เร่งคลี่ปมเด็ก 11 ขวบ เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก

พระนครศรีอยุธยา 31 ส.ค. – หลายฝ่ายเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเด็กหญิงวัย 11 ขวบ เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ด้านครอบครัวสงสัยมีการวัดไข้ก่อนฉีดวัคซีนหรือไม่ เพราะเด็กมีไข้สูงถึง 39 องศาฯ


เมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Surapot Sukkha” โพสต์ข้อความขอความเป็นธรรม พร้อมภาพงานศพลูกสาวและข้อความว่า “ลูกผมเสียชีวิตเนื่องจากไปโรงเรียนแล้วมีไข้ โดยโรงเรียนเอาหมอมาฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก โดยที่โรงเรียนไม่ตรวจวัดไข้ก่อนฉีดวัคซีน ทำให้ลูกผมเกิดอาการแน่นหน้าอก อาเจียน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งที่ไม่มีโรคประจำตัว รวมถึงแข็งแรงปกติ”

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยเดินทางไปที่วัดโพธิ์ทองหนองจิก หมู่ 4 ตำบลกะทุ่ม อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งตั้งสวดพระอภิธรรมศพ “น้องครีม” หรือ ด.ญ.อริสรา สุขขะ อายุ 11 ปี โดยพ่อแม่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ


นายสุรพจน์ สุขขะ และนางสาวรุ่งทิพย์ ทองพูน พ่อและแม่ของน้องครีม บอกว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังน้องครีมไปโรงเรียนและได้ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก แต่ขณะนั้นลูกสาวมีไข้ วัดตอนเช้า 39 องศาฯ จึงให้นอนพัก กระทั่งช่วงบ่าย 2 โมง จึงให้น้องครีมไปเข้าแถวฉีดวัคซีน จนช่วงเย็น อาของน้องครีมไปรับกลับบ้านตามปกติ ซึ่งน้องครีมอยู่กับอาและย่า เนื่องจากพ่อแม่ทำงาน กลับบ้านวันเสาร์-อาทิตย์ จากนั้นน้องครีมบ่นว่ามีอาการคลื่นไส้ เวียนหัว แน่นหน้าอก ซึ่งคิดว่ามีอาการป่วยธรรมดา จึงให้กินยาและนอนพัก พร้อมคอยถามอาการ กระทั่งเช้าวันเสาร์ลูกไปโรงเรียนตามปกติ แต่ช่วง 08.00 น. ครูได้กลับมาส่งที่บ้านและบอกว่าน้องครีมไม่สบายมาก จึงพาไปโรงพยาบาลมหาราช

จากนั้นแพทย์ได้ซักประวัติลูกสาว จึงบอกว่าโรงเรียนได้ฉีดวัคซีน จากนั้นแพทย์ตรวจอุณหภูมิ ไข้สูงถึง 39 องศาฯ และโรงพยาบาลได้เจาะเลือดตรวจวัดไข้เลือดออก แต่ผลออกมาก็ไม่พบ จึงจ่ายยาให้กลับมานอนพักฟื้นที่บ้าน แต่ปรากฏว่าน้องครีมอาเจียนไม่หยุดและแน่นหน้าอก กระทั่งประมาณเที่ยงคืนของวันเสาร์เข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ แม้พยายามเรียก แต่น้องครีมไม่ขานตอบ จึงเปิดเข้าไปดู พบลูกสาวสลบ จึงรีบพาส่งโรงพยาบาลมหาราช แม้ทีมแพทย์และพยาบาลพยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ เสียชีวิตในเวลา 02.00 น. ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวกะทันหัน และหลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับ ผอ.โรงเรียน แล้วว่าเหตุใดจึงไม่วัดไข้ก่อนฉีดวัคซีน แต่กลับไม่มีคำตอบให้

นายสุรพจน์บอกว่า หากยังไม่ได้รับความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงสาเหตุที่ลูกสาวเสียชีวิต จะไม่ยอมฌาปนกิจศพลูกสาวเด็ดขาด เบื้องต้นจะจัดพิธีสวดพระอภิธรรม 7 วัน และอาจฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน โดยพบเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคจากกรุงเทพฯ เดินทางเข้าพบกับนายไพรัตน์ นาคนุช เจ้าพนักงานสาธารณสุขอาวุโส เพื่อมาสอบถามข้อเท็จจริง เบื้องต้นผู้สื่อข่าวสอบถามนายไพรัชถึงกรณีว่ามีการวัดไข้ก่อนการฉีดวัคซีนหรือไม่ แต่นายไพรัชยังไม่ขอตอบ เพราะต้องเก็บข้อมูลก่อน


ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. นางสาวณัชญานุช สุดชาดี รอง ผอ.สพป.อยุธยา เขต 1 พร้อมนางสาวจินตนา จูงใจ ผอ.โรงเรียนวัดบางสงบ (กองวารีวิทยานุสรณ์) แถลงข่าวชี้แจงกรณีน้องครีมเสียชีวิตว่า การฉีดวัคซีนดำเนินการมาแล้ว 1 ครั้ง คือวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 ครั้งได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองมาก่อนแล้ว ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนครั้งแรกผ่านมาด้วยดี ส่วนการฉีดครั้้งที่ 2 ได้นัดมาเพื่อฉีดตามรอบใบนัดของแพทย์

โดยในเช้าวันที่ 28 สิงหาคม พบว่าน้องครีมมีอาการร่าเริงตามปกติ ไม่พบว่ามีอาการไข้ และรอจนกระทั่งช่วงบ่าย แพทย์ได้เข้ามาฉีดวัคซีน ก่อนปล่อยนักเรียนกลับบ้านในช่วงเย็น กระทั่งวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม ครูพบน้องครีมหน้าซีด จึงเข้าไปสอบถามและทราบว่าแน่นหน้าอก จึงช่วยนำส่ง รพ.สต.บางนา และมีการส่งกลับไปหาผู้ปกครอง กระทั่งทราบว่าเสียชีวิตที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในวันถัดมา ขณะนี้กำลังรอความชัดเจนจากการชันสูตรพลิกศพ สำหรับกรณีการวัดอุณหภูมินักเรียนก่อนฉีดวัคซีนด้วยหรือไม่นั้น ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้ชี้แจง

ด้านนายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ยังต้องรอการสอบสวนโรคจากกรมควบคุมโรคและผลการชันสูตรศพจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เบื้องต้นจากการตรวจสอบวัคซีนพบว่าในวัคซีน 1 ขวด สามารถฉีดได้ 5 คน และในขวดของวัคซีนเด็กหญิงที่เสียชีวิต พบว่ามีการฉีดในเพื่อนอีก 4 คน และไม่พบปัญหา ยืนยันว่า สปสช. ยังไม่มีแนวคิดเรื่องการระงับการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกในเด็ก จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกมีการพิจารณาคัดเลือกวัคซีนที่มีความปลอดภัย และผู้รับวัคซีนต้องรับต่อเนื่อง 2 เข็ม ซึ่งเด็กหญิงที่เสียชีวิตผ่านการรับวัคซีนในเข็มที่ 1 ไปแล้ว และไม่พบปัญหา

ด้านแพทย์หญิงสุชาดา เจียมศิริ ผอ.กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงผลการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตว่า ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่ซักประวัติผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเมินคุณภาพวัคซีนที่ให้ว่ามีห่วงโซ่ความเย็นและการเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เบื้องต้นพบวัคซีนมีประสิทธิภาพดี และข้อมูลต่างๆ จะถูกนำมาประกอบการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับผลการชันสูตรศพ เพื่อพิจารณาว่าการรับวัคซีนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่ โดยคาดว่าภายใน 2-3 สัปดาห์ จะทราบผล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]