เทอุจจาระราดตัว ประท้วงถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก

ราชบุรี 4 มิ.ย. – ทนายดังราชบุรี โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินกว่า 1 ล้าน เจ้าตัวติดต่อให้ธนาคารช่วย แต่ไม่ได้ดั่งใจ คว้าแกลลอนมาประท้วงหน้าธนาคาร อ้างเป็นน้ำปานะ เทราดตัว แต่ความจริงแล้วเป็นอุจจาระ ตำรวจเข้าระงับเหตุสุดกระอักกระอ่วน


ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี เข้ายื้อแย่งแกลอนที่บรรจุอุจจาระมาเต็มแกลลอน ที่นายนพ อายุ 71 ปี ทนายความชื่อดังของราชบุรี นำมาราดตัวเอง เพื่อเป็นการประท้วงที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่งในตัวเมืองราชบุรี หลังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกให้โอนเงิน เสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท

ส่วนที่มาของเหตุการณ์ครั้งนี้ นายนพ เล่าว่าเมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ติดต่อมาขอชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 1,000 บาท เนื่องจากทำเอกสารของลูกความที่ จ.สุรินทร์ เสียหาย โดยอ้างว่ารถจักรยานยนต์ที่ขนส่งล้ม ทำให้เอกสารเสียหาย ประกอบช่วงนั้นมีเอกสารของลูกค้าที่ส่งมาจาก จ.สุรินทร์ ถูกตีกลับไปเพราะตนไม่ได้อยู่บ้าน จึงคิดว่าน่าจะใช่คนเดียวกัน และเห็นว่าเอกสารเสียหายไปแล้ว สามารถไปขอใหม่ได้ และเมื่อทางบริษัทเอกชนขอชดใช้ จึงยินยอมให้เลขบัญชีและให้กดลิงก์ที่เขาส่งมา แต่กลับถูกดูดเงินในบัญชีสูญเงินไปถึง 1,129,999 บาท เมื่อรู้ตัวว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ก็รีบไปแจ้งความ


จากนั้นตำรวจท้องที่ รีบประสานไปยังตำรวจไซเบอร์ ให้อายัดบัญชีปลายทาง และตำรวจกับตนก็ได้มาขอการเดินบัญชีย้อนหลัง เพื่อจะตรวจสอบบัญชีปลายทาง แต่ทางธนาคารอ้างว่าไม่สามารถให้ได้ เพราะเป็นความลับของลูกค้า ทั้งที่ตนนั้นเป็นลูกค้าของธนาคารเช่นกัน และเงินที่ถูกหลอกไป ก็เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้าย ที่จะเก็บไว้กินในบั้นปลายชีวิต แต่กลับถูกทางธนาคารปฏิเสธ จึงรู้สึกผิดหวังกับธนาคารแห่งนี้ จึงนำอุจจาระมาราดตัวเองเพื่อประท้วง แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้ามาเจรจา ซึ่งในตอนแรกตำรวจ เข้าใจว่าแกลลอนที่นำมาด้วยอาจจะเป็นน้ำมัน ซึ่งทนายก็ไม่ยอมบอกว่าในแกลลอนบรรจุอะไรมา บอกแต่เพียงว่าเป็นน้ำปานะ ก่อนจะนำแกลอนใส่อุจาระที่เตรียมมา เทราดตัวที่หน้าธนาคาร

ขณะที่เจ้าหน้า รปภ. ของธนาคาร ไม่ได้ออกมาช่วยเหลือ แถมยังต่อว่าสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว ว่าไม่ไปช่วยตำรวจ และล็อกประตูอยู่ด้านในไม่ยอมออกมาช่วยเหลือ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น จนเหตุการณ์บานปลาย ถึงขั้นทนายความใช้เหล็กแหลมแทงคอตัวเอง ได้รับบาดเจ็บ และถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ล่าสุดทางทนายนพ ได้ประกาศว่าจะติดตามในเรื่องนี้อีก 1 อาทิตย์ หากยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากธนาคาร ก็จะมาฆ่าตัวตายตนหน้าธนาคารแห่งนี้ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”