19 มี.ค. – หมอกควันไฟป่าปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่นานนับสัปดาห์ คุณภาพอากาศแย่ติดอันดับ 3 ของโลก บางพื้นที่ PM 2.5 สูงถึง 603 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ขณะที่ชาวนาอ่างทองลักลอบเผาต่อเนื่อง
สภาพท้องฟ้าในตัวเมืองเชียงใหม่ยังเต็มไปด้วยหมอกควันไฟป่ามานานกว่า 1 สัปดาห์ ค่ามลพิษสูง ทำให้ประชาชนแสบตาแสบจมูก บางคนแพ้ผิวหนังเป็นผื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะคนที่อยู่กลางแจ้ง บางคนสวมหน้ากากอนามัยมากถึง 2 ชั้น ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ดี รถยนต์ต้องเปิดไฟหน้า
ขณะที่ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิยาลัยเชียงใหม่ รายงานคุณภาพอากาศแบบรายชั่วโมง บริเวณ รพ.สต. บ้านปางมะเยา ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว เมื่อเวลา 07.00 น. พุ่งสูงถึง 603 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร บ้านหัวโท ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว 445 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์
ด้านเว็บไซต์ไอคิวแอร์ รายงานเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. จัดอันดับให้เชียงใหม่ คุณภาพอากาศแย่อันดับ 3 ของโลก ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 199 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่เช้าวันนี้ พบจุดความร้อนมากถึง 89 จุด กระจายใน 17 อำเภอ พื้นที่อำเภอเชียงดาว มากที่สุด 32 จุด
ส่วนที่อ่างทอง บริเวณทุ่งนาริมถนนสายบ้านเขาบวช-อ่างแก้ว ต.โคกพุทรา อ.โพธิ์ทอง ชาวนาเผาตอซังข้าวหลังการเก็บเกี่ยวจนทำให้ไฟลุกไหม้เป็นวงกว้าง และลามไปติดต้นไม้ริมถนนยาวกว่า 100 เมตร ส่งผลควันไฟปกคลุมจนมองไม่เห็นรถที่สัญจรไป-มา
นอกจากจุดนี้ยังพบว่าอีกหลายจุดยังมีชาวนาที่ยังคงฝ่าฝืนลักลอบจุดไฟเผานาตอซังข้าว เพื่อเตรียมพื้นที่ทำนาต่อเนื่อง จนทำให้ค่าความร้อนในพื้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีคำเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ งดการเผาตอซังข้าวหลังการเก็บเกี่ยว เนื่องจากส่งผลกระทบทั้งเพิ่มมลพิษและยังทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูง แต่ชาวนาในพื้นที่ยังคงฝ่าฝืนเผาตอซังข้าว เนื่องจากหลายคนเร่งทำนาก่อนฤดูแล้ง ประกอบกับราคาข้าวที่ยังคงสูง ตันละ 10,000 บาท ทำให้ชาวนายอมเสี่ยงเร่งเผาตอซังเพื่อปรับพื้นที่ทำนาแทนการไถกลบที่ต้องใช้เวลามากแทน
ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกมาขอความร่วมมือให้งดเผาวัชพืชทุกชนิดในที่โล่ง แต่ก็พบว่ามีการฝ่าฝืนลักลอบเผาทุกวัน จนมีเสียงเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายที่มีทั้งโทษจำและโทษปรับอย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาดังกล่าว. – สำนักข่าวไทย