บึงกาฬ 10 เม.ย.- ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ แถลงปิดคดีโจ๋บุกยิงอริภายในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลปากคาด 4 นัด จนเสียชีวิต หลังจับกุมมือยิงพร้อมพวกรวม 3 คน ด้านมือยิงเอ่ยปากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต อ้างโกรธที่ถูกทำร้าย
นาทีที่นายบุญญฤทธิ์ หรือ บิว มือปืน เดินเข้ามาที่รพ.ปากคาด โดยพุ่งตรงไปหานายสุริยชัย (ผู้เสียชีวิต) ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเจ้าหน้าที่กำลังเข็ญเตียงเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพื่อทำการรักษาบาดแผลถูกตีที่หัว จังหวะนั้น นายบุญญฤทธิ์ ชักปืนออกมา แล้วจ่อยิงนายสุริยชัย 2 ครั้ง แต่กระสุนขัดลำกล้อง นายบุญญฤทธิ์ จึงวิ่งหนีออกไป ท่ามกลางความมึนงงของเจ้าหน้าที่ จากนั้นประมาณ 30 วินาทีต่อมา ระหว่างเจ้าหน้าที่เข็นนายสุริยชัย เข้าไปในห้องฉุกเฉิน นายบุญญฤทธิ์ ก็ถือปืนวิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง และตามเข้าไปยิงนายสุริยชัยในห้องฉุกเฉิน นายสุริยชัยพยายามหลบแต่ไม่พ้น ถูกยิง 4 นัด จนเสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหญิง 2 คนต่างตกใจกลัว วิ่งหนีเอาชีวิตรอด
คดีเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ ตี 1 ของวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ ตำรวจระดมกำลังล่านายบุญญฤทธิ์ จนสามารถจับกุมตัวได้ขณะรักษาตัวที่ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ตำรวจแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืนไปในทาง หมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมจับกุมนายชลิต หรือก้อง อายุ 20 ปี ผู้พามือยิงหลบหนี นายประวิทย์ หรือทัช อายุ 26 ปี ผู้ขับรถพาไปก่อเหตุ
ล่าสุด วันนี้ พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ แถลงปิดคดีภายหลังจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมของกลางอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นปืน ขนาด 9 มม.ยี่ห้อกล็อก-19 รถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนี และรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะเดินทางไปก่อเหตุที่โรงพยาบาลปากคาด
พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ เผยว่าก่อนบุกยิงในโรงพยาบาลผู้ก่อเหตุกัลกลุ่มผู้ตาย ทะเลาะวิวาทกันที่กันที่ ร้านอาหารสถานีปากคาด ซึ่งผู้ตายถูกตีที่หัว จึงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลปากคาด ส่วนนายบุญญฤทธิ์ (มือยิง) ถูกขวดแก้วบาดที่แขน และลำตัว จึงจะไปรักษาที่รพ.ปากคาด แต่เห็นผู้ตายนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ด้วยความโมโห จึงเดินเข้าไปยิง
ส่วนปืนของกลาง ผู้ต้องหาสารภาพว่าหลังก่อเหตุ นำไปฝั่งในสวนยางพารา ท้ายหมู่บ้านโนนเสถียร ม.7 ต.โนนศิลา อ.ปากคาด ซึ่งช่วงเช้ามืดตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปค้นหาปืนที่ใช้ก่อเหตุ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นปืนของทหารพรานที่ทำหล่นหายขณะลาดตระเวนตามแนวชายแดนริมแม่น้ำโขง ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ปากคาดเมื่อ 2 เดือนก่อน
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ เผยอีกว่าคดีนี้ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถจับกุมผู้ต้งหาได้โดยเร็ว โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ยรรยง เวสโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ที่นำทีมชุดสืบสวนภาค 4 ลงมาติดตามการจับกุมคนร้ายด้วยตัวเอง
ส่วนข้อหาในเบื้องต้นตั้งไว้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และหลังสอบสวนคดีเสร็จสิ้นก็จะตั้งข้อหาเพิ่มเติม เช่น บุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน พกพาอาวุธปืนไปในที่ราชการ มีและใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ปิดปังซ่อนเร้นพยานหลักฐาน ร่วมกันทะเลาะวิวาท
ทางด้านนายบูญญฤทธิ์ ผู้ก่อเหตุ ได้ขอโทษสังคม ขอโทษญาติผู้ตาย และเจ้าหน้าที่ อ้างทำไปเพราะความโมโหโกรธที่ตัวเองถูกทำร้าย และฝากไปถึงคนที่จะทำเหมือนตัวเอง ให้คิดให้ดีอย่าทำเหมือนตัวเองเพราะความผิดมันรุนแรง.-สำนักข่าวไทย