บุรีรัมย์ 21 เม.ย. – “หลวงปู่องค์ดำ” ล่องหน หลังถูกตรวจสอบ ผงะ! เจออุปกรณ์ทำเครื่องรางและสักยันต์ในกระท่อม ด้านผู้ใหญ่บ้านยืนยันกระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เสื่อมศรัทธา ชี้ที่ตั้งสำนักเป็นของชาวบ้าน เสียภาษีดอกหญ้าถูกต้อง ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่า
ความคืบหน้ากรณีที่ชายอ้างตัวเป็นหลวงปู่พุทธเทพสุริยะจักรวาล หรือ หลวงปู่องค์ดำ นุ่งห่มผ้าคล้ายจีวรเหมือนพระ แต่เป็นสีดำ อยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมหรือที่พักสงฆ์หินเพิง ตั้งอยู่บริเวณป่าท้ายหมู่บ้านเขาย้อยพัฒนา หมู่ 16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีหญิงสาวชาวชัยภูมิเข้าแจ้งความในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ว่า มารดาซึ่งมีอาชีพเป็นครู หนีมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว เกรงว่าแม่จะถูกหลอก จนนำไปสู่การตรวจสอบ
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่พักสงฆ์หรือสำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับหลวงปู่องค์ดำอีกครั้ง แต่ไม่พบหลวงปู่องค์ดำอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว มีเพียงลูกศิษย์ที่ดูแลสำนักปฏิบัติธรรม และป้าที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่เสียภาษี ภ.บ.ท.5 บริเวณดังกล่าวประมาณ 12 ไร่ และได้มอบที่ดินให้สร้างที่พักสงฆ์ดังกล่าว ซึ่งจากการสอบถามลูกศิษย์คนสนิท บอกเพียงว่า หลวงปู่บอกจะไปธุดงค์ในป่า จากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นหลวงปู่อีก และไม่มีใครรู้ว่าหลวงปู่จะกลับมาตอนไหน ซึ่งผู้สื่อข่าวรออยู่จนค่ำ แต่ก็ไม่เจอหลวงปู่
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินดูบริเวณที่พักหรือกุฏิของหลวงปู่องค์ดำ แต่ก็ไม่พบหลวงปู่ จึงพากันเดินไปดูบริเวณกระท่อมในป่า ด้านหลังที่พักสงฆ์ ก็ไม่เห็นมีใคร แต่ในกระท่อมดังกล่าวมีเต็นท์อยู่ 1 หลัง ภายในเต็นท์มีขวดน้ำเปล่า น้ำหวาน และผ้าสำหรับห่ม แต่พอตรวจสอบโดยรอบก็ต้องผงะ เมื่อเจอจีวรพระ ตาลปัตร อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทำเครื่องรางของขลังและสักยันต์ ซ่อนตามจุดต่างๆ ในกระท่อม ไม่ทราบว่าเป็นของใคร เพราะหลวงปู่องค์ดำปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ใช่พระ แต่เป็นตัวแทนขององค์เทพสุริยะจักรวาล ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดอะไรหรือไม่
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า หลวงปู่องค์ดำมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวได้ประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว แต่ตนเพิ่งรู้จักได้ประมาณปีเศษ เพราะมีลูกศิษย์ชักชวนมา จนเกิดความศรัทธา ส่วนกระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ตนเองเสื่อมศรัทธาจากหลวงปู่องค์ดำ เพราะเท่าที่ตนเองเห็น หลวงปู่ก็สอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี ส่วนที่ดินสร้างที่พักสงฆ์หินเพิงดังกล่าว เป็นที่ของชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านที่ได้รับจัดสรร และมีการเสียภาษี ภ.บ.ท.5 โดยได้มอบที่ดินให้ก่อสร้างที่พักสงฆ์ ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานว่า หลวงปู่องค์ดำกระทำผิด ทั้งเรื่องการหลอกลวง หรือที่ดินที่กำลังถูกตรวจสอบ ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ซึ่งท่านก็เคยบอกว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด. – สำนักข่าวไทย