สาวถูกหลอกโอนเงิน 120,000 บาท

พิษณุโลก 24 ต.ค.- สาวพิษณุโลกหวังนำเงินเก็บมารักษาโรคประจำตัว กลับถูกแก๊งมิจฉาชีพสวมรอยเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง และตำรวจยศผู้กำกับการ พูดจาข่มขู่อ้างส่งของผิดกฎหมายและฐานฟอกเงิน หลอกโอนเงินสูญไปกว่า 120,000 บาท 


นางสาวส้ม (สงวนนามสกุล) ชาวจังหวัดพิษณุโลก ร้องต่อสื่อมวลชนหลังเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก แต่ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี หลังมีโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งชื่อดัง โทรมาแจ้งว่าพัสดุที่นำส่งไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน นำส่งไม่สำเร็จ เนื่องจากเป็นของผิดกฎหมาย ซึ่งระบุชื่อผู้ส่งคือ นางสาวส้ม โดยตอนนี้พัสดุติดอยู่ที่ศุลกากรเชียงใหม่ ซึ่งนางสาวส้มก็ยืนยันว่ามีความผิดพลาดแน่ เพราะตนเองไม่เคยส่งพัสดุไปกรุงปักกิ่งแต่อย่างใด จึงเข้าทีชายที่โทรศัพท์มาที่บอกว่าเป็นไปได้ว่าคุณถูกโจรกรรมข้อมูลไปสวมชื่อส่งของผิดกฎหมาย โดยให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีผู้โดนลักษณะดังกล่าวนี้เยอะมาก พร้อมอาสาประสานงานให้

จากนั้นชายที่อ้างตัวเป็นบริษัทขนส่ง จึงโอนสายให้คุยกับตำรวจคนที่ 1 เป็นผู้หญิงอ้างชื่อ “สุญาดา (สงวนนามสกุล)” ซักประวัตินางสาวส้มเกือบ 1 ชั่วโมง โดยมีคำสั่งให้ผู้เสียหายเดินทางไปที่ สภ.ช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุภายใน 2 วัน เพื่อจัดการเรื่องคดี ซึ่งผู้เสียหายก็แจ้งกับมิจฉาชีพดังกล่าวไม่สามารถไปได้ เพราะพักอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก และยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด มิจจาชีพจึงแจ้งต่อว่าสามารถบันทึกให้ปากคำทางออนไลน์ได้ โดยจะต้องอยู่ในพื้นที่เงียบๆ และไม่มีบุคคลที่สาม ซึ่งผู้เสียหายก็เริ่มเอะใจแล้ว แต่ก็คิดว่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ วิธีการดังกล่าวอาจจะทำได้จริง จากนั้นก็เริ่มซักประวัติผู้เสียหายว่า มีเส้นทางการเงินมาจากที่ใด ครอบครัวประกอบอาชีพอะไร มีบัญชีธนาคารกี่บัญชี ซึ่งตลอดเวลาที่ซักข้อมูล ผู้เสียหายก็รู้สึกว่ามิจฉาชีพมีการใช้วิธีการทางจิตวิทยา ข่มขู่ตลอดเวลาให้รู้สึกกลัวและกังวล เช่น “บอกหมดแน่นะ มีอะไรปกปิดอีกไหม จะมีผลต่อรูปคดีนะ”


เมื่อสอบปากคำเสร็จมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจหญิง ก็แจ้งว่าจะโอนสายต่อไปยังเบื้องบน จากนั้นผู้เสียหายก็ได้พูดคุยกับชายที่อ้างตัวเป็นผู้กำกับ สภ.ช้างเผือก พร้อมหลอกลวงผู้เสียหายว่าได้ตรวจสอบข้อมูลสอบปากคำแล้ว พบว่าเกี่ยวพันกับคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ และถ้าบริสุทธิ์ใจจริงต้องยอมให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เข้าไปตรวจเส้นทางการเงิน โดยจะมีจดหมายจาก ปปง. นำส่งไปให้ที่บ้าน พร้อมให้โอนเงินในบัญชีทั้งหมด เข้าสู่บัญชีกลางของ ปปง. โดยจะใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 ชั่วโมง และข่มขู่อีกว่า คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ที่ตำรวจตามสืบกันอยู่โดยห้ามผู้เสียหาย เล่าให้ใครฟัง 7 วัน แม้แต่คนในครอบครัว จากนั้นมิจฉาชีพก็ส่งหมายเลขบัญชีมาให้ผู้เสียหาย จึงโอนเงินเก็บที่มีทั้งหมดไปให้ 120,000 บาท

ผู้เสียหาย ก็เล่าว่าเริ่มรู้สึกผิดสังเกตแล้ว เพราะบัญชีปลายทางที่ให้โอนชื่อเป็นบุคคลธรรมดา แต่ก็ไม่รู้ว่าถูกจิตวิทยาอะไรให้ยอมชะล่าใจโอนไป ก่อนที่ชายที่อ้างตัวเป็นผู้กำกับ จะแจ้งว่าระหว่างที่ตรวจสอบข้อมูลไม่ต้องวางสาย จะได้รู้ว่าแอบไปคุยกับบุคคลที่สามหรือไม่ เพื่อความโปร่งใส จนกระบวนการเสร็จสิ้น กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้เสียหายเริ่มได้สติและรู้สึกตัวแล้วว่าโดนหลอก จึงรีบโทรไปที่ สภ.ช้างเผือก ซึ่งเป็นสถานีตำรวจ ที่มิจฉาชีพใช้อ้างตัว พร้อมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟัง ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จึงได้แนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.พิษณุโลก ก็พบว่ามีผู้เสียหายที่โดนลักษณะเดียวกันอีก 1 คน เป็นเคส สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เหมือนกันเลย พนักงานสอบสวน สภ.พิษณุโลก จึงออกใบอายัดบัญชีของมิจฉาชีพ และให้รีบไปยื่นที่ธนาคารของผู้เสียหาย

ขณะที่ผู้เสียหายก็กังวลว่ากว่าที่จะไปยื่นเรื่องต่อธนาคาร มิจฉาชีพก็น่าจะถอนเงินของกลางออกไปแล้ว จึงอยากร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรีบติดตามนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ พร้อมเชิญชวนใครที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวมารวบกลุ่มกันเพื่อแจ้งความ เนื่องจากคดีการฉ้อโกงหลอกลวงดังกล่าว มีอายุความสั้น แต่หากมีผู้เสียหายรวมตัวกันจำนวนมาก  มีมูลค่าความเสียหายเยอะ ก็จะกลายเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ หรือเพื่อหวังให้คดีในลักษณะดังกล่าว เป็นคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอต่อไป


ทั้งนี้ ผู้เสียหายรายนี้เพิ่งลาออกจากงานประจำที่รายได้ดีที่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีอาการป่วยที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา จึงลาออกเพื่อกลับมาฟื้นฟูร่างกายที่บ้านเกิด เงินที่โอนไปให้แก๊งมิจฉาชีพทั้งหมดก็เป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง หวังจะเอาไว้ใช้รักษาโรคประจำตัว และทางครอบครัวเองก็ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และในสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังไม่สามารถหางานประจำใดๆ ได้ จนมาถูกหลอกลวงในครั้งนี้ จึงต้องการฝากเตือนเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ จะได้ช่วยกันระวังตัวไม่ให้มีใครตกเป็นเหยื่ออีก.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-มีหมอกตอนเช้า

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนยังมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า

ทูตไทยขอบคุณอิสราเอลช่วยปล่อย 5 ตัวประกันชาวไทย

เอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล กล่าวขอบคุณรัฐบาลอิสราเอล ในการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทย 5 คน กลับบ้าน หลังกลุ่มฮามาสปล่อยตัว พร้อมกับตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน

5 แรงงานไทยปลอดภัยดี พูดคุยปกติ หลังฮามาสปล่อยตัว

“พิพัฒน์” เผย 5 แรงงานไทยปลอดภัยดี พูดคุยปกติ หลังได้รับการปล่อยตัว มอบปลัดแรงงาน ดูแลสิทธิประโยชน์กองทุนฯ ต่างประเทศ และประกันสังคม