“รังสิมันต์” จ่อเชิญ “แพทองธาร” แจงคลิปเสียง สัปดาห์หน้า

รัฐสภา 26 มิ.ย.- “รังสิมันต์” แฉ ตั้งแต่นายกฯ ประกาศมาตรการเชิงรุกปราบอาชญากรรมข้ามชาติ “กัมพูชา” ไม่มีการเริ่มต้นสักมาตรการ ยกเว้นคุมด่าน แปลกใจ ทำไมไม่มีความคืบหน้า ชี้ เรือขนส่งน้ำมัน น่าจะเป็นธุรกิจระหว่างบริษัท ยอมรับ พอใจแนวทางสู้คดีของ กต. เห็นชัดถึงการเตรียมความพร้อม แต่ยังลงรายละเอียดไม่ได้ สัปดาห์หน้า เชิญ “แพทองธาร” แจง คลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” หากไม่มาขู่ใช้ พ.ร.บ. อำนาจเรียก


นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงผลการประชุมที่มีการพิจารณาเรื่องปัญหาพื้นที่พิพาทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เบื้องต้นมาตรการตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน เป็นมาตรการที่มีต้นแบบจากฝั่งเมียนมา ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการอะไรเลย เช่น เรื่องไฟที่มีการจ่ายไฟให้ 9 จุด สมช.แจ้งว่าทางกัมพูชาเป็นคนตัดไฟเอง ซึ่งเบื้องต้น ไฟทั้ง 9 จุดไม่ได้ไหลไปยังกัมพูชาแล้ว ส่วนอินเทอร์เน็ตยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด ซึ่ง สมช. ยังไม่ได้รับรายงานจาก กสทช. ในส่วนของน้ำมันถ้าเป็นในเรื่องยานพาหนะไม่สามารถที่จะขนถ่ายน้ำมันจากประเทศไทยไปกัมพูชาได้ เพราะด่านถูกปิด ส่วนการขนส่งทางเรือยังสามารถทำได้อยู่ เพราะไทยไม่ได้มีมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา น้ำมันที่ไปไม่ได้ก่อนหน้านี้เพราะด่านปิด

ดังนั้น หลังจากที่นายกรัฐมนตรีแถลงว่าจะมีมาตรการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้มีการเริ่มต้นในมาตราการเชิงรุก ซึ่งเรื่องนี้กรรมาธิการค่อนข้างแปลกใจว่าไม่มีความคืบหน้าเลย ความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมที่สุดที่มีมาตรการออกมาจากทางรัฐบาลคือการปิดด่านเท่านั้น


ส่วนที่มีภาพเรือน้ำมันขนส่งไปยังกัมพูชา แสดงว่าทางกัมพูชายังมีการสั่งซื้อน้ำมันอยู่ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องธุรกิจระหว่างบริษัท แต่เท่าที่ตนเองจะตอบได้คือ ปัจจุบันเราไม่ได้มีคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมัน จึงไม่ได้มีมาตรการอะไรที่จะควบคุมบริษัทเอกชนที่จะส่งออกน้ำมันไปที่กัมพูชาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า น้ำมันจากที่เคยไปทางบกได้ก็ไปไม่ได้ เพราะด่านถูกควบคุมอาจจะทำให้การขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศไทยไปกัมพูชาต้องใช้ช่องทางอื่น สิ่งที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะมีมาตรการทำนองเดียวกันกับทางฝั่งเมียนมา คือ ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมันยังไม่ได้เริ่มต้น และยังไม่ได้มีเวลาที่กำหนดออกมา

เมื่อถามว่า แสดงว่าจะไม่มีการยกระดับมาตรการนี้มาใช้เลยใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองไม่สามารถสรุปแบบนั้นได้ เบื้องต้นสมช.ชี้แจงชัดเจนว่ามีการดำเนินการแบบนั้นในเรื่องของการตัดเน็ต ตัดไฟ และน้ำมัน แต่ไม่ได้ระบุวันว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงของการประเมิน เพื่อกำหนดแผนอย่างรอบคอบ

เมื่อถามถึง กระทรวงการต่างประเทศได้มีการชี้แจงเรื่องการเตรียมการขึ้นศาลโลกอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรรมาธิการค่อนข้างพอใจที่ได้รับรู้ และเห็นถึงการเตรียมความพร้อม ซึ่งตนเองไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เพราะข้อมูลหลายส่วนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่อย่างไรก็ตามต้องอยู่บนจุดที่เราไม่ประมาทในเรื่องที่กัมพูชาพยายามชักจูงให้ไทยไปศาลโลก


เมื่อถามถึง กลวิธีที่ใช้เช่นเดียวกับกรณีของเขาพระวิหารหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ใช่ แต่สิ่งที่ทีมไทยแลนด์ และกองทัพต้องระวังอย่างยิ่ง คือทางกัมพูชาอาจจะพยายามจุดชนวนให้เกิดความรุนแรง และเมื่อเกิดความรุนแรงจะอาศัยความชอบธรรมตรงนี้ที่จะพาประเทศไทยไปศาลโลก ซึ่งตอนนี้เราต้องระวังเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้กัมพูชาได้ในสิ่งที่ต้องการ

“การที่ผมพูดว่ากัมพูชาเราหมายถึงรัฐบาลกัมพูชา ยืนยันว่าพี่น้องคนกัมพูชาทั่วไป ไม่สมควรที่จะได้รับผลกระทบหรืออยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้เลย คนไทยก็เช่นเดียวกัน วันนี้ต้องใช้คำว่าเป็นปัญหาระหว่างรัฐบาลกัมพูชา และรัฐบาลไทย” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า วิธีที่รัฐบาลกัมพูชาใช้อาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติกรรมาธิการได้มีการแนะนำกระทรวงการต่างประเทศอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรามีข้อแนะนำหลายอย่าง ซึ่งเราให้ความสำคัญกับเรื่องแก๊งคลอเซ็นเตอร์ ซึ่งคิดว่าเราน่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างดีมาก ๆจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐ ซึ่งจากข่าวสหรัฐพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย เป็นต้น รวมถึงการทำงานเชิงรุกทางการทูตที่ต้องเพิ่มมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า กรรมาธิการจะมีการพิจารณาข้อมูลของนักการเมืองชาวกัมพูชาที่ถูกฆาตกรรมในไทย ซึ่งมีคลิปเสียงออกมาว่านักการเมืองผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของกัมพูชาได้เป็นคนสั่งให้มีการลอบสังหาร นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีการพิจารณาคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีไทยที่มีการพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ด้วย เรื่องนี้กรรมาธิการต้องการคำอธิบายจากนายกรัฐมนตรี โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการเชิญนายกรัฐมนตรี คิดว่าไม่น่าจะมีใครชี้แจงแทนได้ เพราะมีการบอกว่าสถานการณ์ตรงนั้นมีไม่กี่คนที่ล่วงรู้ รวมถึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาด้วย ร่วมกับ สมช. ผบ.ตร. และผู้ลี้ภัยอีก 2 คน ที่เป็นผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ เพื่อยืนยันว่ามีความพยายามที่จะลอบสังหารฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมืองของกัมพูชาบนแผ่นดินไทยจริง ดังนั้นนี่คือการล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยที่มีความร้ายแรง

เมื่อถามว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมาให้ข้อมูลจะทำอย่างไร นายรังสีมันต์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาในเรื่องของการใช้อำนาจเรียก แต่เบื้องต้นก็อยากจะขอความร่วมมือ

“หากนายกรัฐมนตรี เป็นไปอย่างที่ชี้แจงไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลย ผมคิดว่ากรรมาธิการและตอบคำถามกรรมาธิการ อย่างตรงไปตรงมา ว่าเกิดอะไรขึ้นผมคิดว่าเป็นเรื่องที่นายกพึงกระทำ” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่ามีกลไกอื่นอีกหรือไม่ที่จะตรวจสอบนายกรัฐมนตรี นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กลไกในการตรวจสอบมีหลายกลไก หนึ่งในนั้นก็คือชั้นกรรมาธิการหรือมากไปกว่านั้นอาจจะเป็นการตั้งกระทู้ถามในสภาหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นเรื่องที่พรรคฝ่ายค้านกำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเข้าใจว่ามีข้อเสนอที่แตกต่างกันอยู่ มีทั้งข้อเสนอให้ลาออก และยุบสภา ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันในฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่ากรณีที่มีการรอบข้างฝ่ายค้านของกัมพูชา จะสาวไปถึงได้มากแค่ไหน เพราะเหมือนกับว่าฝ่ายเราจะเอื้อประโยชน์ให้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อฝ่ายกัมพูชาหาคลิปเสียงพิสูจน์ได้ก็ต้องมีการดำเนินการ และพิจารณาว่าควรใช้เครื่องมือทางกฎหมายอย่างไรบ้าง ส่วนในประเทศไทยหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ

ส่วนเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีและ สมเด็จฯ ฮุน เซน การทำงานของกรรมาธิการจะทับซ้อนกับองค์กรอิสระหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นคนละส่วนเพราะเราเป็นฝ่ายการเมืองใช้กลไกสภา หากสภาไม่ทำหน้าที่ถือว่าเป็นเรื่องประหลาด

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศกังวลหรือไม่หากกัมพูชานำข้อพิพาทขึ้นศาลโลก หรือมีประเด็นใดที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ภาพรวมกระทรวงการต่างประเทศค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่ไปถึงจุดนั้น เพราะเราเน้นย้ำมาตลอดว่าเราไม่รับเขตอำนาจศาลโลก และมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะไปสู่ศาลโลกไม่ได้ ข้อสำคัญคือ กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาล และกองทัพต้องทำงานให้เป็นเนื้อเดียวกัน

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มีการชี้แจงหรือไม่ว่าจะไปประเทศใดบ้าง เพื่อทำความเข้าใจ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ทำไปพอสมควร ซึ่งต้องชื่นชมอธิบดีโดยทางกมธ. ต้องทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศมากกว่านี้ เราอยากให้ความร่วมมือกับ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วันนี้นักวิชาการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถ้านายมาริษได้ยินกับหูถือว่าเป็นประโยชน์แน่นอน ซึ่งมีข้อเสนอที่ดีมาก ๆ แต่ตนเองไม่สามารถเปิดเผยได้ และในที่ประชุมนักวิชาการเอง ก็ได้ประเมินว่าไทยยังอยู่ในจุดที่ดี ไม่คิดว่าจะขึ้นการพิจารณาสู่ศาลโลกได้ง่าย แต่ก็อย่าประมาท และคิดว่ากรณีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ก็ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการขึ้นศาลโลก

สำหรับหน่วยงานที่มาชี้แจงได้มีการพูดถึงการยกระดับมาตรการตามแนวชายแดนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้น สมช. ตอบได้ไม่มาก ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรการที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย แต่ปัญหาคือนโยบายที่ได้รับมาไม่มีความคืบหน้า และคิดว่าเร็ว ๆ นี้คงจะยังมีการยกระดับมาตรการ แต่ธงหลักของเราคือต้องการพูดคุยแบบทวิภาคี ส่วนตัวเห็นว่า หากมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการพูดคุยแบบทวิภาคีเกิดขึ้นแล้ว และมีประสิทธิภาพ ตนเองก็อยากเสนอว่าให้กำหนดระยะเวลาการพูดคุยเรื่องเขตแดนกับกัมพูชาว่าจะต้องจบในกี่ปี

“ขอย้ำว่าทุกมาตรการที่ดำเนินการอยู่ไม่ได้อยากทำร้ายคนกัมพูชา แต่เรามีการตอบโต้ทางการทูตหรือการปิดด่าน ซึ่งฝั่งกัมพูชาก็เป็นฝ่ายปิดก่อน เช่น ด่านกาสิโน เขาไม่ปิดพูดง่าย ๆ คือ อะไรที่เขาได้ประโยชน์เขาไม่ปิด อะไรที่เราได้ประโยชน์เขาพยายามปิดตรงนั้น ทำให้เกิดการตอบโต้” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า เราพยายามไปแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ตนเองเชื่อว่าจะเป็นอาวุธหลักของเราในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ระหว่างไทยกับกัมพูชา.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]