“รังสิมันต์” จ่อเชิญ “แพทองธาร” แจงคลิปเสียง สัปดาห์หน้า

รัฐสภา 26 มิ.ย.- “รังสิมันต์” แฉ ตั้งแต่นายกฯ ประกาศมาตรการเชิงรุกปราบอาชญากรรมข้ามชาติ “กัมพูชา” ไม่มีการเริ่มต้นสักมาตรการ ยกเว้นคุมด่าน แปลกใจ ทำไมไม่มีความคืบหน้า ชี้ เรือขนส่งน้ำมัน น่าจะเป็นธุรกิจระหว่างบริษัท ยอมรับ พอใจแนวทางสู้คดีของ กต. เห็นชัดถึงการเตรียมความพร้อม แต่ยังลงรายละเอียดไม่ได้ สัปดาห์หน้า เชิญ “แพทองธาร” แจง คลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” หากไม่มาขู่ใช้ พ.ร.บ. อำนาจเรียก


นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงผลการประชุมที่มีการพิจารณาเรื่องปัญหาพื้นที่พิพาทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เบื้องต้นมาตรการตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน เป็นมาตรการที่มีต้นแบบจากฝั่งเมียนมา ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการอะไรเลย เช่น เรื่องไฟที่มีการจ่ายไฟให้ 9 จุด สมช.แจ้งว่าทางกัมพูชาเป็นคนตัดไฟเอง ซึ่งเบื้องต้น ไฟทั้ง 9 จุดไม่ได้ไหลไปยังกัมพูชาแล้ว ส่วนอินเทอร์เน็ตยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด ซึ่ง สมช. ยังไม่ได้รับรายงานจาก กสทช. ในส่วนของน้ำมันถ้าเป็นในเรื่องยานพาหนะไม่สามารถที่จะขนถ่ายน้ำมันจากประเทศไทยไปกัมพูชาได้ เพราะด่านถูกปิด ส่วนการขนส่งทางเรือยังสามารถทำได้อยู่ เพราะไทยไม่ได้มีมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา น้ำมันที่ไปไม่ได้ก่อนหน้านี้เพราะด่านปิด

ดังนั้น หลังจากที่นายกรัฐมนตรีแถลงว่าจะมีมาตรการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้มีการเริ่มต้นในมาตราการเชิงรุก ซึ่งเรื่องนี้กรรมาธิการค่อนข้างแปลกใจว่าไม่มีความคืบหน้าเลย ความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมที่สุดที่มีมาตรการออกมาจากทางรัฐบาลคือการปิดด่านเท่านั้น


ส่วนที่มีภาพเรือน้ำมันขนส่งไปยังกัมพูชา แสดงว่าทางกัมพูชายังมีการสั่งซื้อน้ำมันอยู่ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องธุรกิจระหว่างบริษัท แต่เท่าที่ตนเองจะตอบได้คือ ปัจจุบันเราไม่ได้มีคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมัน จึงไม่ได้มีมาตรการอะไรที่จะควบคุมบริษัทเอกชนที่จะส่งออกน้ำมันไปที่กัมพูชาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า น้ำมันจากที่เคยไปทางบกได้ก็ไปไม่ได้ เพราะด่านถูกควบคุมอาจจะทำให้การขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศไทยไปกัมพูชาต้องใช้ช่องทางอื่น สิ่งที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะมีมาตรการทำนองเดียวกันกับทางฝั่งเมียนมา คือ ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมันยังไม่ได้เริ่มต้น และยังไม่ได้มีเวลาที่กำหนดออกมา

เมื่อถามว่า แสดงว่าจะไม่มีการยกระดับมาตรการนี้มาใช้เลยใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองไม่สามารถสรุปแบบนั้นได้ เบื้องต้นสมช.ชี้แจงชัดเจนว่ามีการดำเนินการแบบนั้นในเรื่องของการตัดเน็ต ตัดไฟ และน้ำมัน แต่ไม่ได้ระบุวันว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงของการประเมิน เพื่อกำหนดแผนอย่างรอบคอบ

เมื่อถามถึง กระทรวงการต่างประเทศได้มีการชี้แจงเรื่องการเตรียมการขึ้นศาลโลกอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรรมาธิการค่อนข้างพอใจที่ได้รับรู้ และเห็นถึงการเตรียมความพร้อม ซึ่งตนเองไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เพราะข้อมูลหลายส่วนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่อย่างไรก็ตามต้องอยู่บนจุดที่เราไม่ประมาทในเรื่องที่กัมพูชาพยายามชักจูงให้ไทยไปศาลโลก


เมื่อถามถึง กลวิธีที่ใช้เช่นเดียวกับกรณีของเขาพระวิหารหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ใช่ แต่สิ่งที่ทีมไทยแลนด์ และกองทัพต้องระวังอย่างยิ่ง คือทางกัมพูชาอาจจะพยายามจุดชนวนให้เกิดความรุนแรง และเมื่อเกิดความรุนแรงจะอาศัยความชอบธรรมตรงนี้ที่จะพาประเทศไทยไปศาลโลก ซึ่งตอนนี้เราต้องระวังเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้กัมพูชาได้ในสิ่งที่ต้องการ

“การที่ผมพูดว่ากัมพูชาเราหมายถึงรัฐบาลกัมพูชา ยืนยันว่าพี่น้องคนกัมพูชาทั่วไป ไม่สมควรที่จะได้รับผลกระทบหรืออยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้เลย คนไทยก็เช่นเดียวกัน วันนี้ต้องใช้คำว่าเป็นปัญหาระหว่างรัฐบาลกัมพูชา และรัฐบาลไทย” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า วิธีที่รัฐบาลกัมพูชาใช้อาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติกรรมาธิการได้มีการแนะนำกระทรวงการต่างประเทศอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรามีข้อแนะนำหลายอย่าง ซึ่งเราให้ความสำคัญกับเรื่องแก๊งคลอเซ็นเตอร์ ซึ่งคิดว่าเราน่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างดีมาก ๆจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐ ซึ่งจากข่าวสหรัฐพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย เป็นต้น รวมถึงการทำงานเชิงรุกทางการทูตที่ต้องเพิ่มมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า กรรมาธิการจะมีการพิจารณาข้อมูลของนักการเมืองชาวกัมพูชาที่ถูกฆาตกรรมในไทย ซึ่งมีคลิปเสียงออกมาว่านักการเมืองผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของกัมพูชาได้เป็นคนสั่งให้มีการลอบสังหาร นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีการพิจารณาคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีไทยที่มีการพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ด้วย เรื่องนี้กรรมาธิการต้องการคำอธิบายจากนายกรัฐมนตรี โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการเชิญนายกรัฐมนตรี คิดว่าไม่น่าจะมีใครชี้แจงแทนได้ เพราะมีการบอกว่าสถานการณ์ตรงนั้นมีไม่กี่คนที่ล่วงรู้ รวมถึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาด้วย ร่วมกับ สมช. ผบ.ตร. และผู้ลี้ภัยอีก 2 คน ที่เป็นผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ เพื่อยืนยันว่ามีความพยายามที่จะลอบสังหารฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมืองของกัมพูชาบนแผ่นดินไทยจริง ดังนั้นนี่คือการล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยที่มีความร้ายแรง

เมื่อถามว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมาให้ข้อมูลจะทำอย่างไร นายรังสีมันต์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาในเรื่องของการใช้อำนาจเรียก แต่เบื้องต้นก็อยากจะขอความร่วมมือ

“หากนายกรัฐมนตรี เป็นไปอย่างที่ชี้แจงไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลย ผมคิดว่ากรรมาธิการและตอบคำถามกรรมาธิการ อย่างตรงไปตรงมา ว่าเกิดอะไรขึ้นผมคิดว่าเป็นเรื่องที่นายกพึงกระทำ” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่ามีกลไกอื่นอีกหรือไม่ที่จะตรวจสอบนายกรัฐมนตรี นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กลไกในการตรวจสอบมีหลายกลไก หนึ่งในนั้นก็คือชั้นกรรมาธิการหรือมากไปกว่านั้นอาจจะเป็นการตั้งกระทู้ถามในสภาหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นเรื่องที่พรรคฝ่ายค้านกำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเข้าใจว่ามีข้อเสนอที่แตกต่างกันอยู่ มีทั้งข้อเสนอให้ลาออก และยุบสภา ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันในฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่ากรณีที่มีการรอบข้างฝ่ายค้านของกัมพูชา จะสาวไปถึงได้มากแค่ไหน เพราะเหมือนกับว่าฝ่ายเราจะเอื้อประโยชน์ให้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อฝ่ายกัมพูชาหาคลิปเสียงพิสูจน์ได้ก็ต้องมีการดำเนินการ และพิจารณาว่าควรใช้เครื่องมือทางกฎหมายอย่างไรบ้าง ส่วนในประเทศไทยหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ

ส่วนเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีและ สมเด็จฯ ฮุน เซน การทำงานของกรรมาธิการจะทับซ้อนกับองค์กรอิสระหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นคนละส่วนเพราะเราเป็นฝ่ายการเมืองใช้กลไกสภา หากสภาไม่ทำหน้าที่ถือว่าเป็นเรื่องประหลาด

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศกังวลหรือไม่หากกัมพูชานำข้อพิพาทขึ้นศาลโลก หรือมีประเด็นใดที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ภาพรวมกระทรวงการต่างประเทศค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่ไปถึงจุดนั้น เพราะเราเน้นย้ำมาตลอดว่าเราไม่รับเขตอำนาจศาลโลก และมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะไปสู่ศาลโลกไม่ได้ ข้อสำคัญคือ กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาล และกองทัพต้องทำงานให้เป็นเนื้อเดียวกัน

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มีการชี้แจงหรือไม่ว่าจะไปประเทศใดบ้าง เพื่อทำความเข้าใจ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ทำไปพอสมควร ซึ่งต้องชื่นชมอธิบดีโดยทางกมธ. ต้องทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศมากกว่านี้ เราอยากให้ความร่วมมือกับ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วันนี้นักวิชาการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถ้านายมาริษได้ยินกับหูถือว่าเป็นประโยชน์แน่นอน ซึ่งมีข้อเสนอที่ดีมาก ๆ แต่ตนเองไม่สามารถเปิดเผยได้ และในที่ประชุมนักวิชาการเอง ก็ได้ประเมินว่าไทยยังอยู่ในจุดที่ดี ไม่คิดว่าจะขึ้นการพิจารณาสู่ศาลโลกได้ง่าย แต่ก็อย่าประมาท และคิดว่ากรณีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ก็ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการขึ้นศาลโลก

สำหรับหน่วยงานที่มาชี้แจงได้มีการพูดถึงการยกระดับมาตรการตามแนวชายแดนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้น สมช. ตอบได้ไม่มาก ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรการที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย แต่ปัญหาคือนโยบายที่ได้รับมาไม่มีความคืบหน้า และคิดว่าเร็ว ๆ นี้คงจะยังมีการยกระดับมาตรการ แต่ธงหลักของเราคือต้องการพูดคุยแบบทวิภาคี ส่วนตัวเห็นว่า หากมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการพูดคุยแบบทวิภาคีเกิดขึ้นแล้ว และมีประสิทธิภาพ ตนเองก็อยากเสนอว่าให้กำหนดระยะเวลาการพูดคุยเรื่องเขตแดนกับกัมพูชาว่าจะต้องจบในกี่ปี

“ขอย้ำว่าทุกมาตรการที่ดำเนินการอยู่ไม่ได้อยากทำร้ายคนกัมพูชา แต่เรามีการตอบโต้ทางการทูตหรือการปิดด่าน ซึ่งฝั่งกัมพูชาก็เป็นฝ่ายปิดก่อน เช่น ด่านกาสิโน เขาไม่ปิดพูดง่าย ๆ คือ อะไรที่เขาได้ประโยชน์เขาไม่ปิด อะไรที่เราได้ประโยชน์เขาพยายามปิดตรงนั้น ทำให้เกิดการตอบโต้” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า เราพยายามไปแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ตนเองเชื่อว่าจะเป็นอาวุธหลักของเราในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ระหว่างไทยกับกัมพูชา.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]