่ฝ่ายไทยยังไม่สามารถไว้วางใจได้ โดยสถานการณ์ล่าสุดฝ่ายกัมพูชา ยังไม่หยุดโจมตีด้วยอาวุธ ทุกรูปแบบต่อฝ่ายไทย
กองทัพบกจะดำเนินการเต็มขีดความสามารถ เพื่อตอบโต้การรุกราน และยืนยันยังคงมุ่งเน้นต่อเป้าหมายทางทหาร ที่ส่งผลต่อภัยคุกคามทางทหาร และ ชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชนเท่านั้น ภายใต้กรอบกติกาสากลอย่างเหมาะสม เพื่อปกป้องรักษาอธิปไตยให้ได้อย่างดีที่สุด
สำหรับการปฏิบัติในวันที่ 27 ก.ค.68 ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.30 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้จรวดไม่ทราบชนิดจากที่ตั้งสนามบินกรุงสำโรง จำนวน 4 นัด ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนไทย 2 หลัง สัตว์เลี้ยง 5 ตัว
การปฏิบัติของฝ่ายไทยที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าควบคุมพื้นที่ตามแนวเส้นปฏิบัติการ 1: 50,000 บริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ซึ่งประเทศกัมพูชายังคงมีความพยายามในการเข้าพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ช่องตาเฒ่า ด้านหน้าเขาพระวิหาร และภูมะเขือ พื้นที่ช่องจอม ปราสาทตาควาย และ ปราสาทตาเมือน ซึ่งการรุกรานดังกล่าว อาจสร้างผลกระทบต่อประชาชนตามแนวชายแดน จากการยิงอาวุธที่ไม่มีรูปแบบ ไม่เป็นไปตามกฎการปะทะของฝ่ายกัมพูชา
ภาพรวมของสถานการณ์ ยังมีความตึงเครียดสูง และฝ่ายกัมพูชาอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหาร เพื่อสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายเราให้มากที่สุดในช่วงสุดท้ายก่อนการเจรจา โดยปัจจุบันได้มีประเทศเป็นกลางเสนอแนวทางในการยุติความขัดแย้งออกมาแล้วหลายประเภทโดยเฉพาะความเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
การอพยพประชาชน : สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน พื้นที่ตอนในทั้ง 4 จังหวัด ดังนี้ จ.บุรีรัมย์ 1 จุด 10,173 คน, จ.สุรินทร์ 71 จุด 40,736 คน, จ.ศรีสะเกษ 135 จุด 39,580 คน และ จ.อุบลราชธานี อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 76 จุด 16,588 คน
ปัจจุบันดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว 107,077 คน (เพิ่มขึ้น 9,646 คน)
ผลกระทบต่อประชาชน : พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่
- ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 3 ลูก,
- ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 16 ลูก,
- บ้าน.โสร์ ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 9 ลูก บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง (ประชาชน ไม่มีรายงานการสูญเสียต่อชีวิต) .-สำนักข่าวไทย