สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน
เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน
วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า จากการประเมินกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เชื่อว่า พื้นที่ยังปลอดภัยจากอาวุธที่ยิงสะเปะสะปะอย่างบีเอ็ม 21 ส่วนขีปนาวุธพิสัยไกล ไม่ได้เสี่ยงเฉพาะอำเภอปราสาท แต่ครอบคลุมไปหลายจังหวัด ซึ่งสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจมาโดยตลอด ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกังแอน ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พ่อค้าบางส่วนที่ยังไม่อพยพ ให้เหตุผลว่า ยังเชื่อมั่นในความปลอดภัย และยังเป็นทางเลือกด้านเสบียงอาหารให้กับประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่
ความแตกตื่นไม่ได้เกิดเฉพาะชาวอำเภอปราสาท แม้กระทั่งในตัวเมืองสุรินทร์ ก็มีชาวบ้านบางส่วนอพยพ โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้จุดยุทธศาสตร์สำคัญซึ่งอาจเป็นเป้าหมายการโจมตี ทำให้ทางจังหวัดสุรินทร์ต้องออกประกาศว่า พื้นที่ยังปลอดภัย ไม่มีคำสั่งให้อพยพ โดยจังหวัดและหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและมีแผนรองรับในทุกกรณี
พลตรีเกียรติศักดิ์ ถาวร เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 2 แถลงปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ในช่วงเที่ยงว่า เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมของสถานการณ์แล้ว ยังมีความตึงเครียดสูง และฝ่ายประเทศเพื่อนบ้าน อาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหาร เพื่อสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายเราให้มากที่สุดในช่วงสุดท้ายก่อนการเจรจา ยืนยันว่า จุดยืนของกองทัพ จะโจมตีฐานที่มั่นทางทหารของข้าศึกตามหลักสากลเท่านั้น
สำหรับการช่วยเหลือในแนวหลัง นอกจากธารน้ำใจจากคนไทยทั่วประเทศ ที่บริจาคผ่านศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆ แล้ว เครือข่ายนักธุรกิจที่พอมีกำลังก็ช่วยกันสนับสนุนเสบียงอาหารตั้งแต่วันแรกของเหตุปะทะ เช่น หจก.โรงเชือดสุกรต้นทอง ในตัวเมืองสุรินทร์ พร้อมเพื่อนนักธุรกิจทั้งในไทยและต่างแดน อาสาเป็นโรงครัว ตั้งแต่ตี 2 จนถึง 6 โมงเย็น แจกจ่ายข้าวกล่องไปยังพื้นที่ต่างๆ วันละหลายพันกล่อง สนับสนุนหมูสดให้โรงครัวพระพระราชทาน รวมทั้งลำเลียงอาหารไปยังแนวหน้า ทั้งทหาร และ ตชด. ที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยเคียงบ่าเคียงไหล่กัน บางห้วงเวลา จัดส่งเสบียงท่ามกลางเสียงปะทะจนต้องล่าถอยออกมา เจ้าของยืนยันว่า จะสนับสนุนภารกิจนี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยตอนนี้ต้องการแรงงานจิตอาสามาช่วยกันอีกเป็นจำนวนมาก
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของให้กับประชาชนที่รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชาด้านจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ โดยนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีผู้อพยพหญิง 1 ราย พยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชน หวังยิงคำถามคาใจต่อคนที่เธอคิดว่า เป็น 1 ในต้นเหตุของสถานการณ์ความตึงเครียด.-สำนักข่าวไทย
