สาวถูกหลอกโอนเงิน 120,000 บาท

พิษณุโลก 24 ต.ค.- สาวพิษณุโลกหวังนำเงินเก็บมารักษาโรคประจำตัว กลับถูกแก๊งมิจฉาชีพสวมรอยเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง และตำรวจยศผู้กำกับการ พูดจาข่มขู่อ้างส่งของผิดกฎหมายและฐานฟอกเงิน หลอกโอนเงินสูญไปกว่า 120,000 บาท 


นางสาวส้ม (สงวนนามสกุล) ชาวจังหวัดพิษณุโลก ร้องต่อสื่อมวลชนหลังเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก แต่ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี หลังมีโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งชื่อดัง โทรมาแจ้งว่าพัสดุที่นำส่งไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน นำส่งไม่สำเร็จ เนื่องจากเป็นของผิดกฎหมาย ซึ่งระบุชื่อผู้ส่งคือ นางสาวส้ม โดยตอนนี้พัสดุติดอยู่ที่ศุลกากรเชียงใหม่ ซึ่งนางสาวส้มก็ยืนยันว่ามีความผิดพลาดแน่ เพราะตนเองไม่เคยส่งพัสดุไปกรุงปักกิ่งแต่อย่างใด จึงเข้าทีชายที่โทรศัพท์มาที่บอกว่าเป็นไปได้ว่าคุณถูกโจรกรรมข้อมูลไปสวมชื่อส่งของผิดกฎหมาย โดยให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีผู้โดนลักษณะดังกล่าวนี้เยอะมาก พร้อมอาสาประสานงานให้

จากนั้นชายที่อ้างตัวเป็นบริษัทขนส่ง จึงโอนสายให้คุยกับตำรวจคนที่ 1 เป็นผู้หญิงอ้างชื่อ “สุญาดา (สงวนนามสกุล)” ซักประวัตินางสาวส้มเกือบ 1 ชั่วโมง โดยมีคำสั่งให้ผู้เสียหายเดินทางไปที่ สภ.ช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุภายใน 2 วัน เพื่อจัดการเรื่องคดี ซึ่งผู้เสียหายก็แจ้งกับมิจฉาชีพดังกล่าวไม่สามารถไปได้ เพราะพักอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก และยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด มิจจาชีพจึงแจ้งต่อว่าสามารถบันทึกให้ปากคำทางออนไลน์ได้ โดยจะต้องอยู่ในพื้นที่เงียบๆ และไม่มีบุคคลที่สาม ซึ่งผู้เสียหายก็เริ่มเอะใจแล้ว แต่ก็คิดว่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ วิธีการดังกล่าวอาจจะทำได้จริง จากนั้นก็เริ่มซักประวัติผู้เสียหายว่า มีเส้นทางการเงินมาจากที่ใด ครอบครัวประกอบอาชีพอะไร มีบัญชีธนาคารกี่บัญชี ซึ่งตลอดเวลาที่ซักข้อมูล ผู้เสียหายก็รู้สึกว่ามิจฉาชีพมีการใช้วิธีการทางจิตวิทยา ข่มขู่ตลอดเวลาให้รู้สึกกลัวและกังวล เช่น “บอกหมดแน่นะ มีอะไรปกปิดอีกไหม จะมีผลต่อรูปคดีนะ”


เมื่อสอบปากคำเสร็จมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจหญิง ก็แจ้งว่าจะโอนสายต่อไปยังเบื้องบน จากนั้นผู้เสียหายก็ได้พูดคุยกับชายที่อ้างตัวเป็นผู้กำกับ สภ.ช้างเผือก พร้อมหลอกลวงผู้เสียหายว่าได้ตรวจสอบข้อมูลสอบปากคำแล้ว พบว่าเกี่ยวพันกับคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ และถ้าบริสุทธิ์ใจจริงต้องยอมให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เข้าไปตรวจเส้นทางการเงิน โดยจะมีจดหมายจาก ปปง. นำส่งไปให้ที่บ้าน พร้อมให้โอนเงินในบัญชีทั้งหมด เข้าสู่บัญชีกลางของ ปปง. โดยจะใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 ชั่วโมง และข่มขู่อีกว่า คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ที่ตำรวจตามสืบกันอยู่โดยห้ามผู้เสียหาย เล่าให้ใครฟัง 7 วัน แม้แต่คนในครอบครัว จากนั้นมิจฉาชีพก็ส่งหมายเลขบัญชีมาให้ผู้เสียหาย จึงโอนเงินเก็บที่มีทั้งหมดไปให้ 120,000 บาท

ผู้เสียหาย ก็เล่าว่าเริ่มรู้สึกผิดสังเกตแล้ว เพราะบัญชีปลายทางที่ให้โอนชื่อเป็นบุคคลธรรมดา แต่ก็ไม่รู้ว่าถูกจิตวิทยาอะไรให้ยอมชะล่าใจโอนไป ก่อนที่ชายที่อ้างตัวเป็นผู้กำกับ จะแจ้งว่าระหว่างที่ตรวจสอบข้อมูลไม่ต้องวางสาย จะได้รู้ว่าแอบไปคุยกับบุคคลที่สามหรือไม่ เพื่อความโปร่งใส จนกระบวนการเสร็จสิ้น กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้เสียหายเริ่มได้สติและรู้สึกตัวแล้วว่าโดนหลอก จึงรีบโทรไปที่ สภ.ช้างเผือก ซึ่งเป็นสถานีตำรวจ ที่มิจฉาชีพใช้อ้างตัว พร้อมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟัง ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จึงได้แนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.พิษณุโลก ก็พบว่ามีผู้เสียหายที่โดนลักษณะเดียวกันอีก 1 คน เป็นเคส สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เหมือนกันเลย พนักงานสอบสวน สภ.พิษณุโลก จึงออกใบอายัดบัญชีของมิจฉาชีพ และให้รีบไปยื่นที่ธนาคารของผู้เสียหาย

ขณะที่ผู้เสียหายก็กังวลว่ากว่าที่จะไปยื่นเรื่องต่อธนาคาร มิจฉาชีพก็น่าจะถอนเงินของกลางออกไปแล้ว จึงอยากร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรีบติดตามนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ พร้อมเชิญชวนใครที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวมารวบกลุ่มกันเพื่อแจ้งความ เนื่องจากคดีการฉ้อโกงหลอกลวงดังกล่าว มีอายุความสั้น แต่หากมีผู้เสียหายรวมตัวกันจำนวนมาก  มีมูลค่าความเสียหายเยอะ ก็จะกลายเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ หรือเพื่อหวังให้คดีในลักษณะดังกล่าว เป็นคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอต่อไป


ทั้งนี้ ผู้เสียหายรายนี้เพิ่งลาออกจากงานประจำที่รายได้ดีที่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีอาการป่วยที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา จึงลาออกเพื่อกลับมาฟื้นฟูร่างกายที่บ้านเกิด เงินที่โอนไปให้แก๊งมิจฉาชีพทั้งหมดก็เป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง หวังจะเอาไว้ใช้รักษาโรคประจำตัว และทางครอบครัวเองก็ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และในสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังไม่สามารถหางานประจำใดๆ ได้ จนมาถูกหลอกลวงในครั้งนี้ จึงต้องการฝากเตือนเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ จะได้ช่วยกันระวังตัวไม่ให้มีใครตกเป็นเหยื่ออีก.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย