บุรีรัมย์ 19 เม.ย.-หลวงปู่องค์ดำ สำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง จ.บุรีรัมย์ ยืนยันไม่ได้หลอกลวงใคร หลังมีสาวร้องเรียนแม่หนีมาปฏิบัติธรรม เกรงถูกหลอกเงิน เพราะเงินเดือนเกือบ 1 แสนบาท ไม่เหลือ
นายเดชสกล อาดัม นายอำเภอปะคำ จ.บุรีรัมย์ มอบหมายให้นายวรแสน ประสงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณีชายอ้างตัวเป็นหลวงปู่พุทธเทพสุริยะจักรวาล หรือหลวงปู่องค์ดำ ที่นุ่งห่มผ้าจีวรคล้ายพระแต่เป็นสีดำ อยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง ตั้งอยู่บนที่ป่าท้ายหมู่บ้านเขาย้อยพัฒนา ม.16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีหญิงสาวชาวจังหวัดชัยภูมิ ได้เข้าแจ้งความในพื้นที่ชัยภูมิว่า มารดาซึ่งมีอาชีพเป็นครูหนีมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว เกรงแม่จะถูกหลอกเพราะเงินเดือนแม่เกือบ 1 แสนบาทไม่เหลือ ถึงขั้นสร้างสำนักไว้หลังบ้านที่ จ.ชัยภูมิ
ตรวจสอบที่พักสงฆ์ หรือ สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว มีการก่อสร้างรูปปั้นพญานาค 7 เศียร ห้องน้ำ รวมถึงพระพุทธรูปที่ด้านล่างพญานาคบนหินเพิง ก็เป็นรูปหน้าของหลวงปู่พุทธะด้วย และเมื่อตรวจสอบบริเวณที่หลวงปู่พุทธะพักอยู่ ก็พบพระซึ่งเป็นรูปปั้นหันหน้าเข้ากราบหลวงปู่พุทธะอยู่ทั้ง 2 ด้าน และพบบาตรพระอยู่ในที่พักสงฆ์ด้วย จากนั้นปลัดอำเภอเข้าไปพูดคุยสอบถามหลวงปู่พุทธะ หรือหลวงปู่องค์ดำ ว่ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร หลวงปู่ตอบว่าก็มีคนที่ศรัทธานิมนต์มาก็อยู่ได้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็รับรู้ทุกอย่าง ไม่ได้เป็นผู้หนีคดีหรือซ่อนเร้นอะไร เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน สถานที่และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เขาก็มอบให้ตามเหตุและปัจจัยของผู้ที่ศรัทธา ยอมรับว่า ตัวเองไม่ได้เป็นพระแต่เป็นผู้ถือศีลเป็นตัวแทนหลวงปู่พุทธเทพสุริยะจักรวาล ส่วนที่มีภาพปรากฏว่ามีพระสงฆ์มากราบไหว้หลวงปู่นั้น ตอบว่าไม่ได้บังคับให้เขากราบเขามากราบเองเป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่มีใครบังคับ ถ้าจะเอาผิดต้องไปฟ้องร้องพระที่มากราบเอง
ส่วนกรณีมีคลิปเผยแพร่ในโซเชียลว่าลูกสาวข้าราชการครูคนหนึ่งมาแย่งเอาตัวแม่ที่หนีมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติแห่งนี้กลับบ้านนั้น หลวงปู่พุทธะก็บอกว่าเป็นความไม่เข้าใจและเป็นปัญหาของคนในครอบครัวเองไม่เกี่ยวกับตัวท่าน แล้วที่กล่าวหาว่าไปหลอกให้มาเสียเงินเสียทองนั้น ก็ไม่ได้มีใครบังคับให้มาเสียเงินเสียทอง ถ้ามีหลักฐานก็แจ้งตำรวจมาจับเลยก็ไม่ได้หนีไปไหน พอสื่อถามว่าท่านจะชี้แจงอะไรหรือไม่หลวงปู่ก็บอกว่าใครทำกรรมอะไร กรรมนั้นก็ตอบสนองเอง ขอให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะไม่มีใครหนีผลบุญหรือผลกรรมได้ ใครสร้างกรรมดีก็ได้ดี สร้างกรรมชั่วก็ได้ชั่ว แล้วพอสอบถามว่าชื่อเดิมหลวงปู่ชื่ออะไร ก็ตอบว่า เดิมชื่อนายสายันต์ แก้วมั่น พื้นเพเป็นคน จ.กระบี่ เปลี่ยนชื่อ เป็นนายพุทธ เทพสุริยะจักรวาล ที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ 4 ปีกว่า การเปลี่ยนชื่อก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งจะถูกหรือไม่ถูกก็ต้องถามทาง อ.กันทรลักษณ์เอง เพราะเขาเป็นคนออกให้ หลังจากที่สึกใหม่ๆ ก็เปลี่ยนชื่อเลย
ซึ่งช่วงที่ปลัดอำเภอกำลังสอบถามข้อมูล และสื่อกำลังสัมภาษณ์อยู่นั้น มีสื่อบางสำนักพยายามสอบถามเรื่องที่ก่อนหน้านี้หลวงปู่เคยไปกระทำชำเราผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ทำให้หลวงปู่ไม่พอใจและปฏิเสธว่าไม่เคยมีเรื่องดังกล่าว และพยายามลุกเดินหนี แล้วบอกว่าไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว ก่อนจะมีลูกศิษย์มาขอให้สื่อออกไปไม่งั้นจะแจ้งตำรวจ
ขณะที่นายวรแสน ประสงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่พักสงฆ์ดังกล่าว ในเบื้องตนยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นที่ดินประเภทไหน แต่จะทำหนังสือประสานไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัด , สปก. และป่าไม้ ให้เข้ามาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ สปก. เขตป่าอนุรักษ์ หรือที่สาธารณะประโยชน์หรือไม่ แล้วมีการใช้ประโยชน์ผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร ส่วนตัวของนายพุทธะ หรือหลวงปู่พุทธะ หรือหลวงปู่องค์ดำตามที่ชาวบ้านเรียกนั้น ในพื้นที่อ.ปะคำ ยังไม่มีว่ามีชาวบ้านหรือบุคคลใดเข้าไปร้องเรียนว่าถูกหลอกลวง หรือได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ด้านนายบุญมี กมมาลี ผู้ใหญ่บ้านบ้านเขาน้อยพัฒนา ต.โคกมะม่วง บอกว่า ส่วนตัวรู้จักกับหลวงปู่พุทธะ 1 ปีเศษแล้ว ตนและชาวบ้านจะเรียกว่าหลวงปู่องค์ดำ ก็มีชาวบ้านศรัทธาเยอะเพราะท่านสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี ส่วนสถานที่ดังกล่าวเป็นที่พักสงฆ์ ไม่ใช่สำนักสงฆ์ ที่ผ่านมาก็จะมีพระหรือผู้ที่ถือศีลมาพักหลายคนแล้ว มีการสร้างมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งสร้าง ส่วนเรื่องที่ดินก็ไม่ใช่ที่ ส.ป.ก.ตามที่เป็นข่าว แต่เป็นที่ที่อยู่ในความดูแลของป่าไม้ซึ่งก็ได้ขออนุญาตจากป่าไม้เพื่อขอใช้พื้นที่ดังกล่าวตามขั้นตอนแล้ว ส่วนพฤติกรรมของหลวงปู่องค์ดำนั้นเท่าที่ทราบก็ไม่เคยเห็นท่านเรียกร้องหรือขอรับบริจาคจากใคร สิ่งปลูกสร้างต่างก็จะมีผู้ที่ศรัทธาท่านรวมกันมาก่อสร้างเอง.-สำนักข่าวไทย