จันทบุรี 9 ก.พ. – ชาวสวนลำไยจันทบุรี หมดที่พึ่ง ถูกล้งทิ้ง ถึงเวลาตามสัญญาไม่มาเก็บลำไย หรือเลือกเก็บเฉพาะลูกขนาดใหญ่ผิวสวยเท่านั้น เป็นปีแรกชาวสวนต้องหาที่ขายกันเอง ราคาแค่ กก.ละ 6 บาทเท่านั้น
บรรยากาศการรับซื้อลำไย พืชสวนที่เพาะปลูกกันมากใน อ.สอยดาว และ อ.โป่งน้ำร้อน ข้อมูลของสมาคมชาวสวนลำไย จ.จันทบุรี ระบุว่า เป็นพืชส่งออกไปยังจีนปีละเกือบ 10,000 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 2 รองจากทุเรียน พบว่ามีจุดรับซื้อลำไยร่วงเกิดขึ้นมากมายใน 2 อำเภอดังกล่าวนอกจากไปจากล้งที่มีอยู่จำนวนมาก มีชาวสวนเก็บลำไยสภาพผิวสวย หลากหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดใหญ่ไปจนถึงปานกลาง บรรทุกใส่รถปิกอัพมาขายให้จุดรับซื้อลำไยร่วงอย่างต่อเนื่อง บางรายบรรทุกมาเกือบเต็มกะบะ
นายศิริ กิมนางรอง อายุ 63 ปี ชาวสวนลำไย อ.โป่งน้ำร้อน บอกว่า ปีนี้ราคาลำไยไม่ดี ไม่รู้เป็นเพราะอะไร และราคายังลดต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่นั้น คนงานของล้งที่เข้ามาเก็บลำไยตามสวน ยังเก็บทิ้งเก็บขว้าง เก็บเฉพาะลำไยขนาดใหญ่ ส่วนขนาดเล็ก ขนาดกลางไม่ยอมเก็บ ที่เหลือในสวนต้องเก็บกันเอง เป็นปีแรกที่ต้องเก็บลำไยสภาพดีขายเป็นลำไยร่วงด้วยราคาแค่ 6 บาท 1 กก.
นายเพิก เลิศวังพง รอง ผอ.องค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ซึ่งเดินทางมาดูสภาพความเป็นจริงเรื่องนี้ใน 2 อำเภอ เปิดเผยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีหน่วยราชการเป็นคนกลางระหว่างล้งกับชาวสวน ส่วนชาวสวนที่พอมีกำลัง ล้งก็เอาเปรียบไม่ได้ ตรงกันข้ามถ้าเป็นชาวสวนรายเล็ก ๆ จะถูกล้งเอาเปรียบทันที
นายเพิกกล่าวด้วยว่า ปลายทางของลำไยที่ล้งซื้อไปก็นำออกไปต่างประเทศทั้งนั้น ชาวสวนรู้ไหมว่า ปีนี้ต่างประเทศต้องการลำไยเท่าไหร่ ปีนี้จะมารับซื้อหรือไม่ ชาวสวนไม่มีข้อมูลเลย ตรงกันข้าม ล้งที่รู้ข้อมูลเรื่องนี้ในพื้นที่หมดทุกตารางนิ้ว ว่ามีลำไยเท่าไร มีคนปลูกกี่ราย ลำไยจะออกเมื่อไหร่ เรื่องนี้ อ.ต.ก. จึงจับมือกับ ป.ต.ท. ใช้พื้นที่ปั๊มทั่วประเทศให้เป็นที่ระบายลำไย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เป็นช่องทางที่ดีที่จะแก้ปัญหา เพราะทุกวันนี้คนไม่ค่อยเข้าห้าง เนื่องจากการระบาดของโรควิด-19 คนเข้าปั๊มกันมากกว่า บางปั๊มมากเกือบหมื่นคนต่อวัน จึงเชื่อว่าจะช่วยระบายลำไยได้ดี . – สำนักข่าวไทย