เชียงใหม่ 7 ส.ค.-“เสี่ยล้าน” เดินทางเข้าพบตำรวจ แจงเหตุเอาโทรศัพท์ “จารุชาติ” พยานปากเอกคดี “บอส อยู่วิทยา” ชี้ต้องการลบรูปถ่ายคู่หวั่นมีผลต่อการลงเลือกตั้งท้องถิ่น
ความเคลื่อนไหวคดีการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญในคดี “บอส อยู่วิทยา” ล่าสุดนายพศิน อัครเดชธนโชติ หรือ “เสี่ยล้าน” ได้เดินทางมาพร้อมกับผู้กำกับการ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อเข้าพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ หลังนายพศินฯ ถูกแจ้งความโดยครอบครัวของนายจารุชาติฯ เนื่องจากเป็นผู้นำโทรศัพท์ของนายจารุชาติ เบื้องต้นใช้เวลาพูดคุย 20 นาที แต่ไม่ให้สื่อฯ เข้ารับฟัง โดย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า นายพศินฯ ยอมรับว่ามีเหตุการณ์ตามที่ถูกกล่าวหาจริง และพร้อมไปพูดคุยกับญาตินายจารุชาติฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนดำเนินคดี ส่วนสาเหตุไม่ขอให้ข้อมูลเพราะอยู่ในสำนวน
ด้านนายพศิน ยอมรับว่า สิ่งที่ทำไปแค่ต้องการนำรูปภาพที่ถ่ายกับนายจารุชาติฯ ในโทรศัพท์ออกมา และเข้าใจเองว่ารูปภาพที่ถ่ายคู่กับผู้ตายมองดูว่ามีความสนิทสนมกัน หากภาพเผยแพร่ไปจะได้รับผลกระทบเพราะกำลังจะลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ทั้งนี้ หากเข้าสู่กระบวนการสอบสวนจะยอมชดใช้ค่าเสียหาย จึงขอชี้แจงเพียงเท่านั้น และอยากให้เรื่องจบ
ส่วนความคืบหน้าเรื่องความที่ใช้ในรถของ บอส วันเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย รายงานว่า การเข้าพบพนักงานสอบสวนของพันตำรวจเอกธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เมื่อวานนี้ (6 ส.ค.) ซึ่งถูกสอบสวนต่อเนื่อง 2 วัน ปรากฎว่าพันตำรวจเอกธนสิทธิฯ ให้ข้อมูลใหม่ระบุว่า ความเร็วรถนายวรยุทธฯ ขณะเกิดเหตุอยู่ที่ 177 กิโลเมตร/ชั่วโมงเหมือนกับในสำนวนครั้งแรก ส่วนที่มาให้การภายหลังเมื่อปี 2559 ที่ระบุว่า ความเร็วลดลงเหลือ 79.23 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น ได้อ้างกับคณะกรรมการสอบสวนว่า สับสนในการคำนวณข้อมูล นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า จากการสอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้รับการยืนยันตรงกันว่า สารโคเคนที่พบในเลือดของนายวรยุทธฯ เกิดจากการเสพโคเคนและแอลกอฮอล์ ดังนั้น คณะกรรมการจึงจะเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาตั้งข้อหาเสพโคเคนเพิ่มเป็นข้อหาใหม่.-สำนักข่าวไทย